เจียไต๋ ลงนามความร่วมมือกับจังหวัดศรีสะเกษ ขับเคลื่อนโครงการเกษตรแปลงใหญ่เพื่อการปลูกพริกปลอดภัยอย่างยั่งยืน รักษาอาชีพให้เกษตรกรไทย
นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และนายมนัส เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจียไต๋ จำกัด ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการเกษตรแปลงใหญ่เพื่อการปลูกพริกปลอดภัย เมื่อ 8 พ.ย.62 โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมิเป็นสักขีพยาน ณ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง จังหวัดศรีสะเกษ
นายมนัส เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจียไต๋ จำกัด กล่าวถึงการลงนามความร่วมมือโครงการเกษตรแปลงใหญ่เพื่อการปลูกพริกปลอดภัยครั้งนี้ว่า พริกถือเป็นหนึ่งในพืชผักที่อยู่คู่ครัวคนไทยมาช้านาน เพราะคนไทยนิยมบริโภคอาหารรสจัด คนไทยรับประทานพริกกันมาก แต่พริกก็เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่มีสารเคมีตกค้างมากที่สุด
นอกจากนี้ ปัจจุบันการปลูกพริกของไทยยังเป็นการเพาะปลูกตามฤดูกาล ทำให้ได้ผลผลิตไม่ต่อเนื่อง จึงเกิดความขาดแคลนพริกในบางช่วง จนต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น จีน พม่า เวียดนาม ซึ่งมีราคาถูกกว่า ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคที่อาจจะเจอพริกที่ไม่ปลอดภัยแล้ว การนำเข้าพริกยังส่งผลกระทบกับอาชีพเกษตรกรของไทยเป็นอย่างมาก
"หากมีการนำเข้าพริกอย่างต่อเนื่องแล้ว เป็นไปได้ว่า สักวันหนึ่งเกษตรกรไทยจำนวนหลายแสนรายอาจจะสูญเสียอาชีพนี้ไปก็ได้ ดังนั้น เจียไต๋จึงต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับวงการเกษตรกรรมของไทยให้มีศักยภาพทัดเทียมนานาชาติ สามารถปลูกพริกที่มีความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องได้ในทุกฤดูกาล และมีปริมาณเพียงพอกับการบริโภคของคนไทย ในราคาที่สมเหตุสมผล ลดการนำเข้าพริกและทำให้เกษตรกรมีความเชี่ยวชาญในการปลูกพริก จนสามารถแข่งขันด้านการตลาดกับประเทศอื่นๆได้ต่อไป”
เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพหลายประการของจังหวัดศรีสะเกษในการมุ่งสู่การเป็น “ดินแดนเกษตรปลอดภัย” และความต้องการในการผลักดันให้พริกเป็นหนึ่งในพืชประจำจังหวัด ผ่านโครงการเกษตรแปลงใหญ่เพื่อยกระดับเศรษฐกิจภายในจังหวัดให้มีความเข้มแข็ง อีกทั้งยังช่วยอนุรักษ์อาชีพดั้งเดิมในการปลูกพริกของจังหวัดศรีสะเกษให้ยังคงอยู่ เจียไต๋จึงได้ริเริ่มโครงการพริกปลอดภัยขึ้นที่จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรต่างๆ เช่น การวางระบบให้น้ำ การวิเคราะห์ข้อมูลสภาพดินและสภาพอากาศ ตลอดจนการส่งนวัตกรผู้มีความเชี่ยวชาญการเกษตร หรือ Chia Tai Agronomist ลงพื้นที่ทำงานร่วมกับเกษตรกร เพื่อผลักดันให้เกิดการทำเกษตรกรรมในรูปแบบเกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งจะก่อให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลห่วงโซ่อุปทาน ที่สามารถนำมาต่อยอดในการกำหนดนโยบายการตลาดได้อย่างครบวงจร และยังเป็นการส่งเสริมการปลูกพริกให้ได้ทั้งคุณภาพและปริมาณ ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรสามารถควบคุมต้นทุนการผลิต เพิ่มรายได้ให้มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ยังผลักดันให้เกิดผลผลิตที่ได้รับการรับรองตามแนวทางการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถมั่นใจในการบริโภคพริกที่ปลอดภัย ในราคาสมเหตุสมผล ซึ่งในอนาคตผู้บริโภคจะสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปถึงแหล่งที่มาของผลิตผลได้อีกด้วย
นายมนัส กล่าวอีกว่า กว่า 98 ปีของการดำเนินธุรกิจ เจียไต๋ยึดมั่นในคุณธรรมและความซื่อสัตย์ ซึ่งถือเป็นรากแก้วที่สำคัญของบริษัท ธุรกิจของบริษัทเริ่มตั้งแต่การส่งมอบเมล็ดพันธุ์คุณภาพ ปุ๋ย ผลิตภัณท์อารักขาพืช เทคโนโลยีเพื่อการเพาะปลูก ไปจนถึงการส่งมอบผลผลิตสดใหม่ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ จึงตระหนักดีว่าธุรกิจของบริษัทมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน
"ที่เจียไต๋ เรายึดมั่นในการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงประโยชน์ของทุกภาคส่วน ดังนั้น การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการเกษตรแปลงใหญ่เพื่อการปลูกพริกปลอดภัย ร่วมกับจังหวัดศรีสะเกษในครั้งนี้ จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเจียไต๋ในการก้าวเข้าสู่ปีที่ 100 อย่างมั่นคง เพื่อสามารถบรรลุพันธกิจในการนำนวัตกรรมการเกษตรมาช่วยยกระดับวงการเกษตรกรรมของไทยให้ทัดเทียมนานาประเทศ พร้อมส่งเสริมให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง” าายมนัสกล่าว