xs
xsm
sm
md
lg

Martin Luther นักปฏิรูปคริสต์ศาสนา

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน

MArtin Luther (CREDIT PHOTO: Lucas Cranach)
ในปี 1517 (ตรงกับรัชสมัยพระบรมราชาที่ 2) สันตะปาปา Leo ที่ 10 แห่งโรม ทรงประสงค์จะสร้างเสริมเติมต่อมหาวิหาร St. Peter’s จึงทรงดำริหาเงินทุนมาก่อสร้างด้วยการขาย indulgence ให้คนที่ซื้อเอกสารนี้ไปสามารถใช้ยกโทษและเปลื้องบาปของตนได้ โดยสถาบันศาสนาอ้างว่า พระเจ้าจะประทานอภัยโทษและอภัยบาปให้คนทำบาปทุกคนที่ซื้อ indulgence ปราศจากมลทินใดๆ ทันทีที่เงินของเขาตกถึงก้นหีบในท้องพระคลัง วิธีการขายบุญไปและเอาเงินมานี้ ทำให้ Martin Luther รู้สึกโกรธเคืองมาก ที่ได้เห็นศาสนจักรทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อเศรษฐี ให้ไร้บาปด้วยการซื้อ indulgence และให้ยาจกตกนรกเพียงสถานเดียว เพราะไม่มีเงิน

ดังนั้นในวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ.1517 Martin Luther จึงออกมาประท้วงด้วยการประกาศท้าทายอำนาจของคริสตจักรนิกายโรมันแคทอลิกซึ่งทรงพลังมากที่สุดในแผ่นดินในเวลานั้น โดยการเรียกร้องให้วาติกันเปลี่ยนแปลงประเพณีปฏิบัติต่างๆ หลายเรื่องที่ Luther เห็นว่าไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม และไม่เป็นธรรม รวมถึงให้มีการปราบปรามคอรัปชั่นในวาติกันด้วย ในประกาศของ Luther ที่ติดที่ประตูโบสถ์แห่งเมือง Wittenberg ในเยอรมนี เขาได้เสนอประเด็นเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ 95 ประเด็นให้ชาวเมืองหันมาสนใจ ด้วยการอภิปรายถกเถียงกันเพื่อหาทางออก และร่วมกันเรียกร้องให้ศาสนประเพณีทั้งหลายที่ไม่เหมาะสมมีการเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้เพราะชาวบ้านชาวเมืองในเวลานั้นมีความรู้สึกว่ากำลังถูกสำนักวาติกันในโรมเอาเปรียบด้วยการต้องเสียภาษีให้ตลอดเวลา การเรียกร้องของ Luther ในครั้งนั้นมีผลทำให้สถาบันวาติกันของสันตะปาปาแห่งโรมได้รับความกระทบกระเทือนมาก และวงการศาสนาเริ่มมีการปฏิรูป ความแตกแยกต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้นิกายโปรเตสแตนท์กับนิกายอื่นๆ ถือกำเนิด ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันศาสนาที่เริ่มในครั้งนั้นรวมถึงการเรียกร้องให้ศาสนจักรมีการปฏิรูปก็ยังดำเนินอยู่จนกระทั่งวันนี้

ประเด็นหนึ่งที่ Luther เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลง คือให้มีการเขียนคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาเยอรมันแทนภาษาละติน เพื่อให้ชาวเยอรมันธรรมดาทั่วไปสามารถอ่าน และเข้าใจคัมภีร์ได้ด้วยตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องให้นักบวชหรือบาทหลวงมาแปลความหมายหรือถ่ายทอดให้ฟัง นั่นคือ Luther ต้องการให้ชาวบ้านธรรมดาสามารถเข้าถึงและเข้าพระทัยของพระเจ้าได้โดยตรง โดยไม่ต้องมีคนกลาง การเสนอนี้จึงเท่ากับการลดบทบาทและความสำคัญของนักบวชและบาทหลวงลง
มหาวิหาร St.Peter (CREDIT PHOTO: Saint Louis Art Museum)
สำหรับความเชื่อเรื่องการล้างบาปโดยการขายบุญให้นั้นเกิดขึ้น เพราะสังคมยุโรปในยุคนั้นเชื่อว่า นักบุญคือบุคคลที่ได้ทำบุญไว้มากและมีบุญสะสมจนเกินที่จะทำให้ตนได้ขึ้นสวรรค์แล้ว ดังนั้นจึงคิดมอบบุญ “ส่วนเกิน” ให้องค์สันตะปาปานำไป “ช่วย” คนบาป ธุรกิจซื้อบุญด้วยเงินนี้ทำให้คริสต์ศาสนิกชนจำนวนมากมายพากันหลงเชื่อ คริสตจักรจึงประกาศรับเงินล้างบาปอย่างไม่อั้น ผลตามมาคือสถาบันศาสนามีเงินเก็บมากมหาศาล

