xs
xsm
sm
md
lg

สอน "นายช่างเชียงราย" เสริมแกร่งอาคารถึงถิ่นแผ่นดินไหว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

วิศวกรท้องถิ่นทดลองผูกเหล็กเสริมเสาเพื่อเพิ่มแรงต้านทานแผ่นดินไหว
นักวิจัยแผ่นดินไหว สกว.ลงพื้นที่ จ.เชียงราย เปิดเวทีสัมมนาเชิงปฏิบัติการ สอนวิศวกร-ช่างท้องถิ่นกว่า 200 คน เสริมแกร่งอาคารต้านแผ่นดินไหวภาคปฏิบัติ รับโอกาสแผ่นดินไหวแม่ลาวครบรอบ 2 ปี

แม้เแผ่นดินไหวจะไม่ใช่ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นบ่อยในไทย แต่การศึกษาวิจัยโดยเฉพาะด้านวิศวกรรมยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนในพื้นที่เสี่ยง แต่จะมีประโยชน์อะไรหากงานวิจัยอยู่แค่บนหิ้งหรือวารสารวิชาการ ในขณะที่วิศวกรระดับปฏิบัติงานยังคงสร้างที่อยู่ให้ชาวบ้านด้วยความรู้แบบเดิมๆ

เพื่อนำความรู้จากงานวิจัยด้านวิศวกรรมการก่อสร้างและเสริมความแข็งแกร่งอาคารบ้านเรือนต้านแผ่นดินไหวที่ตกผลึกจากนักวิจัยในโครงการลดภัยพิบัติแผ่นดินไหว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มาเผยแพร่สู่สาธารณชน สกว.จึงกำหนดจัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการย้อนรอยแผ่นดินไหวเชียงรายครบรอบ 2 ปีขึ้น ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (มทร.) จ.เชียงราย ระหว่างวันที่ 28-29 เม.ย. 2559

บรรยากาศก่อนการสัมมนาเป็นไปอย่างคึกคักวิศวกร ช่างท้องถิ่น รวมถึงนักศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มาต่อแถวลงทะเบียนแน่นขนัดก่อนจะทะยอยขึ้นสู่อาคารวิทยบริการ มทร. ห้องประชุมสโลปขนาดใหญ่โอ่อ่าที่บรรจุได้กว่า 400 ที่นั่ง ก่อนจะเริ่มการบรรยายย้อนรอยแผ่นดินไหว ที่นำไปสู่การเตรียมพร้อมรับมือสำหรับอาคารบ้านเรือนในประเทศไทย โดย ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นักวิจัยหัวหน้าโครงการฯ จากสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร

ศ.ดร.อมร กล่าวว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวแม่ลาวขนาด 6.3 เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2557 ได้ทำลายอาคารบ้านเรือนนับหมื่นหลังในจ.เชียงราย และ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุการณ์ครั้งนั้นนับเป็นแผ่นดินไหวในไทยที่รุนแรงที่สุด ชุดวิจัยแผ่นดินไกว สกว.ฯ ได้จัดเวทีวิเคราะห์สาเหตุ ผลกระทบ แนวทางเตรียมความพร้อมเพื่อลดความเสี่ยงภัยพิบัติแผ่นดินไหวด้วยการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและเก็บข้อมูลเพื่อหาแบบการก่อสร้างเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับอาคารบ้านเรือนในพื้นที่เพื่อลดการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพราะ จ.เชียงรายยังมีแนวโน้มที่จะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นได้อีก เนื่องจากตั้งบนรอยเลื่อนมีพลัง 3 แห่งอันได้แก่ รอยเลื่อนพะเยา, รอยเลื่อนแม่อิง และรอยเลื่อนแม่จันที่นักวิจัยส่วนใหญ่ลงความเห็นว่ามีศักยภาพที่สุด

สำหรับแนวทางการเสริมความแข็งแกร่งอาคารบ้านเรือนที่สร้างอยู่แล้วในพื้นที่เสี่ยง รศ.ดร.ไพบูลย์ ปัญญาคะโป นักวิจัยในชุดโครงการฯ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เผยว่า จากการลงพื้นที่ใน ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวมากที่สุดพบว่า บ้านที่ชำรุดส่วนใหญ่เกิดจากการออกแบบและสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยบ้านที่ได้รับความเสียหายแต่ไม่ถล่มจะมีลักษณะคล้ายกัน คือเสาซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของบ้านแตกหักชำรุด แต่กำแพงไม่ค่อยได้รับความเสียหาย ทั้งที่ในทางวิศวกรรมผนังเป็นองค์ประกอบของบ้านที่ไม่ได้ถูกให้ความสำคัญ ทั้งที่จริงผนังมีส่วนช่วยอย่างมากในการรับแรงต้านจากด้านข้างด้วยเหตุนี้ รศ.ดร.ไพบูลย์ จึงริเริ่มการวิจัยเพื่อเสริมกำลังผนังต้านแผ่นดินไหว จนได้เทคนิคและวัสดุที่เหมาะสม อันได้แก่ การใช้ตะแกรงเหล็กฉีกเบอร์ 22 ควบคู่กับการใช้อุปกรณ์ยึดที่ทดสอบแล้วว่าสามารถรับแรงเครียดและแรงเค้นได้ดีที่สุด ซึ่งวิธีดังกล่าวได้นำมาสาธิตเพื่อให้เหล่าวิศวกรได้ชมกันด้วย

