xs
xsm
sm
md
lg

ความสุข...เล็กๆ

เผยแพร่:   โดย: ฉัตรพรรษ พงษ์เจริญ


“กาแฟอาจารย์ครับ เชิญครับน้ำร้อนแล้ว” เสียงเรียกจาก สถาพล ดังขึ้นด้วยสรรพนามที่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ามักใช้เรียกนักวิจัยที่เข้ามาทำงานในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก ถึงแม้สำเนียงที่ได้ยินจะไม่แข็งแรงนักเนื่องจากเป็นหนุ่มชาวไทยเชื้อสายกระเหรี่ยงแต่ความเอื้อเฟื้อที่แฝงอยู่ในนั้นเต็มเปี่ยมจนล้นปรี่ออกมากเป็นที่ผมรู้สึกได้อย่างแจ่มชัด หลังจากขานรับผมลุกจากขอนไม้ล้มที่นั่งพร้อมแก้วและกาแฟสำเร็จรูปในมือ ตรงไปหากาน้ำข้างกองไฟที่พวกเราหลายคนนั่งล้อมกันอยู่ จัดแจงชงกาแฟและยกขึ้นจิบทีละนิดขับไล่ความหนาวเย็นจนลมหายใจกลายเป็นไอ รวมถึงความง่วงเพลียที่เกาะอยู่หลังเปลือกตาให้จางหายลงไปบ้าง

“คืนนี้อาจารย์จะออกไปส่องไฟสำรวจกบไหมครับ” สถาพลส่งประโยคคำถามตรงมาถึงผมในขณะที่กองไฟเริ่มทำหน้าที่แทนแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่ลอยต่ำ

“ไปครับไป สถาพลไปกับผมนะ” ผมตอบพร้อมกับย้ำไป “ถ้าไปคนเดียวนี่ไม่ไหวนะครับ วิ่งหนีช้างไม่ทัน สองคนดีกว่าเพราะถ้าไม่ทันยังมีคนอยู่เป็นเพื่อน” เสียงหัวเราะดังขึ้นหลังจบประโยค

แสงสีส้มจากกองไฟไหวกระเพื่อมไปรอบทิศ แสงแดดหายไปแล้วยังคงแต่เสียงน้ำไหลจากห้วยที่อยู่ใกล้ เสียงร้องเรียกจับคู่ของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกจำพวกกบเริ่มดังขึ้นรอบๆ ตัว ไฟฉายคาดหัวที่เตรียมไว้ถูกเปิดใช้งาน สมาชิกถูกแบ่งออกเป็นสองทาง ทีมแรกเดินสำรวจสวนทิศกระแสน้ำขึ้นไปทางด้านบน ส่วนทีมซึ่งประกอบไปด้วยผมและสถาพลจะเดินสำรวจตามกระแสน้ำในห้วยไปยังด้านล่าง

ลำแสงจากไฟฉายคาดหัวสองกระบอกพุ่งลอดสอดส่ายไปตามลำธาร ก้อนหิน ซอกหลืบ รากไม้และตลิ่งริมห้วย “แอ่บๆ” เสียงร้องเรียกคู่ของกบอ่องเล็กดังอยู่ในลำธารด้านหลังที ด้านหน้าที เรายังคงไม่เห็นตัวหรือแสงสะท้อนจากดวงตากลมโต เพียงแต่เสียงเท่านั้นที่ระบุถึงการมีตัวตนคงอยู่ของมัน อาจจะเพราะการที่มันหลบร้องในที่ที่ยากแก่การส่องไฟและมองเห็นก็เป็นได้ ผมคิดเช่นนั้นและคาดว่าสถาพลคงคิดไม่ต่างกัน จนกระทั่งได้ยินเสียง “ตุ๋ม” อันเป็นสิ่งยืนยันได้เลยว่าเป็นความไม่ละเอียดของผมเองที่ทำให้เลินเล่อมองไม่เห็นตัวเจ้ากบน้อยหมอบสนิทนิ่งอยู่บนตลิ่งเรียบโล่งและเดินเข้าไปใกล้จนมันต้องหนีกระโดดให้พ้นจากการถูกเหยียบด้วยพื้นรองเท้า