ในปี 1510-11 ที่ Luther เดินทางไปโรม เขารู้สึกตกใจมากที่เห็นการใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยของบรรดานักบวช และบาทหลวง ยิ่งเมื่อได้ฟังคำสอนว่า คนที่บริจาคเงินมากจะไม่มีวันตกนรก ส่วนใครที่ไม่ให้เงินล้างบาปเลย จะอยู่ในนรกตลอดไป เขาจึงถูกห้ามเข้าไปสวดมนตร์ในโบสถ์ เพราะเป็นพวกบาปหนา Luther รู้สึกผิดหวังมากที่ศาสนจักรส่งเสริมความเชื่อและการทำธุรกิจในลักษณะนี้

ดังนั้นเมื่อบาทหลวง Johann Tetzel แห่งเมือง Wittenberg ซึ่งเป็นตัวแทนจากโรมในการขาย indulgence เห็น Luther ออกมาต่อต้านองค์สันตะปาปา Tetzel จึงสั่งเผาเอกสารทุกชิ้นที่ Luther เขียน และกล่าวประณาม Luther ว่าเป็นไอ้หมาขี้เรื้อนสมองควาย ด้านลูกศิษย์ของ Luther ก็ได้ออกมาแก้แค้นแทนอาจารย์ด้วยการเผาเอกสารที่ Tetzel เขียนเป็นการเอาคืน

ยุโรปในสมัยเมื่อห้าศตวรรษก่อนที่ Luther จะถือกำเนิด เป็นช่วงเวลาที่บุคคลใดถ้ากล้าออกมาต่อต้านคริสตจักร จะถูกสันตะปาปา Gregory บัญชาจับตัวไปฆ่า หรือนำตัวไปทรมาน เพื่อให้ทุกคนที่เห็นการลงโทษหนัก ต่างพากันรู้สึกกลัว และไม่กล้ากระทำอีก เช่น ในปลายคริสตศตวรรษที่ 14 เมื่อชาวอังกฤษชื่อ John Wyclif แปลคัมภีร์ไบเบิลที่ตามปกติเขียนเป็นภาษาละตินให้เป็นภาษาอังกฤษ เขาถูกสังคมอังกฤษประณามว่าเป็นทาสของซาตาน Wyclif จึงถูกอัปเปหิออกจากโบสถ์ และถูกประนามให้เป็นคนนอกรีต ที่จะไม่มีการประกอบพิธีทางศาสนาให้เวลาตาย ด้าน John Hus แห่ง Prague ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่สนับสนุนการปฏิรูปศาสนาก็ถูกไม้แหลมเสียบทางทวาร จนเสียชีวิตอย่างทารุณ

