xs
xsm
sm
md
lg

เตรียมดู "จันทรุปราคาเต็มดวง" ครั้งเดียวของปี 4 เม.ย.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


​สดร.เผย 4 เม.ย.58 เกิด “จันทรุปราคาเต็มดวง” ครั้งแรกและครั้งเดียวของปีนี้ที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าในไทย ปรากฏช่วงหัวค่ำ ตั้งแต่ดวงจันทร์โผล่พ้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออก เวลาประมาณ 18.57-19.02 น. นาน 5 นาที แนะจุดสังเกตให้อยู่ในที่สูงหรือโล่งแจ้งไม่มีอะไรบดบัง จัดกิจกรรมชวนชมดวงจันทร์สีแดงพร้อมกัน 4 แห่ง ปทุมธานี เชียงใหม่ นครราชสีมา และฉะเชิงเทรา พร้อมถ่ายทอดสดออนไลน์หวังกระตุ้นคนไทยสนใจดาราศาสตร์ ส่งเสริมบรรยากาศสังคมการเรียนรู้แบบวิทยาศาสตร์แก่คนไทย

​รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) กล่าวว่าทุกครั้งที่มีปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ต่างๆ เกิดขึ้น สถาบันฯ มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปยังประชาชนทั่วไปได้ทราบอยู่เสมอๆ โดยตลอด ด้วยบทบาทของ สดร. ในการสร้างความตระหนักและความตื่นตัวทางด้านดาราศาสตร์ให้เกิดขึ้นในหมู่คนไทย ผ่านปรากฎการณ์ดาราศาสตร์และกิจกรรมทางดาราศาสตร์ต่างๆ

"การเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในวันที่ 4 เม.ษ.นี้ ก็เช่นเดียวกัน เราจัดให้มีการแถลงข่าวในครั้งนี้ขึ้นก็เพื่อเผยแพร่ข้อมูลความรู้ไปสู่ประชาชนพร้อมทั้งเชิญชวนให้ประชาชนติดตามการเกิดปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ในครั้งนี้ สนับสนุนนโยบายของท่าน รมว.วท. ในการใช้ดาราศาสตร์สร้างแรงบันดาลใจให้คนหันมาสนใจวิทยาศาสตร์ เสริมสร้างจินตนาการ และกระบวนการคิดเชิงอย่างเป็นเหตุเป็นผล และสามารถนำไปบูรณาการกับความรู้ด้านอื่นๆ ได้อีกหลากหลาย ก่อให้เกิดบรรยากาศสังคมการเรียนรู้แบบวิทยาศาสตร์ สู่การพัฒนาคนและพัฒนาชาติต่อไปได้ในอนาคต" รศ.บุญรักษากล่าว

​ด้าน ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ อธิบายว่า 4 เม.ษ.จะเกิดปรากฏการณ์ “จันทรุปราคาเต็มดวง” สามารถสังเกตได้เกือบทุกพื้นที่ของเอเชีย รวมถึงทางด้านตะวันออกของมหาสมุทรอินเดีย มหาสมุทรแปซิฟิก อเมริกาเหนือ และออสเตรเลียโดยตรงกับเวลาเช้ามืดของวันเดียวกันตามเวลาท้องถิ่น ด้านตะวันตกของอเมริกาใต้ และด้านตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก

​"สำหรับประเทศไทยปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในวันที่ 4 เม.ษ. 2558 เกิดขึ้นในช่วงหัวค่ำและตรงกับคืนเดือนเพ็ญ ดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่เงามัวของโลกตั้งแต่เวลาประมาณ 16.01 น. และจากนั้นค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่เงามืดของโลกเกิดเป็นจันทรุปราคาบางส่วนในเวลาประมาณ 17.15 น. แต่ในวันดังกล่าวในประเทศไทยดวงจันทร์จะโผล่พ้นจากขอบฟ้าเวลาประมาณ 18.25 น. ทำให้เราไม่สามารถเห็นช่วงแรกของการเกิดจันทรุปราคาได้" ดร.ศรัณย์ระบุ

รอง ผอ.สดร.อธิบายต่อว่าหลังจากนั้นดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่ “จันทรุปราคาเต็มดวง” ตั้งแต่เวลา 18.57 - 19.02 น. คิดเป็นระยะเวลาของจันทรุปราคาเต็มดวงในครั้งนี้ประมาณ 5 นาที ขณะนั้นดวงจันทร์อยู่สูงจากขอบฟ้าทางด้านทิศตะวันออกประมาณ 7 องศา และช่วงที่ดวงจันทร์อยู่ในเงามืดของโลกเต็มดวง จะมองเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดงอิฐทั้งดวงจนสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าทางด้านทิศตะวันออกในทุกภูมิภาคของประเทศ เมื่อสิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงหลังเวลา 19.03 น. ไปแล้ว ดวงจันทร์จะเริ่มออกจากเงามืดของโลกเข้าสู่การเป็นช่วงจันทรุปราคาบางส่วนอีกครั้ง