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวจับใหม่ตัวหน้าครับอาจารย์” เป็นคำพูดปลอบใจเปื้อนรอยยิ้มจากสถาพล “ตุ๋ม” เสียงวัตถุอะไรซักอย่างหนึ่งตกกระทบน้ำ (ซึ่งผมคาดว่าน่าจะเป็นกบซักชนิดหนึ่งที่มีขนาดตัวใหญ่กว่ากบอ่องเล็ก) ดังขึ้นในทันที ผลงานในครั้งนี้ทำให้ผมส่ายหัวให้ตัวเองและลาออกจากการเป็นผู้นำสำรวจอย่างอัตโนมัติโดยไม่จะเป็นต้องการลงคะแนนโหวตเสียงข้างมากใดๆ และไม่คิดรั้งตำแหน่งเอาไว้ให้รู้สึกผิดต่อสำนึกที่มี และมันก็เป็นเช่นนั้น เพียงไม่นานสถาพลก็ชี้ให้ผมมองตามไปทางแสงไฟของเขา ข้ามแนวหินกรวดเล็กๆ กลางลำห้วยไปยังผืนดินที่คลุมด้วยใบและรากไม้บนตลิ่งฝั่งตรงข้าม มีแววแสงสะท้อนจากดวงตาคู่ใหญ่นิ่งอยู่ตรงนั้น

“กบภูเขาครับอาจารย์” สถาพลบอก ชื่อท้องถิ่นที่มักใช้เรียก กบทูด กบที่มีขนาดลำตัวใหญ่และน้ำหนักมากที่สุดที่สามารถพบได้ทางตอนเหนือและตะวันตกของประเทศไทย กบชนิดนี้มักอาศัยอยู่ตามร่องห้วยลำธารใสสะอาดบนภูเขาดังชื่อเรียกตามภาษาท้องถิ่น ขนาดตัวที่ใหญ่ซึ่งนับได้ว่าเป็นตัวที่ใหญ่มากตัวหนึ่งทำให้การถ่ายรูปค่อนข้างจะยุ่งยากจากที่ต้องคอยหลบหามุมมองในการถ่ายภาพ

ตัวมันโตได้ขนาดนี้คงเพราะไม่มีคนอาศัยอยู่แถวนี้แน่แท้ ผมคิด

แสงแฟลชที่ยิงออกไปจำนวนมากและแสงจากไฟฉายคงจะทำให้กบทูดตัวนี้มึนงง ผมทึกทัก เมื่อขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นหวังที่จะจับเพื่อตรวจดู “พรึ่บ ตูม” เสียงกระโดดฝ่าพุ่มไม้และกระทบเข้ากับผิวน้ำดังขึ้น สิ่งที่ผมคาดเอาไว้ผิดหมด ขนาดตัวที่ใหญ่และแสงรบกวนไม่ได้ทำให้กบตัวนี้ช้าหรือลดระดับการระวังตัวลงเลยหรืออาจะเพราะด้วยตัวผมเองที่ไม่ประสา

“ตัวหน้าอาจารย์ ตัวหน้า ให้อยู่มือเลยครับ” สถาพลยังคงให้กำลังใจมาพร้อมกับรอยยิ้มเสมอ รอยยิ้มแห้งๆ กับเสียงหัวเราะเฟื่อนๆ เป็นเพียงสิ่งที่ผมตอบกลับไปพร้อมกับคำพูด “ตัวหน้า สถาพลจับเลยครับ ไม่ต้องรอผมแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่ได้ตัวมาดูกันแน่ๆ” รอยยิ้มปรากฎขึ้นอีกครั้งสำหรับสถาพลพร้อมกับอาหารพยักหน้ารับคำ

