xs
xsm
sm
md
lg

จำได้ไหม? 22 ธ.ค. “วันเหมายัน” กลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพแสดงการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งการขึ้น-ตก ของดวงอาทิตย์ในช่วงเวลาต่างๆ
สดร. เผย 22 ธ.ค.นี้เป็น “วันเหมายัน” กลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี ชี้เป็นวันที่ประเทศซีกโลกเหนือย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ส่วนประเทศซีกโลกใต้ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน

รศ.บุญรักษา  สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) เผยว่า โดยปกติแต่ละวันดวงอาทิตย์จะปรากฎในตำแหน่งต่างๆ กัน ประมาณวันละ 1 องศา แต่ในวันที่ 22 ธ.ค. นี้ ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด ส่งผลให้ช่วงกลางวันจะสั้นและช่วงกลางคืนจะยาวนานที่สุดในรอบปี

ลักษณะเช่นนี้ ภาษาสันสกฤตเรียกว่า “วันเหมายัน (เห-มา-ยัน) (Winter Solstice) สำหรับประเทศไทยจะเรียกว่า “ตะวันอ้อมข้าว” โดยดวงอาทิตย์จะขึ้นเวลาประมาณ 06:36 น. และจะตกลับขอบฟ้า เวลาประมาณ 17:55 น. (เวลา ณ กรุงเทพฯ) รวมระยะเวลากลางวันเพียง 11 ชั่วโมง 19 นาที เท่านั้น ทำให้วันนั้นคนบนโลกรู้สึกว่าท้องฟ้ามืดเร็วกว่าช่วงเวลาอื่นๆ ของปี  โดยประเทศทางซีกโลกเหนือนับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน

รศ.บุญรักษาอธิบายเพิ่มเติมว่า การที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นรูปวงรี ทำให้โลกมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ไม่เท่ากันตลอดปี ช่วงที่ใกล้ที่สุดประมาณต้นเดือน ม.ค. จะอยู่ห่างจากโลก 147 ล้านกิโลเมตร ช่วงที่ไกลที่สุดประมาณต้นเดือน ก.ค. จะอยู่ห่างถึง152 ล้านกิโลเมตร ซึ่งการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ที่มีระยะใกล้บ้าง-ไกลบ้างนั้น เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของความใกล้-ไกล ถือเป็นอัตราส่วนที่น้อยมาก จึงไม่ได้มีผลต่อการเกิดฤดูกาลแต่อย่างใด

"แต่การที่แกนของโลกเอียง 23.5 องศา เมื่อโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้ตำแหน่งขั้วโลกเหนือหรือขั้วโลกใต้หันเข้าหาดวงอาทิตย์ส่วนต่างๆ ของโลกจึงได้รับแสงอาทิตย์ไม่เท่ากัน จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ใน 1 ปี เกิดฤดูกาลต่างๆ" รศ.บุญรักษาอธิบาย
ภาพแสดงการเคลื่อนที่ของโลกรอบดวงอาทิตย์บนระนาบสุริยะวิถี (ที่มา : http://www.universetoday.com/27474/vernal-equinox-busting-the-myth-of-balancing-eggs/)
นอกจากนี้ ผอ.สดร.ยังระบุด้วยว่า เนื่องจากแกนโลกไม่ได้ตั้งตรงแต่เอียงทำมุม 23.5 องศา กับแนวตั้งฉากกับระนาบโคจรของดวงอาทิตย์ ทำให้ระยะเวลา 1 ปี ที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดปรากฏการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์ ดังนี้

1.วันวสันตวิษุวัต (วะ-สัน-ตะ-วิ-สุ- วัด) (Vernal Equinox) ตรงกับวันที่ 21 มี.ค. เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดี ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนพอดี นับเป็นวันที่ประเทศทางซีกโลกเหนือเข้าย่างสู่ฤดูใบไม้ผลิ ส่วนซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง

2. วันครีษมายัน (ครี-สะ- มา-ยัน) (Summer Solstice) ตรงกับวันที่ 21 มิ.ย.หรือ 22 มิ.ย. เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุด ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันยาวที่สุดในรอบปี สำหรับประเทศทางซีกโลกเหนือ นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้ช่วงกลางวันจะสั้นที่สุดในรอบปี นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว

3.วันศารทวิษุวัต (สาด-ทะ-วิ-สุ-วัด) (Autumnal Equinox) ตรงกับวันที่ 23 ก.ย. เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดี ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนพอดี นับเป็นวันที่ประเทศทางซีกโลกเหนือเข้าย่างสู่ฤดูใบไม้ร่วง ส่วนซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ

4. วันเหมายัน (เห-มา-ยัน) (Winter Solstice) ตรงกับวันที่ 21 ธ.ค.หรือ 22 ธ.ค. เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันสั้นที่สุดและกลางคืนยาวที่สุดในรอบปี หรือที่คนไทยเรียกว่า“ตะวันอ้อมข้าว” สำหรับประเทศทางซีกโลกเหนือนับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้ ช่วงกลางวันจะยาวที่สุดในรอบปี นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน









กำลังโหลดความคิดเห็น