ในเบื้องต้น Luther เองไม่เคยคิดไกลไปถึงว่าคริสต์ศาสนาจะต้องมีการปฏิรูปอย่างขนานใหญ่ เขาต้องการเพียงให้สถาบันศาสนาเปลี่ยนวิธีปฏิบัติบางวิธีเท่านั้น ด้านสันตะปาปา Leo ที่ 10 เองก็ไม่ได้สนใจในความคิดเห็นของ Martin Luther และทรงคิดว่าความขัดแย้งใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่าง Telzel กับ Luther ที่เมือง Wittenberg เป็นเพียงการวิวาทบาดหมางธรรมดาๆ ระหว่างบาทหลวงทั่วไปสองคนเท่านั้นเอง แต่เมื่อความขัดแย้งดังกล่าวไม่มีทีท่าว่าจะยุติ ดังนั้นในปี 1518 โรมจึงส่งหมายศาลให้ Martin Luther ไปรายงานตัวที่ศาลศาสนาในโรม แต่เจ้าชาย Frederick the Wise แห่งมหาวิทยาลัย Wittenberg ที่ Luther เป็นอาจารย์สอนประจำได้ออกมาขัดขวางหมายศาล โดยอ้างว่า Luther เป็นชาวเยอรมัน เขาจึงไม่สมควรถูกตัดสินความโดยศาลอิตาลี ดังนั้น Luther จึงไม่ถูกดำเนินการใดๆ เป็นเวลา 2 ปี และในระหว่างนั้นเขาได้ขึ้นเวทีโต้วาทีกับ John Eck (ซึ่งเป็นตัวแทนของสันตะปาปา) ที่มหาวิทยาลัย Leipzig ความรุนแรงของการ “วิวาท” ครั้งนั้นทำให้ Luther มีบาทหลวง Philip Melancthon และบาทหลวง Eramus แห่ง Rotterdam มาสนับสนุน หลังการโต้วาที Eck ได้รีบเดินทางกลับโรม เพื่อถวายรายงานฟ้องต่อสันตะปาปาว่า พระองค์ทรงถูก Luther จาบจ้วง และได้เปรียบเทียบ Luther ว่า เป็นหมูป่าที่กำลังอาละวาดในสวนองุ่น

ในปี 1520 Luther ได้เขียนจดหมายถึงบรรดาขุนนางชั้นสูงทุกคนในเยอรมนี โดยได้รายงานข้อคิดเห็นของตนและความจริงต่างๆ ให้เหล่าขุนนางได้รับรู้ เพื่อขอการสนับสนุน ในเวลาต่อมา Luther ก็ได้รับหมายศาลจากโรมอีกพร้อมข้อหาว่า Luther ได้กระทำบาปที่รุนแรงถึง 41 ประการ ทันทีที่อ่านจดหมายจบ Luther ได้เผาจดหมายฉบับนั้นทิ้งต่อหน้าธารกำนัล การกระทำที่เป็น “กบฏ” เช่นนี้ทำให้ได้พบว่า เสียงสนับสนุนจากชาวเยอรมันได้เพิ่มขึ้นมากขึ้นๆ ตลอดเวลา

ในปีต่อมา กษัตริย์ Charles ที่ 5 แห่งเยอรมนีทรงบัญชาให้เจ้าหน้าที่รัฐฯ เผาหนังสือทุกเล่มที่ Luther เขียนเพื่อเอาใจศาสนจักรที่วาติกัน และทรงให้ทหารกักตัว Luther ในปราสาทที่ Wartburg เพื่อมิให้ Luther ออกไปปลุกปั่นฝูงชน

ถึงปี 1529 เมื่อ Luther ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เขาจึงเดินทางไปประชุมเรื่องแนวทางการปฏิรูปศาสนาร่วมกับบาทหลวง Ulrich Zwingli และนักเทววิทยาที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ และ Luther ยังยืนยันความเชื่อของตนที่ขัดแย้งกับคำสอนของศาสนจักรแห่งโรม ดังนั้นในเวลาต่อมากลุ่มคนที่สนับสนุน Luther ก็ได้ชื่อว่าเป็นพวก Protestant

