xs
xsm
sm
md
lg

กระแง่สอด

เผยแพร่:   โดย: ฉัตรพรรษ พงษ์เจริญ



แม้จะเป็นเวลาเพียงบ่ายแก่ ๆ ของวัน แสงจากกองไฟก็ดูสว่างไสวขึ้นเมื่อฟ้ามืดลงเรื่อย แคมป์พักแรมซึ่งตั้งอยู่ในหุบโดยมากก็จะประสบเหตุแบบนี้เป็นปกติ แต่เนื่องจากใกล้แหล่งน้ำและพื้นที่โดยรอบเป็นเขาและหุบชัน จุดตั้งแคมป์พักแรม ณ ปัจจุบันจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม อีกทั้งยังเป็นจุดคุ้นเคยของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าซึ่งเข้ามาใช้ประจำเมื่อเข้ามาทำภารกิจลาดตระเวนในพื้นที่ใกล้เคียง

 

คณะสำรวจและเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจากสำนักงานเขตฯ และหน่วยพิทักษ์ป่ากระแง่สอด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก จังหวัดตาก เดินเท้าจากอาคารสำนักงานของหน่วยพิทักษ์ป่าไปยังน้ำตกกระแง่สอดเพื่อเข้าสำรวจความหลากหลายของกล้วยไม้ในบริเวณและพื้นที่ใกล้เคียง ระยะทางเพียง 6 ถึง 7 กิโลเมตรนั้นเรียกได้ว่าเล็กน้อยและการเดินในช่วงระยะแรกเป็นเพียงการเดินตามทางด่านแนวราบของหมู่บ้านเก่าก่อนการอพยพออกนอกพื้นที่ "ถ้าไม่อพยพออกน่าจะไม่เหลืออะไรแล้วครับ ทั้งสัตว์ป่า ทั้งป่า แล้วก็น้ำ" เรื่องราวคร่าว ๆ ของพื้นที่ถูกถ่ายทอดผ่านระหว่างขบวนกำลังเคลื่อนเดิน

 

"สบายแค่ช่วงนี้แหล่ะครับ เดี๋ยวได้เจอของจริง" บอย เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจากสำนักงานเขตฯ ผู้ซึ่งคอยช่วยเหลือคณะสำรวจจากโครงการสำรวจกล้วยไม้เป็นประจำเอ่ยขึ้น และไม่ผิดเพี้ยนไปจากคำบอกเล่า เส้นทางแนวระนาบได้หายไปแล้วเหลือเป็นเพียงเส้นทางแนวดิ่งลงตามร่อยรอยด่านช้างเท่านั้น เถาวัลย์ ไม้ล้ม กองใบไม้ และอุปสรรคมากมายกีดขวางไปตลอดทางจนผมถึงกับล้มคะมำหน้ากระแทกพื้นโครมใหญ่จนสมาชิกหันมองตามเสียง "ไม่เป็นอะไรครับ" ผมบอกทุกคนและถ่มเลือดที่กลบคลั่งจากปากแตกลงพื้นก่อนเตรียมออกเดินทางต่อ

 

หลังจากข้ามห้วยเปียกแห้งสองสามห้วยและเดินดิ่งลงอยู่พักใหญ่ พื้นราบเบื้องหน้าพร้อมเสียงตะโกนบอกจากทางเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าผู้นำทางว่าถึงจุดพักแล้วสร้างความชื่นใจให้สมาชิกหลายคนรวมทั้งผมเองได้ไม่น้อย สัมภาระหนักอึ้งเพื่อพักค้างแรมถูกแยกเพื่อจัดเตรียมแคมป์พัก อาหารกลางวันถูกนำมารวมกัน สมาชิกส่วนใหญ่เตรียมกระเป๋าใบเล็กเพื่อการเดินสำรวจต่อเรื่องในช่วงบ่ายหลังมื้ออาหาร ส่วนบางคนทำหน้าที่เฝ้าแคมป์พักและตรวจดูความเรียบร้อย

 

"เดี๋ยวเราจะไปทางไหนต่อครับพี่" ผมถามพี่อเนก เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่ากระแง่สอด "ขึ้นน้ำตกครับ" พี่อเนกตอบกลับ คณะสำรวจเดินทางสวนลำน้ำไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ด้วยลำห้วยหินปูนทำให้การเดินไปตามก้อนหินในน้ำไม่ลื่นมากนัก สามารถวางเท้าและปีนป่ายได้ง่าย กระนั้นบางจุดซึ่งเป็นกองใบไม้หรือดินโคลนก็สามารถหลอกตาทำให้เมื่อพลาดเหยียบก็มีเปียกปอนกันไปบ้างตามสมควร

 

