ผลกระทบเกิดจากการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกเมืองไทย จากการเข้ามาธุรกิจค้าปลีกข้ามชาติ รวมถึงร้านสะดวกซื้อที่เกิดขึ้นมากมาย ส่งผลให้ผู้ค้าปลีกรายย่อยหรือร้านขายของชำจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง และการปรับตัวเองร้านค้าปลีกรายย่อย คือ การเปลี่ยนตัวเองให้ดูทันสมัยในรูปแบบของร้านสะดวกซื้อ
สำหรับร้านสะดวกซื้อ ที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาในรูปแบบแฟรนไชส์จะเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ต้องการจะปรับเปลี่ยนตัวเอง หรือ ผู้ประกอบการรายใหม่ที่ต้องการจะก้าวเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีก ทั้งนี้ จากความผิดพลาดของธุรกิจแฟรนไชส์ค้าปลีก ทำให้หลายคนไม่กล้าพอที่จะลงทุนกับแฟรนไชส์ค้าปลีกรายใหม่ที่เข้ามาเปิดตลาด
อย่างไรก็ตามจากช่องว่างและความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากเจ้าของแฟรนไชส์ค้าปลีกบางราย เป็นแรงบันดาลใจให้ "นายณัฐวร แสงสว่าง" หันมาบุกเบิกธุรกิจแฟรนไชส์ค้าปลีกอีกครั้ง และคาดหวังว่าจะเป็นแฟรนไชส์คนไทย ที่เข้าใจและเติบโตไปพร้อมกับคนไทย และพร้อมจะพิสูจน์ฝีมือให้ค้าปลีกข้ามชาติได้เห็นว่าคนไทยเอง สามารถจะสร้างธุรกิจค้าปลีกร้านสะดวกซื้อที่มีคุณภาพทัดเทียมกับต่างชาติได้
นายณัฐวร กล่าวว่า ได้เริ่มเปิดตัวแฟรนไชส์ร้านค้าปลีก ภายใต้แบรนด์ ออเร้นจ์ มาร์ท มาตั้งแต่ปี 2549 เป็นระยะเวลาตั้งแต่เริ่มเปิดกิจการมาจนถึงทุกวันนี้ประมาณ 2 ปี โดยเปิดให้บริการไปแล้วจำนวน 10 สาขา ในต่างจังหวัด และในปีนี้ ทางบริษัทตั้งใจจะใช้แผนการตลาดเชิงรุกมากขึ้น โดยตั้งเป้าจะขยายสาขาให้ได้อีกจำนวน 50 สาขา ต่อปี
“จุดเด่นของออเร้นจ์ มาร์ทของเรา อยู่ที่ผมได้พยายามดึงข้อดีของร้านสะดวกซื้อที่มีชื่อเสียงของเมืองไทย มาใช้ และพยายามศึกษาข้อเสียของแฟรนไชส์ค้าปลีกบางรายที่บริหารงานผิดพลาดมาเป็นตัวอย่างเพื่อนำมาเป็นแนวทางจะได้ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดดังกล่าวกับแฟรนไชส์ของเรา และใช้กลยุทธ์เรื่องของราคาที่สมเหตุสมผลต่างจากคู่แข่ง มาเป็นแรงจูงใจลูกค้า ”
โดยทางออเร้นจ์ มาร์ท ได้ตั้งราคาแฟรนไชส์ไว้ที่ 790,000 บาท บนพื้นที่ตั้งแต่ 30 ตารางเมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน 40 ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งร้านครบชุด ทั้งตู้แช่ แบบเปิดโชว์อาหารได้ และเครื่องขายน้ำอัดลม ชุดกล้องวงจรปิด และการตกแต่งภายในร้าน รวมสินค้าพร้อมจำหน่ายอีกจำนวน 100,000 บาท โดยลูกค้าสามารถเปิดร้านขายได้ทันที
ส่วนรายการสินค้าที่จำหน่ายภายในร้านอยู่ที่ 2,000 รายการ โดยจะแบ่งเป็นสินค้าในหมวดของอาหารประมาณ 80% ที่เหลือเป็นกลุ่มของใช้และอื่นๆ 20% สาเหตุที่รายการสินค้าจะเน้นหนักไปที่กลุ่มอาหารเพราะอาหารเป็นกลุ่มที่สามารถทำกำไรได้ดีกว่าสินค้ากลุ่มอื่นๆ เฉลี่ยกำไรจากสินค้ากลุ่มอาหารมากกว่า 60% ซึ่งร้านสะดวกซื้อในปัจจุบันส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับกลุ่มอาหารเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าจากทางบริษัท หรือ สามารถซื้อได้เองในแหล่งชุมชนใกล้เคียง และลูกค้าสามารถตั้งราคาขายเองได้
นายณัฐวร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาได้ประสบการณ์จากการเป็นผู้บริหารร้านสะดวกซื้อให้กับร้านเอเอ็มพีเอ็ม และได้นำประสบการณ์จากตรงจุดนั้น ได้มารวมตัวกับกลุ่มเพื่อนมาจัดตั้งบริษัทเพื่อบริหารแฟรนไชส์ค้าปลีกร้านสะดวกซื้อ เพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญของการแข่งขันในตลาดค้าปลีกเมืองไทยที่จำเป็นจะต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันกับค้าปลีกข้ามชาติ เพราะเรื่องค้าขายอยู่ในสายเลือดของคนไทย ซึ่งรู้จักการค้าขายกันมาตั้งแต่อดีตกาล
กลุ่มลูกค้า คนทั่วไปที่ต้องการมีร้านขายของชำในรูปแบบของร้านสะดวกซื้อ หรือ อดีตข้าราชการเหลือเงินก้อนสุดท้ายและต้องการลงทุนทำการค้า เพราะอาชีพค้าขายเป็นอาชีพให้ข้าราชการเกษียณเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องออกไปทำงานนอกบ้าน แต่ยังมีรายได้ และกลุ่มร้านขายของชำที่ต้องการปรับเปลี่ยนเป็นร้านสะดวกซื้อ
นอกจากนี้ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ต้องการซื้อแฟรนไชส์ หรือ ต้องการใช้ชื่อของตัวเอง แต่ขาดความรู้เรื่องการบริหารจัดการร้านสะดวกซื้อได้มาตรฐาน ทางบริษัทมีบริการให้คำปรึกษาพร้อมกับเซ็ตระบบและตกแต่งร้านให้ โดยจะคิดค่าบริการครึ่งหนึ่งของราคาแฟรนไชส์ ส่วนลูกค้าที่ซื้อแฟรนไชส์จะต้องจ่ายค่าบริหารจัดการในแต่ละเดือนแก่บริษัทจำนวน 5,000 บาท ตลอดอายุสัญญา 5 ปี เพื่อทางบริษัทจะได้นำเงินส่วนนี้ไปเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งทีมงานเข้าไปดูแลทุกเดือน อย่างต่อเนื่อง
โอกาสคืนทุนทางบริษัทตั้งไว้ไม่เกิน 2 ปี แต่ต้องขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งด้วย ซึ่งถ้าลูกค้าไม่มีทำเลทางบริษัทยินดีที่จะช่วยหาทำเลที่ตั้งให้ หรือถ้าลูกค้ามีทำเลอยู่แต่เมื่อบริษัทเข้าไปตรวจดูแล้วไม่ผ่านก็จะไม่เปิดให้เช่นกันเพื่อป้องกันความผิดพลาดเกิดขึ้นในอนาคต
***********************************************
087-692-6484 ,0-2998-1740