วันหยุดสุดสัปดาห์เมื่อประมาณช่วงกลางปีที่ผ่านมา กล้องถ่ายรูป เลนส์ ขาตั้งกล้อง และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อการถ่ายรูปน้ำตกถูกจัดเตรียมอย่างพร้อมสรรพสำหรับการเก็บภาพน้ำตกในจังหวัดบ้านเกิด จังหวัดที่คนทั่วไปมักจะกล่าวถึงว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มเมือง "ฝนแปด แดดสี่” ถ้าหัวข้อในวงสนทนานั้นเอ่ยถึงสภาพอากาศโดยรวม ซึ่งในความเห็นส่วนตัวของผมนั้นก็เอนเอียงไปในแนวทางเดียวกันกับที่เขาทั้งหลายได้เอ่ยไว้ วันไหนถ้าแสงแดดไม่ร้อนแรงจนผิวไหม้ ก็มีโอกาสสูงมากที่จะได้รับความชุ่มฉ่ำของหยาดฝนที่รินลงมาจากท้องฟ้า
ในช่วงเช้าของวันที่อากาศยังคงเย็นสบาย นกแซงแซวหางบ่วงใหญ่ นกขมิ้นน้อยธรรมดา และนกขนาดเล็กอีกหลายชนิด อีกทั้งกระรอกหลากสีออกหากินและส่งเสียงร้องอยู่รอบๆ บ้านพัก ผิดกับในช่วงบ่ายของวันที่อุณหภูมิของอากาศนั้นช่างร้อนระอุและอบอ้าว ไม่มีสัตว์ชนิดไหนส่งเสียงร้องหรือออกมาให้พบเห็น พวกมันคงจะเร้นตัวหลบหลีกจากคลื่นความร้อน เช่นกันผมตัดสินใจคลายร้อนด้วยการวางแผนไปถ่ายรูปและเอาเท้าแช่น้ำน้ำตกในเขตอุทยานแห่งชาติแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ถือว่าเป็นโชคดีที่บ้านพักนั้นอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เป็นป่าเขาซึ่งมีเพียงอยู่ไม่กี่แห่ง น้ำตกที่ตั้งใจเดินทางไปนั้นอยู่ห่างจากปากซอยทางเข้าบ้านไปเพียงระยะทางไม่กี่กิโลเมตรทำให้การเดินทางฝ่าคลื่นความร้อนเพื่อไปให้ถึงจุดหมายใช้ระยะเวลาเพียงไม่นาน อาจจะเนื่องด้วยช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงที่เป็นวันหยุดยาวผู้คนจึงค่อนข้างบางตา แต่ถึงกระนั้นก็เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์จึงมีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกให้เห็นอยู่ประปรายและป้ายทะเบียนบ่งบอกว่าเป็นของคนในพื้นที่
อุปกรณ์ถ่ายรูป ไฟฉาย น้ำดื่ม และขนมขบเคี้ยวยามฉุกเฉินถูกเตรียมเอาไว้อย่างเรียบร้อย หลังจากแบกกระเป๋าและขาตั้งกล้องขึ้นบ่าผมก็ออกเดินด้วยจิตใจที่ชุ่มชื่นและเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังที่จะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศป่าเขาลำเนาไพร แต่ก่อนที่จะเริ่มเดินทาง ผมแวะเข้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่เปิดอยู่และสอบถามถึงข้อมูลเบื้องต้น “ปีนี้น้ำค่อนข้างน้อยครับ เดินไปชั้นที่สามและสี่น้ำก็หมดแล้ว มันมุดลงใต้ดินหมด” เจ้าหน้าที่อยู่ประจำศูนย์ ฯ ในวันนั้นบอกกับผม ซึ่งผมก็พบว่าลำธารที่ไหลผ่านหน้าศูนย์บริการนั้นมีปริมาณน้ำน้อยมากจนมองแล้วแทบจะเหลือแต่ก้อนหิน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์เอาไว้บ้างแล้วจากการติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสภาพอากาศจากประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาที่ว่าปีนั้นประเทศไทยจะประสบภัยแล้งค่อนข้างหนัก อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้ลดความต้องการในการสัมผัสกับธรรมชาติของผมลงไป