ต้องขอบคุณสถาพล สำหรับรูปถ่ายกบทูดต่อมาอีกหลายตัวที่ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอนถ้ามีผมเดินสำรวจอยู่คนเดียว แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มีกบทูดตัวไหนจะเทียบขนาดได้กับตัวแรกที่พบเจอ สถาพลคงจะเช่นกัน หลังจากเวลาผ่านไปได้พักใหญ่ เพื่อความปลอดภัย สถาพลตัดสินใจเดินทางกลับก่อนที่ระยะจะไกลเกินไปสำหรับการเดินสำรวจช่วงกลางคืนในพื้นที่ใจกลางป่า ทางด่านสัตว์ที่ตัดตรงเข้าหาแคมป์พักถูกเลือกใช้แทนเส้นทางลัดเลาะริมน้ำเพื่อการประหยัดเวลา เสียงหนึ่งดังขึ้นระหว่างที่เรากำลังเดินทางกลับ

เสียงดัง “ทึ่ด ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ทุ้มต่ำรัวๆ คุ้นหูดังมาจากห้วย เสียงร้องของกบทูดเพศผู้ที่ร้องเรียกความสนใจจากกบเพศตรงข้าม การสืบพันธ์วางไข่ของกบชนิดนี้เกิดขึ้นในฤดูหนาว ซึ่งตรงกับช่วงการสำรวจครั้งนี้อย่างพอดิบพอดีอันเป็นเรื่องบังเอิญตรงตามแผนการเกินทางที่ได้วางเอาไว้ ผมเดินตามเสียงร้องไปสู่ห้วย น่าเสียดายที่ไม่พบเจอตัวเจ้าของเสียง แต่เรื่องที่น่ายินดีกว่าเกิดขึ้นเมื่อแสงจากไฟฉายส่องไปกระทบกับกองหินเตี้ยๆ ที่ก่อขึ้นมาจากกรวดเล็กๆ และทรายกลางลำธารตื้นๆ จากที่เคยศึกษามานี่เป็นครั้งแรกที่ผมพบสิ่งนี้ในสภาพธรรมชาติและถ้าความเข้าใจของผมไม่ผิด รังวางไข่ของกบทูด เป็นสิ่งที่เราพบในคืนอันน่ายินดีนี้

ผมและสถาพลพกรอยยิ้มในใจเดินกลับถึงแคมป์ที่พัก สนทนากับสมาชิกผู้ร่วมทางคนอื่นๆ และสอบถามข้อมูลจากอีกทีมสำรวจที่แยกเดินกันคนละทางอีกเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายเอนกายลงในเปลเล็กๆ กลางผืนป่าบ้านของเหล่าสรรพสัตว์ แสงไฟจากไฟฉายดับได้ไม่นาน ก่อนที่เปลือกตาจะจะปิดลง เสียงร้องเรียกคู่ทุ้มต่ำของกบทูดเริ่มดังและทวีมากขึ้นเรื่อยๆ ในความมืดมิดห้วงความคิดส่งเสียงดังชัดเจนก่อนที่สติจะไหลไปกับเสียงบรรเลงขับกล่อม

เหล่าสัตว์ตัวน้อยหลากหลายชนิดในบ้านของพวกมัน ความสุขคงจะไม่น้อยเลยทีเดียว

เกี่ยวกับผู้เขียน

จองื้อที

แต่เดิมเป็นเด็กต่างจังหวัดจากภาคตะวันออก มุ่งมั่นเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยความสนใจส่วนตัวและถูกชักชวน จึงเลือกเข้าศึกษาในภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ สาขาวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าและทุ่งหญ้า ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้มีโอกาสช่วยเก็บข้อมูลงานวิจัยสัตว์ป่าในหลายพื้นที่ หลังจากสำเร็จการศึกษาได้รับคำแนะนำให้ไปศึกษาต่อยังสถาบันอื่น จึงได้เข้ามาศึกษาต่อ ณ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระดับปริญญาโทต่อมาถึงในระดับปริญญาเอก และยังคงมีสถานภาพเป็นนิสิตอยู่ในปัจจุบันขณะ

"เราพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย เพื่อที่สุดท้ายแล้วเราจะได้รู้ว่า แท้จริงแล้งเราไม่ได้รู้อะไรเลย"

พบกับบทความ “จองื้อที” ได้ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน










กำลังโหลดความคิดเห็น