จากจุดเริ่มต้นของแพทย์ผิวหนังที่ต้งลดการใช้สารเคมีในผู้ป่วยที่เป็นสิวแบบ “เป็นๆ หายๆ” นำไปมาสู่การพัฒนาเวชสำอางรักษาจาก “ใบมะม่วง” หนึ่งในของดีของไทยที่รอการใช้ประโยชน์ต่อยอด
แม้โดยส่วนตัว ผศ.ดร.ดวงพร อมรเลิศพิศาล จากคณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จะสนใจงานวิจัยด้านอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ โดยมุ่งพัฒนา “น้ำมันปลา” ทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ที่ผ่านมาก็มีประสบการณ์และงานวิจัยระหว่างทางที่เกี่ยวข้องกับความงาม และได้รับรางวัลนานาชาติ
ล่าสุด ผศ.ดร.ดวงพร พร้อมด้วย ดร.ลภัสรดา มุ่งหมาย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ได้เป็นที่ปรึกษาให้แก่ ผศ.พญ.พัฒนวดี อุตวิชัย แพทย์ด้านความงาม จาก บริษัท มณญา จำกัด ในการพัฒนาเวชสำอางรักษาสิวจากสารสกัดธรรมชาติ ทดแทนการใช้ยาจากเคมีสังเคราะห์
“เนื่องจากคุณหมอพัฒนวดีเปิดคลีนิคผิวหนัง ซึ่งต้องใช้ยาเคมีในการรักษา และเห็นว่าต้องใช้ในปริมาณเยอะมาก และผู้ป่วยสิวมักเป็นๆ หายๆ หมอก็ต้องให้ยาหลายอย่างมาก จึงเกิดความคิดว่าน่าจมีของดีของไทยที่นำมาใช้ทดแทนยาเคมีได้ คุณหมอจึงเข้ามาปรึกษา” ผศ.ดร.ดวงพรเล่าจุดเริ่มต้นของโครงการ
หลังจากได้รับโจทย์ทีมวิจัยจึงค้นคว้าข้อมูลและพบว่าผลไม้ไทยอย่างมังคุดและมะม่วงนั้นมีสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว แต่ผลิตภัณฑ์จากมังคุดนั้นมีการพัฒนาออกมาเยอะแล้ว จึงเลือกศึกษามะม่วงและเห็นว่ายังมีการใช้ประโยชน์ใบมะม่วงอยู่น้อย จึงคิดเพิ่มมูลค่าวัตถุทางการเกษตร โดยนำมาสกัดเป็นสารดูแลผิว
ทีมวิจัยนำใบมะม่วงอินทรีย์พันธุ์น้ำดอกไม้สีทองมาสกัดสารสำคัญกลุ่มฟีโนลิก โดยใบมะม่วงสด 1 กก. ได้สารสกัด 15 กรัม และได้ทดสอบฤทธิ์ชีวภาพต่อผิวหนัง แล้วพบว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และต้านเชื้อแบคทีเรียก่อโรคผิวหนัง ได้แก่ โพรไพโอนิแบคทีเรียม แอคเน่ (Propionibacterium acnes) , สเตฟีโลคอคคัส อิพิเดอมิดิส (Staphylococcus epidermidis) และ สเตฟีโลคอคคัส ออเรอุส (Staphylococcus aureus) สาเหตุสำคัญของการเกิดสิวและฝีหนอง
จากนั้นจึงนำสารสกัดจากใบมะม่วงอินทรีย์ไปเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์ โดยผลิตเป็นเครื่องสำอาง 3 อย่าง คือ แต้มสิว โฟมล้างหน้า และครีมบำรุงผิวหน้า โดยได้ทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ในโครงการ “แปลงเทคโนโลยีเป็นทุน” และสร้างความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเดิมที่จำหน่ายในท้องตลาด
นอกจากมีฤทธิ์ต้านสิวแล้ว ผศ.ดร.ดวงพรระบุว่า จากผลการทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพพบว่า สารสกัดจากใบมะม่วงยังมีฤทธิ์ต้านเอนไซม์ที่ก่อให้เกิดจุดดำบนผิว จึงช่วยลดรอยดำหลังการเป็นสิว และผลจากการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครผลิตภัณฑ์ละ 30 คน ได้รับความพึงพอใจจากอาสาสมัครในด้านลดการสิวและผิวขาวขึ้น
“ผลงานนวัตกรรมในครั้งนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าของเหลือในการเกษตรแล้ว ยังช่วยพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่มีมูลค่าสูง ลดการนำเข้าสารสังเคราะห์ และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในระดับนานาชาติอีกด้วย เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับมะม่วงที่เป็นผลไม้เศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี”
ทั้งนี้ทีมวิจัยได้นำผลิตภัณฑ์ไปประกวดในเวทีการประกวดนวัตกรรมนานาชาติในหลายเวที โดยเมื่อ 14 ธ.ค.58 การสกัดฟีโนลิกจากใบมะม่วงอินทรีย์สำหรับผลิตภัณฑ์ต้านสิว ( Phenolic concentrate from Mango Leaf : Compound for anti-acne products) ได้รับรางวัลเหรียญทอง (Gold Medal) จากการประกวดในเวทีแสดงนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ ประจำปี 2015 ณ ไต้หวัน
จากนั้นเจลแต้มสิวจากใบมะม่วงที่ส่งเข้าประกวดในงานมหกรรมแสดงผลงานสร้างสรรและนวัตกรรมยุโรปครั้งที่ 8 (VIII European Exhibition of Creativity and Innovation 2016) ณ ประเทศโรมาเนีย เมื่อ 19-21 พ.ค.59 ได้รับ 3 รางวัล คือ เหรียญทองจากเวทียูโรอีเวนต์ 2016 (Euroinvent 2016) รางวัลเกียรติยศ (Honor of Invention) จากสมาคมทรัพย์สินทางปัญญาสิ่งประดิษฐ์โลก (World Invention Intellectual Property Association: WIIPA) และรางวัลยอดเยี่ยมจากมูลนิธิสิ่งประดิษฐ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง (Highly Invention Unique Foundation: HIUF) จากซาอุดิอารเบีย
ล่าสุดเวชสำอางจากใบมะม่วงเพื่อการรักษาสิวทั้ง 3 อย่างได้คว้า 4 รางวัลจากการประกวดในงานแสดงนวัตกรรมเกาหลีเพื่อสตรีระดับนานาชาติ (Korea International Woman’s Invention Exposition 2016: KIWIE) ณ ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อ 16-19 มิ.ย.59 ได้แก่รางวัลแกรนด์อันดับ 2 ของงานและรางวัลพิเศษจาก KIWIE, รางวัลยอดเยี่ยมจาก สมาคมสิ่งประดิษฐ์เพื่ออุตสาหกรรมแห่งประเทศไต้หวัน (Taiwan Invention & Innovation Industry Association (TIIA) และรางวัลเหรียญเงินจากโปแลนด์