นักบรรพชีวินวิทยาเผยผลวิเคราะห์ฟอสซิลและกระดูกที่พบทั่วออสเตรเลีย พบว่ามีนกที่สูญพันธุ์ไปจากพื้นที่ถึง 5 สปีชีส์ และยังพบด้วยว่าในอดีตเคยมีไก่งวงขนาดใหญ่เท่าจิงโจ้ที่บินได้ในทวีปนี้
ทีมนักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยฟลินเดอร์ส์ (Flinders University) ในเซาท์ออสเตรเลีย เผยถึงการค้นพบนก 5 สปีชีส์ที่สูญพันธุ์จากดินแดนของออสเตรเลียไปแล้วว่า ทั้งหมดเป็นญาติกับนกมอลลี (malleefowl) และไก่งวงออสเตรเลีย ที่มีในปัจจุบัน
สำหรับนกเมกาพอด (megapode) เหล่านี้มีชีวิตอยู่ในยุคไพลโตซีน (Pleistocene era) ซึ่งเป็นช่วงเวลาระหว่างเมื่อ 1.6 ล้านปีก่อนมาถึง 10,000 ปีที่ผ่านมา โดยอาศัยอยู่ร่วมกับสัตว์ยักษ์ประจำถิ่นของออสเตรเลีย อย่างตัวไดโปรโตดอน (diprotodons) สิงโตมาซูเพียล (marsupial lions) และจิงโจ้หน้าสั้น
ตามรายงานของเอเอฟพีนั้นในเบื้องต้นนักวิทยาศาสตร์คิดว่าฟอสซิลเหล่านี้ซึ่งพบครั้งแรกเมื่อช่วงปี 1880 นั้น เป็นนกโบราณชนิดเดียวแต่การวิเคราะห์ล่าสุดนำไปสู่ข้อสรุปว่า เป็นฟอสซิลของนกต่างกัน 5 สปีชีส์ และในจำนวนนี้มีไก่งวงที่หนักได้ถึง 8 กิโลกรัม และสูงกว่าจิงโจ้เทา (grey kangaroo) ซึ่งสูงได้ถึง 1.3 เมตร หรือมีขนาดใหญ่กว่าไก่งวงในปัจจุบัน 4 เท่า
เอเลน ชูต (Elen Shute) นักวิจัยในการศึกษาครั้งนี้ระบุว่า การค้นพบครั้งนี้เป็นเรื่องค่อนข้างสำคัญเพราะเป็นสิ่งที่บอกว่า นกเมกาพอดในออสเตรเลียกว่าครึ่งสูญพันธุ์ไปในยุคไพลโตซีน แต่เป็นเรื่องที่เราไม่ได้ตระหนักจนถึงปัจจุบัน โดยทีมวิจัยได้เปรียบเทียบฟอสซลที่พบในช่วงปี 1880 และ 1970 รวมกับตัวอย่างฟอสซิลที่เพิ่งค้นพบเมื่อเร็วๆ นี้ และพบว่าเป็นสปีชีส์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
นกพบใหม่นี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ “ไก่งวงตัวสูง” ที่มีขายาวและเพรียวบาง กับ “ไก่ตัวป้อม” ที่มีมีขาสั้นและตัวป้อม โดยนกเหล่านี้ต่างจากนกขนาดใหญ่ที่สูญพันธุ์ไปแล้วจำนวนมาก เช่น นกโดโด้ ที่บินไม่ได้ แต่นกเหล่านี้บินได้ และแม้ว่าจะมีกระดูกที่ใหญ่และเทอะทะ แต่กระดูกปีกที่ยาวและแข็งแรงนั้นแสดงให้เห็นว่านกเหล่านี้อาจบินได้ และอาจเกาะคอนบนต้นไม้ด้วย ไม่เหมือนญาติในปัจจุบันที่ตัวเล็กลงมาซึ่งสร้างรังบนพื้นดินเพื่อกกไข่
ทั้งนี้มี 2 สปีชีส์ใหม่ที่พบตัวอย่างจากถ้ำไทลาโคลีโอ (Thylacoleo Caves) ใต้ที่ราบนูลลาร์บอร์ (Nullarbor Plain) ของออสเตรเลีย ที่เป็นแหล่งขุมทรัพย์มาตั้งแต่ได้ค้นพบตัวอย่างเมื่อ 15 ปีก่อน ซึ่ง กาวิน พรีโด (Gavin Prideaux) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยฟลินเดอร์สกล่าวว่ายิ่งสำรวจยิ่งพบ โดยบริเวณดังกล่าวยังเป็นแหล่งที่เคยพบจิงโจ้สปีชีส์ใหม่ถึง 7 สปีชีส์ กบชนิดใหม่อีก 1 สปีชีส์ และนกคุกคูยักษ์อีก 2 สปีชีส์