xs
xsm
sm
md
lg

ก.พาณิชย์ อนุมัติงบ 777 ลบ. ดันส่งออก ฝ่าวิกฤติ ศก.โลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากที่คณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยมีนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ได้อนุมัติเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศประจำปีงบประมาณ 2552 จำนวนเงิน 777.6 ล้านบาท เพื่อผลักดันการส่งออกอย่างเร่งด่วน รองรับวิกฤตเศรษฐกิจปัจจุบัน โดยงบกองทุนฯ ดังกล่าว จะเป็นร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการผลักดันการส่งออก

นายไชยา เผยว่า งบประมาณดังกล่าว จะนำไปใช้ดำเนินแผนกลยุทธ์เร่งด่วน 5 กลยุทธ์ ได้แก่ 1. ผลักดันการส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารอย่างเต็มที่ มีสัดส่วนการส่งออกคิดเป็นร้อยละ 17.0 ของมูลค่าส่งออกรวม และจะผลักดันให้สัดส่วนดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นเป็นประมาณร้อยละ 17-19

2. เร่งส่งเสริมการส่งออกเป็นกรณีพิเศษในตลาดที่จะได้รับผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจโลกน้อย โดยเฉพาะประเทศในอาเซียน(9) จีน อินเดีย ตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก และ แอฟริกา ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกประมาณร้อยละ 65.3 ของการส่งออกรวม โดยจะผลักดันให้สัดส่วนการส่งออกดังกล่าวเพิ่มขึ้น เป็นประมาณร้อยละ 65 – 67 เพื่อชดเชยตลาดหลักที่คาดว่าได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก

สำหรับตลาดหลักที่คาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป มีสัดส่วนการส่งออกประมาณร้อยละ 34.7 จะมุ่งส่งเสริมเพื่อรักษาตลาดไม่ให้การส่งออกลดลง

3. เร่งส่งเสริมธุรกิจบริการอย่างเข้มข้น เพื่อสนับสนุนให้การส่งออกทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เพิ่มมากขึ้น โดยส่งเสริมโครงการที่ได้ดำเนินการอยู่แล้ว เช่น ร้านอาหารไทยจากนโยบายครัวไทยสู่โลก ธุรกิจบันเทิง/ธุรกิจภาพยนต์/เพลง(Entertainment) การศึกษา สปาและโรงพยาบาล เป็นต้น และการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจบริการใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพและมีโอกาสในการขยายการส่งออกไปต่างประเทศได้ คือ แฟรนไชส์ การออกแบบ/ก่อสร้าง อู่ซ่อมรถ และ ธุรกิจการรับตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปผ่านอินเตอร์เน็ต (Tailor Made) เป็นต้น

4. สนับสนุนการลดต้นทุนสินค้าในระบบ Trade Logistics เพื่อเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในการส่งออก โดย สนับสนุนให้รัฐบาลเร่งการลงทุนด้านสาธารณูปโภค ด้านการขนส่ง เช่น รถไฟรางคู่ ท่าเรือ รถไฟ อย่างเต็มที่ ลดขั้นตอนราชการโดยให้บริการส่งออก ณ จุดเดียว(One Stop Service)ให้มากขึ้น ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด และ สนับสนุนให้มีธุรกิจบริการโลจิสติกส์ครบวงจรของไทยให้มากขึ้น

5. ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ (Internationalization) ให้มากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย ดำเนินการสนับสนุนใน 2 รูปแบบ คือ 1.สนับสนุนการลงทุนตั้งโรงงานผลิตสินค้าในสาขาที่ไทยมีความเข้มแข็งและมีความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อาหาร อาหารเพื่อสุขภาพ การเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร การก่อสร้าง พลังงาน สุขอนามัย การทำ Contract Farming เป็นต้น และ 2. สนับสนุนการเปิดสาขา หาตัวแทนและหุ้นส่วนในต่างประเทศ ในตลาดอาเซียน จีน ตะวันออกกลาง ที่มีศักยภาพและโอกาสในการขยายการส่งออก เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายธุรกิจไทยในต่างประเทศ

ทั้งนี้ งบประมาณ จำนวน 777.6 ล้าน จะจัดสรรงบตามภารกิจหลักสำคัญๆ ได้แก่ งานสนับสนุนการส่งออก ร้อยละ 29.75 ได้แก่ การพัฒนาบุคลากร การพัฒนาสินค้าและธุรกิจบริการเพื่อเพิ่มมูลค่า การพัฒนาข้อมูลการค้า เป็นต้น งานจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ร้อยละ 32.19 เช่น การจัดงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ การจัดและต้อนรับคณะผู้แทนการค้าเดินทางมาในประเทศและเดินทางไปต่างประเทศ การจัดงานแสดงสินค้า Thailand Exhibition เป็นต้น ผลักดันตลาดเชิงรุกร้อยละ 11.72 ได้แก่ การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยไปประกอบธุรกิจในต่างประเทศ และการพัฒนา Trade Logistic เพื่อการส่งออก งานประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการไทยในต่างประเทศ ร้อยละ 15.97 งานประชุมเจรจาการค้ าร้อยละ 2.42 และงานปกป้องและรักษาผลประโยชน์ทางการค้าร้อยละ 1.30 นอกจากนี้ ได้เตรียมสำรองให้มีงบส่งเสริมการส่งออกตามนโยบายเร่งด่วนอีก 50 ล้านบาท

นายไชยา กล่าวต่อว่า จากงบประมาณปกติและงบกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่กรมส่งเสริมการส่งออกได้รับประมาณ 3,500 ล้านบาท จะสามารถทำให้การส่งออกในปี 2551 เพิ่มขึ้นได้ร้อยละ 15-20 และในปี 2552 จะได้มีการกำหนดเป้าหมายส่งออก ปี 2552 ให้ชัดเจนได้ในช่วงปลายปี หลังจากการประชุมหารือร่วมกับภาคเอกชนและสำนักส่งเสริมการค้าในต่างประเทศแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น