ห้วยกระแง่สอดเป็นห้วยน้ำไหลตลอดปี เนื่องจากเป็นลำห้วยหินปูน สภาพลำห้วยจึงมีหินปูนเกาะตามหิน หน้าผา ไม้ล้มกลางน้ำ ตลอดเส้นทาง สภาพน้ำตกไหลหลั่นลงมาเป็นชั้น ๆ สามารถพบได้ตลอดเส้นลำธาร พรรณไม้ริมน้ำขึ้นมากมายตามริมขอบและกลางห้วย ต้นตาว ไม้ไผ่ และหวายก็สามารถพบได้ตลอด คณะสำรวจเดินต่อเนื่องจนกระทั่งพี่อเนกตะโกนดังมาจากบนหน้าผาว่าถึงตัวน้ำตกแล้ว ไม่รอช้าผมปีนขึ้นผาไปตามเสียงพร้อมด้วยอุปกรณ์ถ่ายรูปพะรุงพะรังเต็มสองมือ

 

ภาพที่เห็นทำให้ใจหายจากอาการเหนื่อยท้อเป็นปลิดทิ้ง น้ำตกไม่สูงมากนักแต่สวยงาม สองและตะไคร่ตามโขดผาเขียวสดสวย น้ำไหลเป็นทางกระทบแอ่งน้ำด้านล่างและไหลต่อลงมาเป็นชั้นไล่ลำดับมาถึงแอ่งน้ำใหญ่ที่ผมยืนมองดูอยู่ ต้นไม้สองข้างเขียวสดใสไม่มีวี่แววของช่วงเวลาแห่งฤดูหนาว "สวย" เป็นเพียงคำพูดเดียวก้องอยู่ในใจระหว่างการจัดอุปกรณ์ถ่ายรูป ซึ่งก็สามารถเก็บเอามาได้แค่เพียงเศษเสี้ยวของความสวยงามเท่านั้น

 

อาหารเย็นถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วเมื่อคณะสำรวจกลับมาถึงยังแคมป์พักแรม หลังจากจัดการชำระล้างร่างกายและธุระส่วนตัวแล้ว สมาชิกคณะสำรวจก็เข้ามาล้อมวงเตรียมรับประทานอาหารมื้อเย็น ไส้กรอกอิสานย่าง ผัดผักหวานเครือ แกงหมู และน้ำพริกปลากระป๋อง เสียงพูดคุยหยอกล้อและมื้ออาหารเย็นดำเนินไปพักใหญ่จนฟ้ามืดสนิทต่างคนก็ต่างแยกย้าย เหลือแต่วงพูดคุยด้วยจอกไม่ไผ่ไม่กี่คนยังคงคุยกันต่อเนื่องในเรื่องสัพเพเหระพักใหญ่กว่าจะกลับเข้าที่พักนอน

 

รองเท้าเดินป่าอย่างดีเท่าที่ผมจะสามารถหามาใช้งานได้ถูกแยกส่วนแขวนอังไว้ข้างกองไฟ แม้จะเป็นรองเท้าสมรรถนะสูงและสามารถกันน้ำซึมผ่านเข้ารองเท้าได้ก็ต้องพ่ายแพ้เมื่อขาทั้งสองข้างจมมิดหายลงสู่ความเวิ้งว้างของโคลนท้องน้ำ "จะแห้งไหมเนี่ย" ผมรำพึงรำพันกับตัวเอง พร้อมสอดสายละห้อยไปยังรองเท้าบูทยางสูงของพี่ ๆ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า

 

แต่เมื่อคิดดูแล้วเรื่องที่น่าจะต้องหนักใจ คงจะเป็นเรื่องของวันเดินทางกลับเข้าสู่หน่วยพิทักษ์ป่ากระแง่สอดเสียมากกว่า "จะรอดไหม มีขับเคลื่อนสี่ขากันแน่งานนี้" ผมรำพึงรำพันกับตัวเองเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งประโยค ก่อนกลับเข้าเปลนอนซึ่งผูกไว้อยู่ไม่ไกลจากกองไฟเท่าไร


เกี่ยวกับผู้เขียน

"แต่เดิมเป็นเด็กบ้านนอกจากจั
งหวัดจันทบุรี ที่มีความมุ่งมันตั้งใจศึกษาต่อ ณ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากความสนใจส่วนตัวและการชักชวนจึงเข้าเรียนในสาขาวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าและทุ่งหญ้า ภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ จึงได้เข้าไปสัมผัสเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่าหลากหลายประเภทในพื้นที่อนุรักษ์หลากหลายแห่งทั่วประเทศไทย หลังจากสำเร็จการศึกษาได้รับคำแนะนำให้ไปศึกษาต่อ ณ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต กระนั้นก็ยังโหยหาและพยายามนำพาตัวเองเข้าป่าทุกครั้งที่โอกาสอำนวย"


พบกับบทความ "แบกเรื่องป่าใส่บ่ามาเล่า" ของ “จองื้อที” ได้ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน


กำลังโหลดความคิดเห็น