"จนกระทั่งดวงจันทร์ออกจากเงามืดของโลกทั้งดวงในเวลา 20.44 น. แล้วเปลี่ยนเป็นจันทรุปราคาเงามัว ซึ่งการสังเกตทำได้ยากเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงความสว่างของดวงจันทร์จากเงามืดของโลกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ช่วงท้ายสุดดวงจันทร์จะพ้นจากเงามัวของโลกเวลา 21.58 น. ถือว่าเป็นการสิ้นสุดของปรากฏการณ์จันทรุปราคาแบบเต็มดวงครั้งนี้โดยสมบูรณ์ โดยมีมุมเงย 31 องศา จากขอบฟ้าทางทิศด้านตะวันออก” ดร.ศรัณย์ระบุ

​ดร.ศรัณย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่สนใจชมจันทรุปราคาเต็มดวงช่วงหัวค่ำในวันดังกล่าว ให้หันหน้าไปทางทางทิศตะวันออก และควรอยู่ในที่โล่งหรือที่สูงจะสามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นเวลาที่ดวงจันทร์ยังอยู่ใกล้ขอบฟ้ามาก นับเป็นจันทรุปราคาเต็มดวงครั้งแรกของปี 2558 ครั้งที่ผ่านมาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2557 และจะเป็นจันทรุปราคาเต็มดวงเพียงครั้งเดียวที่จะเห็นได้ในประเทศไทย ครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นในวันที่ 28 กันยายน 2558 ซึ่งตรงกับช่วงเวลากลางวันทำให้ประเทศไทยไม่สามารถมองเห็นปรากฏการณ์จันทรุปราคาในครั้งนี้

​ส่วน นายชูชาติ แพน้อย รักษาการผู้อำนวยการหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติฯ ฉะเชิงเทรา หนึ่งในเครือข่ายการจัดกิจกรรมได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความพร้อมของการจัดกิจกรรมว่า "หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติฯ ฉะเชิงเทรา กำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดดำเนินการประมาณต้นปี 2559 ในระหว่างนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ภายในหอดูดาว ในขณะเดียวกันได้เริ่มจัดกิจกรรมดาราศาสตร์เพื่อให้บริการประชาชนด้วย

"ดังเช่น จันทรุปราคาเต็มดวงในวันที่ 4 เม.ษ. นี้ เราได้จัดเตรียมกล้องโทรทรรศน์พร้อมอุปกรณ์ สำหรับใช้ในการสังเกตการณ์ และวิทยากรที่จะคอยให้ข้อมูลแก่ประชาในวันนั้นนอกจากจะได้ชมดวงจันทร์สีแดงแล้ว ยังจะมีการตั้งกล้องโทรทรรศน์เพื่อสังเกตวัตถุท้องฟ้าต่างๆ ด้วย จึงอยากเชิญชวนประชาชนที่สนใจ เข้ามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย" นายชูชาติระบุ

​สำหรับปรากฏการณ์จันทรุปราคา เป็นปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในระนาบเดียวกัน โลกอยู่ตรงกลางระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ ขณะที่ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามืดของโลก ผู้สังเกตบนโลกจะมองเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งไปทีละน้อยจนดวงจันทร์เข้าไปอยู่เงามืดทั้งดวง และเริ่มมองเห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งอีกครั้งหนึ่งเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่ออกจากเงามืดของโลก ช่วงที่ดวงจันทร์โคจรเข้าไปอยู่ในเงามืดของโลกบางส่วนจะเรียกว่า “จันทรุปราคาบางส่วน” และช่วงที่ดวงจันทร์โคจรเข้าไปอยู่ในเงามืดของโลกทั้งดวง เรียกว่า “จันทรุปราคาเต็มดวง” จะมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงเป็นสีแดงอิฐ เนื่องจากได้รับแสงสีแดงซึ่งเป็นคลื่นที่ยาวที่สุด หักเหผ่านบรรยากาศโลกไปกระทบกับดวงจันทร์
ภาพอธิบายการเกิดจันทรุปราคา

ทั้ง สดร.ร่วมกับหน่วยงานเครือข่าย และหอดูดาวสิรินธร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดกิจกรรมสังเกตการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง 4 จุด ได้แก่ ปทุมธานี เชียงใหม่ นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา ตั้งกล้องโทรทรรศน์สังเกตปรากฏการณ์พร้อมถ่ายทอดสดผ่านจอภาพขนาดใหญ่ภายในบริเวณงานให้ชมกันอย่างเต็มตา รวมถึงกิจกรรมทางดาราศาสตร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ แนะนำการดูดาวเบื้องต้น เรียนรู้ท้องฟ้าและกลุ่มดาวต่าง ๆ สังเกตวัตถุท้องฟ้า เช่น ดาวพฤหัสบดี เป็นต้น

สถานที่จัดกิจกรรมของ สดร.ได้แก่

​ปทุมธานี - ดาดฟ้าชั้น 3 บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 081-8854353

​เชียงใหม่ - จุดชมวิวดอยสุเทพ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 082-3868155

​นครราชสีมา - หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จ.นครราชสีมา ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 044-216254

​ฉะเชิงเทรา - หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ต.วังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 038-589395

​ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

นอกจากนี้ผู้สนใจยังสามารถรับชมการถ่ายทอดสดปรากฏการณ์จาก ปทุมธานี นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา ผ่านเว็บไซต์ www.narit.or.th ตั้งแต่เวลา 17:00 – 22:00 น.
ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา, รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม และนายชูชาติ แพน้อย (ซ้ายไปขวา)




*******************************



กำลังโหลดความคิดเห็น