คริสต์ศาสนานิกายโปรเตสแตนท์ที่มี Luther เป็นผู้ให้กำเนิดเริ่มเป็นที่ยอมรับและได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวางในบรรดาประเทศที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของยุโรป นิกายนี้มีคัมภีร์ไบเบิลเป็นสื่อกลางระหว่างพระเจ้ากับคนทั่วไป แทนที่จะมีสันตะปาปา และเมื่อไบเบิลถูกตีพิมพ์เผยแพร่เป็นภาษาเยอรมัน ดังนั้นคนเยอรมันที่อ่านก็รู้ทันทีว่า พระเจ้าทรงประสงค์สิ่งใด โดยไม่จำเป็นต้องมีบาทหลวงมาถ่ายทอดความประสงค์ให้ คริสต์ศาสนานิกายนี้จึงมีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ดังนั้นในความเห็นของนักประวัติศาสตร์ การต่อต้านของ Luther จึงเป็นอะไรที่มากกว่าการปฏิวัติทางศาสนา เพราะการประท้วงของ Luther ได้ทำให้สังคมและการเมืองในยุโรปมีการปฏิวัติไปพร้อมกันด้วย
บาทหลวง Johan Tetzel (CREDIT PHOTO:  Giovanni Paolo Panini )
ในปี 1534 เมื่อพระเจ้า Henry ที่ 8 แห่งอังกฤษทรงทราบเหตุการณ์ประท้วงที่กำลังเกิดขึ้นในเยอรมนี พระองค์ซึ่งกำลังไม่พอพระทัยองค์สันตะปาปาที่ไม่ทรงยินยอมให้พระองค์ทรงหย่าจากพระราชินี Catherine แห่ง Aragon นอกจากนี้สันตะปาปายังไม่ยอมรับการอภิเษกสมรสครั้งใหม่ของพระองค์กับ Ann Boleyn ด้วย พระเจ้า Henry ที่ 8 จึงทรงฉวยโอกาสนี้ประกาศตัดสัมพันธ์ทางศาสนากับโรม และทรงตั้งคริสตศาสนานิกาย Church of England ขึ้น โดยมีพระองค์ทรงเป็นประมุขของนิกายใหม่

Martin Luther เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ปี 1483 (ตรงกับรัชสมัยพระบรมไตรโลกนาถ) ที่เมือง Eisleben ในเยอรมนี บิดา Hans Luther มีอาชีพเริ่มต้นเป็นชาวนา แต่ได้เปลี่ยนเป็นชาวเหมือง และในที่สุดเป็นช่างหล่อโลหะ ส่วนมารดา Magaretta เป็นลูกสาวของชาวนา ในวัยเด็ก Luther ได้รับการศึกษาในโรงเรียนที่มีความเคร่งครัดในประเพณีศาสนามาก เมื่ออายุ 18 ปีได้เข้าเรียนระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัย Erfurt อีก 4 ปีต่อมาก็สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท จากนั้นก็มุ่งศึกษาด้านกฎหมายตามความประสงค์ของบิดา

ประจวบกับในช่วงเวลานั้น กาฬโรคกำลังแพร่ระบาดหนักในยุโรป ทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นเบือ Luther จึงต้องเห็นความตายของคนจำนวนมากมายทุกวัน แต่ไม่รู้สึกกลัว เพราะครุ่นคิดเรื่องเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังความตายมากกว่า และรู้ว่าจะมีคนร่ำรวยจำนวนมากที่ได้ขึ้นสวรรค์เพราะมีเงินซื้อบุญ และคนรวยหลายคนจะตกนรก เพราะไร้เงินไถ่บาป
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1505 ขณะ Luther เดินกลับมหาวิทยาลัย หลังจากที่ได้ไปแวะเยี่ยมญาติ ฝนตกหนักและฟ้าคะนอง จนเกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าใกล้ต้นไม้ที่ Luther ยืนหลบอยู่ ทำให้รู้สึกกลัวตายมาก จนต้องสวดมนตร์ภาวนาขอให้นักบุญ St.Anne ช่วย และ Luther ได้สัญญากับนักบุญว่าจะบวชเป็นพระ ถ้ารอดตาย

ดังนั้นเมื่อรอดชีวิต Luther จึงออกบวชและได้เป็นนักบวชเต็มรูปเมื่ออายุ 24 ปี และถูกส่งตัวไปเป็นอาจารย์สอนวิชาศาสนา ตรรกวิทยากับฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย Wiitenberg อีก 5 ปีต่อมาก็ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตสาขาเทววิทยา

แม้ภาระงานสอนหนังสือและงานเทศน์จะหนัก แต่จิตใจของ Luther ก็ยังครุ่นคิดแต่เรื่องนรก สวรรค์ จนมีความเห็นว่า คนธรรมดาไม่ว่าจะเป็นใคร หรือมีอำนาจเพียงใดก็ไม่ควรจะต่อรองกับพระเจ้า เพื่อให้ตนขึ้นสวรรค์ หรือไม่ให้ตกนรก เมื่อ Luther ศึกษาระบบที่ใช้ในการสำนึกบาปในสมัยนั้น ก็พบว่า ในบางเวลาตนอาจไม่สามารถสารภาพบาปเพื่อขอให้พระเจ้าทรงยกโทษให้ทั้งหมด เพราะจำบาปที่ทำไปไม่ได้ หรือบางครั้งตนก็ไม่รู้ว่าได้ทำบาปอะไรไปแล้ว และกว่าจะรู้ตัวก็เมื่ออยู่เบื้องพระพักตร์ของพระเจ้าให้พระองค์ทรงตัดสินบาป
คัมภีร์ไบเบิลฉบับภาษาเยอรมันโดย Luther (CREDIT PHOTO: Torsten Schleese)
ทางออกสำหรับปัญหาที่ Luther รู้สึกกังวลมากนี้จึงไม่สามารถหาคำตอบได้จากใครใด นอกจากคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้น ดังนั้นเมื่อ Luther ได้รับแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์สอนวิชาไบเบิลในช่วงปี 1513-1516 เขาจึงตระหนักว่า ดวงวิญญาณของทุกคนจะรอดพ้นจากนรก ก็ด้วยพระเมตตาของพระเจ้าเท่านั้น เพราะพระองค์ได้ทรงกำหนดให้พระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูมาถ่ายบาปให้มนุษย์ทุกคน ด้วยการถูกตรึงบนไม้กางเขน ไม่ใช่จากการซื้อ indulgence

ความจริงในสมัยนั้น คริสต์ศาสนิกชนมีความเชื่อว่า สันตะปาปาสามารถอภัยโทษและบาปให้ใครๆ ได้หมด ต่อมาความเชื่อนี้ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่เป็นว่า บทลงโทษของพระเจ้าก็สามารถได้รับอภัยโทษได้เช่นกัน ถ้ามีการจ่ายเงินตามค่า indulgence และนี่ก็คือชนวนที่ชักนำให้ Luther เริ่มออกมาเคลื่อนไหวการปฏิรูปคริสตจักร ยิ่งเมื่อ Luther ได้สืบพบว่า ท่านอาร์คบิชอบ Albrecht แห่งเมือง Mainz กับเมือง Magdeburg หลังจากที่ได้จ่ายค่า indulgence แล้ว แทนที่เงินนั้นจะถูกส่งไปโรมเพื่อใช้ในการก่อสร้างมหาวิหาร St.Peter’s กลับนำครึ่งหนึ่งของเงินคืนสู่อาร์คบิชอป Albrecht เพื่อใช้เปลื้องหนี้ที่ Albrecht สร้างโดยการขอซื้อตำแหน่งอาร์คบิชอบแห่ง Magdeburg การใช้เงินซื้อยศฐาบันดาศักดิ์และยังไร้การสำนึกบาปใดๆ ทำให้ Luther ตระหนักในความเหลวแหลกของการคอรัปชั่นในสมัยนั้น จึงตัดสินใจประท้วงในวันที่ 31 ตุลาคม ปี 1517 โดยอ้างว่า ถ้าสันตะปาปาทรงอภัยบาปได้ พระองค์ก็ควรอภัยบาปให้ทุกคน โดยไม่เรียกเก็บเงินใดๆ นอกจากนี้ Luther ก็ยังไม่เห็นด้วยกับความคิดที่ว่า ปริมาณบุญที่นักบุญทำนั้นมีมากจนนับไม่ถ้วน การต่อต้านของ Luther จึงเป็นการโจมตีสันตะปาปาว่าทรงมีพระดำริหลายเรื่องผิด และทรงสอน คริสตธรรมผิด การกล่าวหานี้จึงทำให้ Luther เป็นคนนอกรีตในสายตาของวาติกัน

