องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ NASA ได้เผยข้อมูลว่า ยานจูโนได้เข้าสำรวจ "ดวงจันทร์ไอโอ" บริวารดาวพฤหัสบดี พบภูเขาไฟและทะเลสาบลาวาหลายร้อยแห่ง หลังเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับดวงจันทร์แกนีมีด และดวงจันทร์ยูโรปา บริวารของดาวพฤหัสบดีไปแล้ว
ยานจูโนได้เข้าสำรวจดวงจันทร์ไอโอ ดาวบริวารอีกดวงของดาวพฤหัสบดี เมื่อกลางปี จากนั้นได้ส่งภาพต่างๆ กลับมาถึงโลกเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้พบภูเขาไฟและทะเลสาบลาวาหลายร้อยแห่งบนดวงจันทร์ไอโอ ขณะที่ยานจูโนบินเหนือระดับความสูงราว 80,000 กิโลเมตร
สกอต โบลตัน หัวหน้าทีมสำรวจของยานจูโน แห่งสถาบันวิจัยเซาท์เวสต์ในเมืองซานอันโตนิโอ บอกว่า ทางทีมสำรวจตื่นเต้นที่ได้เห็นภาพภูเขาไฟและทะเลสาบลาวา จากการบันทึกภาพของยานจูโน หลังเข้าสำรวจดวงจันทร์บริวารของดาวพฤหัสบดี ทำให้ทางทีมสำรวจได้ข้อมูลใหม่ที่สำคัญ
นอกจากนี้ โบลตันยังกล่าวด้วยว่า การพบครั้งนี้ทำให้ทราบว่า ดวงจันทร์ไอโอเป็นดาวที่มี และทีมวิจัย ได้เก็บข้อมูลภูเขาไฟบนดวงจันทร์ไอโอที่มีความเกี่ยวข้องกับสนามแม่เหล็กบนดวงจันทร์ และสนามแม่เหล็กของดาวพฤหัสบดี ซึ่งโบลตันเชื่อว่าสนามแม่เหล็กของดวงจันทร์ไอโอกับดาวพฤหัสบดีต่างผลัดกันดึงดูดในระหว่างที่โคจรเข้าใกล้กัน เป็นเหตุให้เกิดแสงเหนือแสงใต้บนดาวพฤหัสบดี
ดวงจันทร์ไอโอของดาวพฤหัสบดีจะยังคงเป็นเป้าหมายของทีมสำรวจต่อไปในปีหน้า ขณะที่นักวิจัยจะดำเนินการศึกษาภูเขาไฟบนดวงจันทร์ไอโอ และการปะทุของภูเขาไฟมีปฏิกิริยาต่อสนามแม่เหล็ก และแสงเหนือแสงใต้ของดาวพฤหัสบดีอย่างไร
สำหรับข้อมูลของ "ยานจูโน" นั้น เป็นภารกิจใหม่ของนาซาmujlj'ไปยังดาวพฤหัสบดี ได้ถูกปล่อยขึ้นจากสถานีกองทัพอากาศเคปคานาเวอเรล เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 2011 และจะไปถึงจุดหมายในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 2016 โดยมีรูปแบบการโคจรอยู่ในวงโคจรขั้วโลก เพื่อศึกษาองค์ประกอบของดาวพฤหัสบดี, สนามแรงโน้มถ่วง, สนามแม่เหล็ก และแม็กนีโตสเฟียร์ขั้วโลก ศึกษาจุดกำเนิดของดาวรวมถึงค้นหาคำตอบว่าดาวพฤหัสบดีที่มีแกนหินหรือไม่ ปริมาณน้ำในชั้นบรรยากาศที่ลึกลงไป การกระจายมวลและความเร็วลมในบรรยากาศชั้นลึกที่เชื่อว่าจะมีความเร็วลมสูงสุด 618 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (384 ไมล์ต่อชั่วโมง) จูโนเป็นยานอวกาศลำที่สองที่โคจรรอบดาวพฤหัสบดีต่อจากยานอวกาศกาลิเลโอที่โคจรระหว่างปี ค.ศ. 1995 - 2003
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : TNN World / องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ NASA