"การจะเสริมกำแพงรับแรงแผ่นดินไหวอันดับแรกที่ต้องรู้ก่อนคือ จุดอ่อนของตัวบ้านว่าอยู่ตรงที่ใด เพราะบ้านแต่ละภาคมีทรงไม่เหมือนกัน อย่างบ้านภาคเหนือจะมีลักษณะยกสูงแต่ใต้ถุนเตี้ย เสาตอม่อด้านบนยาวน้อยกว่าด้านล่างลักษณะแบบนี้จุดอ่อนจะอยู่ที่เสาเพราะบ้านด้านบนได้รับแรงมากกว่ามันจะโยกให้เสาแตก ฉะนั้นต้องเสริมกำลังเสาด้วยการเพิ่มเหล็กล้อม ทั้งจำนวนเหล็กและขนาดเหล็ก หรือการพอกเสา แต่ถ้าเป็นบ้านที่อยู่ติดดิน จุดอ่อนจะอยู่ที่ผนัง เพราะโครงสร้างทั้งส่วนบนและล่างรับแรงพร้อมกัน หากผนังเปราะเสาก็จะแตกง่าย ฉะนั้นควรเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผนังด้วยการใช้เหล็กฉีกคู่กับหมุดยึด ซึ่งใช้ได้ดีและไม่ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายมาก" รศ.ดร.ไพบูลย์ เผยแก่ทีมข่าวผู้จัดการวิทยาศาสตร์

ส่วนการออกแบบก่อสร้างอาคารใหม่ในพื้นที่เสี่ยง รศ.ดร.ไพบูลย์ เผยว่า จำเป็นต้องออกแบบตามมาตรฐานอาคารป้องกันแผ่นดินไหวอย่างเคร่งครัด โดยแนะนำเทคนิคจากงานวิจัย 2 วิธี ได้แก่ การผูกเหล็กปลอกคุมแนวเหล็กเส้นให้ถี่โดยเฉพาะแนวด้านโคนและปลายของเสา เพราะเหล็กปลอกจะช่วยการดัดเบียดแตกของซีเมนต์เมื่อได้รับแรงสั่นสะเทือน โดยเหล็กปลอกที่ใช้จะต้องเป็นแบบพิเศษทำมุม 135 องศาเพราะเป็นองศาที่ผ่านการวิจัยมาแล้วว่ารับแรงงัดจากการสั่นสะเทือนได้ดีกว่าเหล็กปลอกทั่วไปที่ทำมุม 90 องศา ส่วนอีกวิธีคือการต่อทาบเหล็กยืน ให้หลีกเลี่ยงการต่อที่ตำแหน่งโคนเสาเพราะเป็นส่วนที่ได้รับแสงสั่นสะเทือนโดยตรงอาจทำให้เสาคลอนได้ง่าย ทางที่ดีให้ต่อที่กึ่งกลางของความสูงเสาจึงจะปลอดภัย

หลังจบการให้ความรู้ในภาคทฤษฎี กิจกรรมที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงสำหรับการฝึกภาคปฏิบัติ ที่ทางทีมวิจัยได้จัดให้พื้นที่ใต้อาคารหอประชุม ให้กลายเป็นโรงช่างขนาดย่อม ที่ประกอบไปด้วยฐาน 3 ฐานได้แก่ ฐานตีเหล็กปลอก, ฐานเสริมความแข็งแกร่งกำแพงด้วยตะแกรงเหล็กฉีกและตัวยึด และฐานเสริมความแข็งแกร่งเสาด้วยการผูกเหล็กปลอก โดยในขั้นตอนนี้ทีมวิจัยฯ ได้แบ่งผู้เข้าฟังออกเป็นกลุ่มๆ ตามแต่ละฐาน เพื่อให้ทุกคนได้รับความรู้อย่างทั่วถึงไปเบียดเสียดเกินไป และยังเปิดโอกาสให้ได้ฝึกฝนด้วยตัวเอง

ด้านวิศวกรผู้มาร่วมการสัมมนาอย่าง นายวิศว์ ดวงแสงทอง วิศวกรผู้ประสานงานโครงการ บริษัท พานพงษ์ไทย จำกัด กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะทำให้เห็นวิธีการทำงานและปัญหาของงานโครงสร้างโดยตรง เพราะปกติการอบรม จะอยู่ในรูปแบบการบรรยาย จึงมักไม่ค่อยเห็นภาพ โดยส่วนตัวเห็นว่าการเสริมกำลังให้กับกำแพงเป็นวิธีที่เหมาะสมกับการซ่อมแซมอาคารที่ชำรุดจากแผ่นดินไหว ส่วนการมัดเสาด้วยเหล็กปลอก เป็นสิ่งที่ต้องทำตามมาตรฐานการก่อสร้างอาคารในพื้นที่เสี่ยงอยู่แล้ว ทำให้เห็นว่างานวิจัยที่ สกว.นำมาถ่ายทอดเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้จริง และถ้าหากในอนาคตมีการจัดกิจกรรมแบบนี้ขึ้นอีกอยากให้นักวิจัยสาธิตการขึ้นกรงเสาเหล็กให้ได้ชมด้วยก็จะดีมากเพราะเป็นวิธีที่น่าสนใจต่อการเสริมกำลังต้านแผ่นดินไหว