แต่สิ่งหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในสายตาก่อนที่จะเดินทางต่อทำให้ผมเกิดความกังวล ความกังวลที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ได้เคยพานพบมาจากการเดินทางไปชื่นชมธรรมชาติในหลากหลายสถานที่ทั่วประเทศไทย ระหว่างทางเดินขึ้นไปชมน้ำตก มีร้านค้าและร้านขายอาหารเปิดให้บริการอยู่จำนวนหนึ่ง หมูปิ้ง ไก่่ย่าง อาหารตามสั่ง ขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มประเภทต่างๆ ถูกวางไว้ทางด้านหน้าพร้อมเสียงเรียกชักชวนให้นักท่องเที่ยวมาซื้อหาเพื่อนำไปรับประทานระหว่างเที่ยวเล่นน้ำ
ความกังวลเงียบๆ ในใจของผมเกิดขึ้นจริงอย่างชัดเจนและโจ่งแจ้ง ระหว่างทางที่เดินผ่านขึ้นไปยังน้ำตกแม้จะมีถังขยะที่ทางอุทยานแห่งชาติวางให้บริการอยู่เป็นระยะๆ แต่ขยะมากมายโดยเฉพาะถุงใส่พลาสติกใส่อาหารและขวดน้ำถูกทิ้งเรี่ยราดอยู่ตลอดเส้นทาง ซึ่งบรรดาจิ้งเหลนบ้าน จิ้งเหลนภูเขาเกล็ดเรียบวิ่งเข้าไปใช้เป็นที่หลบซ่อนเมื่อตกใจนักท่องเที่ยวที่เดินไปมา นี่ทำให้ผมเกิดความรู้สึกแน่นอยู่ในอกเป็นครั้งแรก น้ำตกชั้นที่หนึ่งร้างผู้คนจากปริมาณน้ำที่น้อยเกินลงเล่น นักท่องเที่ยวเดินผ่านน้ำตกชั้นนี้ไปยังชั้นถัดไปซึ่งเป็นแอ่งกว้างและยังคงมีน้ำไหลรินอยู่ ที่ชั้นนี้มีกิจกรรมสันทนาการเกิดขึ้นมากมาย การสนทนาพูดคุย เล่นน้ำ รับประทานอาหาร และดื่มเครื่องดื่ม ภาพอันชินตาอันเกิดขึ้นเป็นประจำและสามารถพบได้ทั่วไป ผมตัดสินใจเดินต่อไปยังน้ำตกชั้นถัดไปและถัดไปเพื่อให้พ้นจากความโหวกเหวกวุ่นวายที่เกิดขึ้นพยายามหามุมสงบในการชื่นชมธรรมชาติและเก็บภาพ ในที่สุดผมก็พบกับความสงบเงียบที่โหยหาซึ่งมีมากกว่าชั้นก่อนหน้าอย่างเทียบไม่ติด อาจจะเนื่องมาจากระยะทางที่ไกลและปริมาณน้ำที่ไม่มากทำให้นักท่องเที่ยวน้อยคนนักที่จะพยายามมาให้ถึงบริเวณนี้
"เวลาที่เราสามารถตักตวงความสุขได้นั้นช่างสั้นนัก" วลีเด็ดที่เรามักจะได้เห็นได้ยินอยู่ในหนังสือหรือภาพยนต์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับผมในตอนนั้น เวลาที่ได้สัมผัสช่างสั้นเสียยิ่งกว่าสั้น รองเท้ารัดส้นถูกถอดออกเท้าแต่ยังไม่ทันที่จะได้แช่เท้าลงไปในน้ำ สายตาก็เหลือบไปเห็นขวดแก้วสีชาที่จมอยู่ในน้ำใกล้ๆ สองสามขวด หนึ่งในนั้นแตกมีลักษณะเป็นคมปากฉลามพร้อมสร้างบาดแผลเหวอะหวะให้แก่ผู้ที่ทะเล่อทะล่าไปสัมผัสกับมัน อารมณ์ ความคาดหวัง การพักผ่อนถูกแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกจุกแน่นอกอีกครั้งหนึ่ง ผมสวมรองเท้าและตัดสินใจยกเลิกแผนการณ์เปลี่ยนมาเป็นการเดินเก็บขยะในบริเวณนั้นแทน อุปกรณ์การถ่ายรูปทั้งหลายในกระเป๋ากล้องไม่ได้ถูกนำออกมาใช้งานคงมีเพียงแต่น้ำในขวดที่เตรียมมาเท่านั้นที่ได้ทำหน้าที่ดับกระหายจากความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้น ตลอดระยะเวลากว่าชั่วโมงขยะปริมาณหนึ่งถุงใหญ่เท่าที่ผมจะสามารถเก็บได้สร้างความเมื่อยล้าให้แก่กล้ามเนื้อแขนและข้อนิ้วของผมพอประมาณขณะที่เดินทางลงมาเพื่อที่จะนำไปทิ้ง
