คุณยังจำถั่วเขียวที่เคยปลูกตอนเด็กๆ ได้ไหม? ถ้ายังจำได้ กระถางปลูกถั่วของพวกคุณมีหน้าตาเป็นอย่างไร? เก็บคำตอบไว้ในใจ เพราะวันนี้เราจะพาไปดูกระถางปลูกถั่วล้ำๆ ของเด็กสมัยใหม่จากฝีมือนักวิจัย มจธ. ที่อาจจะทำให้ผู้ใหญ่หลายๆ คน ถึงกับอยากเล่นเป็นเด็กอีกครั้ง
ทีมข่าวผู้จัดการวิทยาศาสตร์หมายถึง อุปกรณ์ปลูกต้นไม้สำหรับเด็ก “Let's plant” อุปกรณ์ปลูกต้นไม้ที่ถูกจัดชุดมาอย่างอย่างสวยงาม ด้วยนานาอุปกรณ์รูปสัตว์หน้าตาน่ารัก สำหรับเด็กๆ วัย 3-7 ปี ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากความรักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างเสริมจินตนาการสำหรับเด็กของ ผศ.ดร.โชคอนันต์ บุศราคัมภากร อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ผู้คร่ำหวอดในวงการสิ่งประดิษฐ์เพื่อเด็กมาเป็นเวลานานนับ 10 ปี
พิเชษฐ์ ธนพงศ์จงรวย นักทรัพย์สินทางปัญญา สำนักงานวิจัย นวัตกรรมและพันธมิตร มจธ.กล่าวว่า อุปกรณ์ปลูกต้นไม้สำหรับเด็กชิ้นนี้ เกิดขึ้นจากความตั้งใจของ ผศ.ดร.โชคอนันต์ ที่ต้องการผลิตของเล่นสร้างเสริมทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ให้กับเด็ก ซึ่งการปลูกถั่ว ก็เป็นกิจกรรมพื้นฐานที่เด็กไทยทุกยุคทุกสมัยคุ้นเคยเป็นอย่างดี จึงได้พัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีรูปร่าง สีสันสวยงามน่าใช้เพื่อดึงดูดให้เด็กสนใจ และอยากดูแลต้นไม้ของตัวเองในทุกๆ วัน
พิเชษฐ์ อธิบายว่า ภายในชุดอุปกรณ์ปลูกต้นไม้จะมีอุปกรณ์ย่อยๆ อยู่ภายใน 7 ชิ้น เริ่มจาก เริ่มจากชิ้นสีม่วง คือ กระถางแช่ถั่วรูปฮิปโป ที่เป็นกล่องมีฝาเปิดปิดสำหรับบรรจุเมล็ดถั่วและน้ำเพื่อเตรียมการงอก อุปกรณ์ชิ้นที่ 2 คือพลาสติกใสสำหรับเพาะถั่ว ชิ้นที่ 3 คือปากคีบพี่นกกระสา มีไว้ใช้สำหรับคีบต้นถั่วขึ้นมาวัดขนาดกับไม้บรรทัดพี่ยีราฟ อุปกรณ์ชิ้นที่ 4 ที่บริเวณคอจะมีตัวเลขง่ายๆ กำกับอยู่ ส่วนชิ้นที่ 5 คือแว่นขยายพี่นกฮูกสีเหลืองสด ที่มีทั้งช่องส่องขยายแบบละเอียด กับช่องขยายแบบหยาบ สำหรับให้เด็กๆ ได้ส่องดูขนราก ส่วนอุปกรณ์ชิ้นที่ 6 คือพี่ช้างพ่นน้ำสีฟ้าสดใส อุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายคือหนังสือคู่มือที่จะมีตารางให้เด็กๆ ได้บันทึกความสูง และกิจกรรมที่ทำกับต้นถั่ว พร้อมด้วยสติ๊กเกอร์หลากสีสันภายในเล่ม
“ส่วนมากของเล่นเสริมพัฒนาการ เราจะต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาแพงทำให้เด็กส่วนมากเข้าไม่ถึง แต่ let's plant นี้เป็นของเล่นที่พัฒนาขึ้นจากฝีมือคนไทย ที่ผ่านกระบวนความคิดและการออกแบบมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า การเล่นจะทำให้เด็กได้เรียนรู้อะไรบ้างที่เห็นได้ชัด คือ เรื่องของสัตว์ที่เรานำเอาบุคลิกที่เด่นๆของสัตว์ตัวนั้นมาทำ เช่น นกฮูกตาโตก็เป็นแว่นขยาย ยีราฟคอยาวก็เป็นไม้บรรทัด และที่สำคัญคือ เรื่องของการสังเกตและจดบันทึกที่เด็กจะได้ไปโดยตรงจากการปลูกถั่ว” พิเชษฐ์ กล่าว
นอกจากนี้พิเชษฐ์ ยังระบุด้วยว่า อุปกรณ์ทั้งหมดผลิตขึ้นจากพลาสติกเอทิลีน (PE) ที่มีความปลอดภัยต่อเด็ก โดยผลิตภัณฑ์ได้จดทะเบียนสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการผลิตของเล่นบางรายมาติดต่อเพื่อขอซื้อลิขสิทธิ์สำหรับนำไปผลิตในเชิงพาณิชย์แล้วเช่นเดียวกัน แต่มหาวิทยาลัยยังคงเปิดรับผู้ประกอบการที่สนใจนวัตกรรมชิ้นนี้สำหรับต่อยอดอีก เพราะมีหนังสือสัญญาหลายรูปแบบให้ผู้สนใจได้เลือกนำไปใช้ โดยเบื้องต้นได้กำหนดราคาในชุดละไม่เกิน 400 บาท
ผู้สนใจสามารถติดต่อขอข้อมูลนวัตกรรมได้ที่ สำนักงานวิจัย นวัตกรรมและพันธมิตร มจธ. โทร 02-470-9685 หรือที่เว็บไซต์ www.kmutt.ac.th