เช่นเดียวกับ นายสถิต อุดมวัฒนศิริ ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย เผยว่า การจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อวิศวกรในพื้นที่ เพราะปกติการบรรยายในพื้นที่โดยเฉพาะการจัดเวิร์คช็อปในลักษณะนี้แทบไม่เคยมี วิศวกรต้องออกไปแสวงหาความรู้ด้วยตัวเองจากส่วนกลาง ทั้งที่เป็นเรื่องใกล้ตัว ครั้นจะอนุมัติให้วิศวกรหรือช่างท้องถิ่นเดินทางไปฟังบรรยายที่กรุงเทพก็ไม่มีใครมีเวลาและไม่มีทุนทรัพย์ การมาจัดบรรยายในครั้งนี้วิศวกรในพื้นที่จึงค่อนข้างตื่นตัว เพราะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบและเห็นพฤติกรรมจากแผ่นดินไหวโดยตรง

โดยการสาธิตการฉาบเสริมกำลังกำแพงและการมัดเหล็กปลอกถือเป็นวิธีที่ช่างทำได้ และไม่เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายมากจึงมีแนวคิดว่าจะนำความรู้จากการอบรมในครั้งนี้ไปถ่ายทอดให้กับลูกน้องในพื้นที่ปฏิบัติงานและชมรมช่างจังหวัดเชียงรายซึ่งมีอยู่ใต้ปกครองอีกนับ 10 คน ส่วนในโอกาศหน้าหากมีการวิจัยหรือการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้อีกอยากให้เพิ่มการสาธิตการเสริมฐานรากและการฟื้นฟูทานในพื้นที่ที่มีความลาดชันเข้าไปด้วยเพราะจากการลงพื้นที่ในชีวิตจริงลักษณะบ้านเรือนในรูปแบบนี้ค่อนข้างมาก

ท้ายสุด น.ส.ณัชชา กันไชย นักศึกษาชั้นปีที่สองภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.เชียงราย หนึ่งในนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมเผยว่า การเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่เพราะเธอเป็นแค่นักศึกษาชั้นปีที่สองบางครั้งยังไม่เคยเห็นอุปกรณ์หรือเทคนิคเฉพาะทาง โดยวันนี้เธอได้ฝึกตีเหล็กปลอก และผูกเหล็กเส้นกับอุปกรณ์สาธิตของจริงตามที่ตั้งใจ เนื่องจากแผ่นดินไหวเมื่อ 2 ปี ที่แล้วเธอเป็นผู้ประสบภัยโดยตรง
ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นักวิจัยหัวหน้าโครงการฯ จากสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร
รศ.ดร.ไพบูลย์ ปัญญาคะโป นักวิจัยในชุดโครงการฯ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
วิศวกร ช่างท้องถิ่นและนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มทร. เข้าร่วมการสัมมนากว่า 200 คน
หัวหน้าโครงการฯ กล่าวแนะนำโครงสร้างแต่ละชิ้นที่นำมาสาธิต
หัวหน้าโครงการฯ กล่าวแนะนำโครงสร้างแต่ละชิ้นที่นำมาสาธิต
รศ.ดร.ไพบูลย์ อธิบายวิธีการเสริมความแข็งแกร่งกำแพง
วิศวกรท้องถิ่นล้อมวงรับฟังการเสริมความแกร่งผนังจากทีมวิจัยฯ
เจ้าหน้าที่ฉาบซีเมนต์ทับตะแกรงเหล็กฉีก
นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มทร. ฝึกผูกเหล็กเส้นเหล็กรัดเหล็กปลอก วัสดุสำคัญที่ช่วยเสริมกำลังต้านแผ่นดินไหวให้กับเสา
วิศวกรทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเล็กร่วมกันเวิร์คช็อป
ผศ.ดร.ปรีดา ไชยมหาวัน สาธิตการทำเหล็กปลอก
วิศวกรที่มาเข้าร่วมสัมมนาทดลองบิดเหล็กปลอกมุม 135 องศา
นายวิศว์ ดวงแสงทอง วิศวกรผู้ประสานงานโครงการ บริษัท พานพงษ์ไทย จำกัด
นายสถิต อุดมวัฒนศิริ ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย
น.ส.ณัชชา กันไชย นักศึกษาชั้นปีที่สองภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.เชียงราย (คนใส่ถุงมือขาว)
วิศวกร ช่างท้องถิ่นและนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มทร. เข้าร่วมการสัมมนากว่า 200 คน









กำลังโหลดความคิดเห็น