การประท้วงของ Luther ทำให้เกิดการปฏิรูปในวงกว้างทั่วยุโรป เช่น ทำให้เกิดคริสต์ศาสนานิกาย Lutheranism ส่วน John Calvin ที่ Geneva ก็สร้างลัทธิ Calvinism   John Knox นำความคิดของ Calvin ไปสก็อตแลนด์ และแปลงเป็นนิกาย Presbyterian ด้านพระเจ้า Henry ที่ 8 แห่งอังกฤษทรงแต่งตั้ง Thomas Cranmer เป็นอาร์คบิชอปแห่ง Canterbury และพระองค์ทรงเป็นประมุขของ Anglicanism ในปี 1534 ส่วนที่ Zurich Conrad Grebel ประกาศตั้งนิกาย Anabaptism

เมื่อวงการคริสตจักรระส่ำระส่ายเช่นนี้ นิกายแคทอลิคเองก็จำต้องปฏิรูปด้วย โดยเลิกการใช้อำนาจ และปรับปรุงการสอนความเชื่อในศาสนา อีกทั้งได้ต่อสู้กับฝ่าย Protestant เป็นเวลานาน จนถึงปี 1648 ฝ่าย Protestant และฝ่าย Catholic ก็ตกลงยอมรับว่าชาวคริสต์ทั้ง 2 นิกายจำต้องอยู่ร่วมโลกกันอย่างไม่มีใครหนีใคร หรือกำจัดใครได้

ในปี 1525 Luther ตัดสินใจปักหลักที่ Wittenburg และได้แต่งงานกับ Catherine von Bora ซึ่งบวชเป็นชี และ Luther ต้องทำงานหนัก โดยการแปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาเยอรมันตั้งแต่ต้นจนจบทั้งเล่มในปี 1529

การใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ของ Gutenburg มีส่วนมากในการช่วยให้คำสอนและความเชื่อของ Luther ในไบเบิลแพร่หลาย จนเป็นที่ยอมรับ

Luther เสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1546 สิริอายุ 63 ปีที่ Eisleben ซึ่งเป็นเมืองที่เขาใช้ชีวิตในวัยเด็ก เพราะที่นั่นมีอากาศหนาว และสุขภาพของ Luther ไม่ดี เขาทำหน้าที่สวดมนตร์นำในโบสถ์เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ แต่สวดไม่จบก็ต้องหยุดเพราะรู้สึกเหนื่อยมาก และบาทหลวงได้ถาม Luther ก่อนสิ้นใจว่า เขายังเชื่อในทุกสิ่งทุกอย่างที่สอนหรือไม่ Luther ตอบ “Jawohl”

ศพของ Luther ถูกนำกลับไปที่ Wittenberg โดยมีขุนนาง ทหาร และประชาชนเรียงรายต้อนรับตลอดทาง และถูกนำไปฝังในโบสถ์ที่เมื่อ 29 ปีก่อนเขาได้ตอกตาปูติดประกาศประท้วงโรม

อ่านเพิ่มเติมจาก “Luther the Reformer” โดย James Kittelson จัดพิมพ์โดย Angsburg Fortress Publishing House, Minneapolis ปี 1986

เกี่ยวกับผู้เขียน

สุทัศน์ ยกส้าน
ประวัติการทำงาน-ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์และดาราศาสตร์ และ ศาสตราจารย์ ระดับ 11 ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขากายภาพและคณิตศาสตร์ ประวัติการศึกษา-ปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยลอนดอน, ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย

อ่านบทความ สุทัศน์ ยกส้าน ได้ทุกวันศุกร์








ยาเคลือบอุปกรณ์การแพทย์ยับยั้งการเติบโตเชื้อโรคจากเทคโนโลยีบรรจุแคปซูลนาโนเพื่อควบคุมการปลดปล่อยยาเคลือบกำจัดเชื้อโรค 1 ในตัวอย่างวิศวกรรมชีวการแพทย์สุดล้ำผลงานนักศึกษาไทย อ่านต่อเพิ่มเติมคลิก www.manager.co.th/science #engineering #bioengineering #medicalengineering #medical #medical #innovation #project #undergrat #student #thailand #managersci #astvscience #sciencenews

A photo posted by AstvScience (@astvscience) on


กำลังโหลดความคิดเห็น