เสียงกิจกรรมสันทนาการลดลงไปอย่างมากแล้วเมื่อผมมาถึงน้ำตกชั้นล่าง แต่เป็นเรื่องตลกร้ายที่ขำไม่ออกสำหรับสิ่งยังคงหลงเหลืออยู่ ถุง ภาชนะ จาน ชาม ช้อนส้อม แก้ว ขวดผลิตภัณฑ์บรรจุเครื่องดื่มทั้งที่เป็นแก้วและพลาสติก เศษอาหารต่างๆ นานา สารพัดสารพันปริมาณมหาศาลที่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดทั้งในน้ำ ผิวน้ำ ริมน้ำ ริมตลิ่ง บนโขดหินทั่วบริเวณ บนต้นไม้ โคนต้นไม้ บนดิน และที่ฝังอยู่ในดินบางส่วน ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเป็นความจริงอันโหดร้ายที่สร้างความรู้สึกจุกแน่นในอกเกิดขึ้นกับผมอีกครั้ง ครั้งนี้ค่อนข้างจะรุนแรงจนทำให้ผมสะอึกขึ้นได้จริงๆ หลังจากยืนมองพร้อมกับถอนหายใจไปเฮือกผมตัดสินใจเริ่มลงมือเก็บขยะอีกครั้ง ครั้งนี้สร้างความเหนื่อยล้าให้ร่างกายของผมอย่างชัดเจน ด้วยทั้งปริมาณขยะและการที่ต้องกระโดดโลดเต้นไปตามชะง่อนหินก้อนแล้วก้อนเล่ากว่าสองชั่วโมง ขยะกว่าสามถุงใหญ่ที่รวบรวมได้ก็กองอยู่ตรงหน้า ก่อนที่ผมจะเดินหอบหิ้วเอากลับลงไปยังด้านล่าง ระหว่างทางที่เดินผ่านไม่มีเสียงจากบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นจากนักท่องเที่ยวที่เดินสวนทางหรือเดินตาม มีแต่เพียงสายตาเท่านั้นที่เหมือนจะบอกอะไรบางอย่างที่ผมไม่อยากเอื้อนเอ่ยถึง
"ขยะเยอะเนอะ" เป็นคำพูดแรกที่ผมได้ยินตั้งแต่เริ่มเดิน ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการบอกเล่า ถามไถ่ หรือเป็นการพูดคุยกันเองระหว่างแม่ค้าเมื่อผมเดินผ่่านหน้าร้านค้าหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ผมเพียงส่งยิ้มกลับไปก่อนจะนำขยะไปวางยังตำแหน่งที่เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมเอาไว้
คืนนั้นเป็นคืนที่ผมนอนหลับไปพร้อมกับอาการเมื่อยขบที่เกิดขึ้นทั้งตัว พร้อมกับความคิดที่ว่า ถ้าเป็นช่วงวันหยุดยาวที่ผู้คนและนักท่องเที่ยวมีจำนวนมากกว่านี้ล่ะ สิ่งที่ผมทำมันคงจะไม่ได้ช่วยอะไรนัก ใครกันที่มีส่วนผิด ใครกันที่จะมีทองออกหรือใครกันจะเป็นคนแก้ปัญหานี้ ถ้าไม่ใช่เราทุกคนที่ต้องช่วยและร่วมมือกัน
การไม่ได้เก็บภาพน้ำตกอย่างที่คาดหวังไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเสียใจ
แต่เป็นการเก็บภาพน้ำตกอย่างที่ไม่ได้ตั้งใจไว้มากกว่าที่ทำให้ผมรู้สึกเศร้าใจ...
เกี่ยวกับผู้เขียน
จองื้อที
แต่เดิมเป็นเด็กต่างจังหวัดจากภาคตะวันออก มุ่งมั่นเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยความสนใจส่วนตัวและถูกชักชวน จึงเลือกเข้าศึกษาในภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ สาขาวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าและทุ่งหญ้า ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้มีโอกาสช่วยเก็บข้อมูลงานวิจัยสัตว์ป่าในหลายพื้นที่ หลังจากสำเร็จการศึกษาได้รับคำแนะนำให้ไปศึกษาต่อยังสถาบันอื่น จึงได้เข้ามาศึกษาต่อ ณ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระดับปริญญาโทต่อมาถึงในระดับปริญญาเอก และยังคงมีสถานภาพเป็นนิสิตอยู่ในปัจจุบันขณะ
"เราพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย เพื่อที่สุดท้ายแล้วเราจะได้รู้ว่า แท้จริงแล้งเราไม่ได้รู้อะไรเลย"
พบกับบทความ “จองื้อที” ได้ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน