ประวัติศาสตร์รัสเซียได้จารึกว่า ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1672 (ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) ท่านผู้หญิง Feodossiya Morozova ถูกจับในฐานะเป็นผู้นำการต่อต้านการปฏิรูปศาสนาในรัสเซีย โดยตำรวจได้จับตัวเธอล่ามโซ่ แล้วให้นั่งบนฟางในเลื่อน เพื่อลากไปตามถนนให้ผู้คนที่ยืนอยู่สองข้างทางได้เห็นเป็นการประจาน
ท่ามกลางการตกตะลึงของคนที่เห็นว่าที่มือของท่านผู้หญิงมีตรวนล่าม เธอได้ชูมือขวาขึ้นสูง แล้วใช้นิ้วชี้ไขว้นิ้วกลางเพื่อแสดงสัญลักษณ์ของไม้กางเขนว่า เธอต่อต้านอิทธิพลของผู้ทรงอำนาจในเวลานั้น และการต่อต้านของเธอนี้เองที่ได้ทำให้เธอถูกทรมานอย่างทารุณ และถูกกักขังให้อดอาหารจนเสียชีวิตในที่สุด
เมื่อก่อนนั้น เธอเป็นคนที่สังคมรัสเซียทุกคนรู้จักว่า มีฐานันดรศักดิ์สูง มีฐานะร่ำรวย มีม้าอาหรับพันธุ์ดีถึง 12 ตัว เพื่อใช้เทียมรถม้าที่เคลือบด้วยทองคำ อีกทั้งมีข้าทาสบริวารคอยปรนนิบัติรับใช้ตลอดเวลา ในฐานะที่เป็นท่านผู้หญิง เธอจึงเป็นสตรีคนสำคัญคนหนึ่งที่ใกล้ชิดกับสถาบันกษัตริย์แห่งรัสเซียมาก สามีของเธอคือ Gleb Morozova ซึ่งเป็นน้องชายของรัฐมนตรีท่านหนึ่งในคณะรัฐบาลยุคของซาร์ Alexis Mikhailovich หลังการแต่งงาน 3 ปี สามีเธอก็เสียชีวิต เธอจึงได้รับมรดกเป็นเงินมหาศาล
แม้จะตกพุ่มม่าย เธอก็ยังถวายการรับใช้สมเด็จพระราชินีแห่งรัสเซียต่อไป ในฐานะนางสนองพระโอษฐ์ และในเวลาเดียวกันก็ต้องดูแลลูกโทนของเธอด้วย ตามปกติเธอจะไปโรงพยาบาลทุกวัน เพื่อเยี่ยมเยือนคนป่วย และให้กำลังใจคนไข้ โดยไม่บอกใครว่า เธอเป็นใคร
การเป็นคนที่มีน้ำใจเอื้ออารีต่อคนยากจนเช่นนี้ ทำให้เธอได้รู้จักบาทหลวง Avvakum ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวทางศาสนาคนสำคัญ คนทั้งสองมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก เพราะมีความคิดเห็นในหลายเรื่องคล้ายกัน รวมถึงการมีความคิดต่อต้านการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทางศาสนาของซาร์ด้วย
ถึงปี 1651 เมื่อสังฆราช Nikon ได้ออกประกาศให้คริสต์ศาสนิกชนนิกาย Russian Orthodox ทุกคนเปลี่ยนรูปแบบการทำพิธีกรรมให้เป็นแบบ Greek Orthodox หมด เช่น เปลี่ยนวิธีคุกเข่า เปลี่ยนเพลงที่ร้องสวดในโบสถ์ และเปลี่ยนการใช้นิ้ว 2 นิ้วไขว้กันเพื่อแสดงว่าเป็นไม้กางเขน ให้ใช้สามนิ้วแทน คำสั่งลักษณะนี้ได้สร้างความแตกแยกให้บังเกิดขึ้นในสังคมรัสเซียมาก บาทหลวง Avvakum จึงออกมาประกาศต่อต้านการเปลี่ยนแปลงทางศาสนาทุกรูปแบบ และถูกสังฆราช Nikon แถลงคว่ำบาตรว่าจะไม่ร่วมสังฆกรรมใดๆ กับบาทหลวง Avvakum อีก ยิ่งเมื่อพระเจ้าซาร์ทรงประกาศว่าพระองค์ทรงสนับสนุนสังฆราช Nikon อย่างออกหน้าออกตา ฝ่ายที่ต่อต้าน Nikon และซาร์จึงถูกจับกุมขังในคุกที่ Siberia หรือไม่ก็ถูกส่งไปเผาทั้งเป็น
บาทหลวง Avvakum จึงต้องหลบหนีจากกรุง Moscow เพื่อความปลอดภัย แต่ก็ยังติดต่อกับคนใกล้ชิด โดยผ่านทางท่านผู้หญิง Morozova
ในปี 1672 ที่ท่านผู้หญิง Morozova ถูกจับกุมตัวนั้น แม้นางจะมีฐานะทางสังคมค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่สามารถจะปกป้องลูกน้องหรือคนใช้ในบ้านเธอได้ ทุกคนในบ้านของเธอรวมทั้งตัวเธอถูกจับหมด
ขณะเลื่อนถูกลากไปตามถนนที่มีหิมะปกคลุมสู่ Kremlin เธอได้เขย่าโซ่ตรวนดังๆ เพื่อให้ซาร์ทรงได้ยิน และชูนิ้ว 2 นิ้ว เพื่อให้ซาร์ทอดพระเนตรเห็นจิตวิญญาณของเธอด้วย
บนเส้นทางที่เธอถูกลากตัวไปมีคนเฝ้าดูมากมาย ซึ่งมีทั้งที่เห็นใจและที่สมน้ำหน้าเธอ ทางด้านขวาของภาพวาดมีขอทานคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น เขานั่งบนพื้นพร้อมชูนิ้ว 2 นิ้ว เสมือนจะกล่าวคำอำลาต่อท่านผู้หญิง ด้านซ้ายของขอทานมีหญิงยากจนที่สวมเสื้อขนสัตว์เก่าๆ ในมือเธอมีไม้เท้า และบนไหล่มีย่าม เธอเป็นอีกคนหนึ่งที่เห็นใจท่านผู้หญิง
ส่วนทางด้านซ้ายของภาพ เราจะเห็นภาพของชายอ้วนคนหนึ่งที่กำลังหัวเราะเยาะเย้ยท่านผู้หญิงที่กำลังถูกลากถูลู่ถูกังเข้าคุก การวาดภาพเชิงเหยียดหยามนี้ได้สร้างศัตรูให้แก่ Surikov เป็นจำนวนมาก
โดยทั่วไปคนที่สนับสนุนท่านผู้หญิง Morozova มักเป็นชาวบ้าน เช่น ชาวนา และชาวไร่
ในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 17 เมื่อสังคมรัสเซียแตกแยกหนัก ซาร์ Alexis ทรงสนับสนุนให้โบสถ์เป็นที่แสดงละครแทนกิจกรรมทางศาสนา โดยอ้างว่า จะเปิดประเทศรัสเซียให้ชาวตะวันตกได้เข้ามาเยี่ยมเยือน สถาบันศาสนาในรัสเซียก็ได้เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ไปมาก แม้ทหาร แพทย์ วิศวกรจากยุโรปตะวันตกจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาประกอบอาชีพในประเทศรัสเซียได้ คนคุณภาพเหล่านี้ก็ยังไม่ได้รับความไว้วางใจจากชาวรัสเซีย รัฐบาลจึงต้องจัดการให้คนต่างด้าวไปตั้งบ้านเรือนอยู่นอกกรุง Moscow และไม่ให้ชาวรัสเซียไปสอนหนังสือให้ลูกของคนต่างด้าว รวมทั้งไม่ให้ชาวรัสเซียทำงานเป็นคนใช้ในบ้านคนต่างชาติด้วย
ในปี 1675 ซาร์ Alexis ทรงประกาศห้ามคนรัสเซียแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าตะวันตก และให้ผู้หญิงแต่งตัวแบบพวก Tartar ส่วนผู้ชายสามารถโกนเคราได้ ทั้งๆ ที่ในรัสเซียสมัยนั้น เคราแสดงความเป็นผู้ชาย และสังคมถือว่าการโกนเคราจะทำให้ชายคนนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นสวรรค์
เมื่อกระแสตะวันตกได้ไหลทะลักเข้ารัสเซียมากขึ้นๆ สมเด็จพระเจ้า Peter มหาราช ทรงโปรดให้ผู้ชายชั้นสูงทุกคนโกนเคราได้ และพระองค์ทรงสวมฉลองพระองค์แบบตะวันตก คริสต์ศตวรรษที่ 17 จึงเป็นยุคสุดท้ายที่รัสเซียเป็นประเทศปิด การเปลี่ยนแปลงทั้งหลายเหล่านี้ ได้ชักนำให้ท่านผู้หญิง Morozova ออกมาต่อต้าน
ในสมัยนั้นผู้คนรัสเซียมักใช้นิ้วทำเครื่องหมายไม้กางเขนวันละหลายครั้ง เพื่อปัดรังควาน หรือทักทาย และอวยพร ฯลฯ โดยใช้นิ้ว 2 นิ้วไขว้กัน ดังนั้นเวลาฝ่ายมีอำนาจเสนอเปลี่ยนวิธีปฏิบัติ ให้ใช้ 3 นิ้วแทน 2 นิ้ว ฯลฯ หลายคนจึงต่อต้านมาก เพราะคิดว่าเป็นเรื่องไม่จำเป็น ไม่ควรและไม่สะดวก สำหรับคนที่เคร่งศาสนา ซึ่งไม่ยึดติดกับวัตถุใดๆ คนเหล่านี้ชอบสวดมนตร์ และสอนบุคคลอื่น รวมทั้งชอบทำจิตใจให้ว่างเปล่า เพื่อต้อนรับพระเจ้าเข้าในใจได้เต็มที่ คนที่เคร่งศาสนากลุ่มนี้จึงได้รับการยกย่องจากสังคมมาก รวมทั้งซาร์ด้วย
Feodorii คือนักพรตท่านหนึ่งที่เคร่งศาสนามาก เขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งของบาทหลวง Avvakum และท่านผู้หญิง Morozova ได้เคยทูลขอพระราชทานอภัยโทษให้ Avvakum แต่พระเจ้าซาร์ทรงไม่เห็นด้วย กลับทรงบัญชาให้ทหารประหารชีวิต Feodorii และจับตัว Morozova กับน้องสาวเข้าคุก
หลังจากที่ถูกจำขังในคุกมืดใต้ดินที่เมือง Borovsk ได้นาน 1 สัปดาห์ เมื่อถึงวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ.1675 ท่านผู้หญิง Morozova กับน้องสาวก็เสียชีวิต ส่วนบาทหลวง Avvakum ได้ถูกนำตัวไปเผาทั้งเป็น
ชีวิตของบุคคลเหล่านี้เป็นเหยื่อของความศรัทธาเชื่อทางศาสนาในสังคมรัสเซียที่ไม่ยอมรับความเห็นต่าง
Vassily Ivanovich Surikov คือ ศิลปินชาวรัสเซียผู้ชอบวาดภาพเชิงประวัติศาสตร์ เขาเกิดเมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ.1848 ที่ Krasnoyarsk ในไซบีเรีย เมื่ออายุ 22 ปี ได้เข้าศึกษาที่สถาบัน St. Peterburg Academy of Art
หลังจากที่สำเร็จการศึกษา เขาได้จัดตั้งสมาคมศิลปะสัญจรชื่อ Peredvizhniki เพื่อนำภาพวาดออกแสดงในเมืองต่างๆ ให้ผู้คนทั่วไปได้ชื่นชม แทนที่จะให้ภาพอยู่แต่ในพิพิธภัณฑ์เมืองใหญ่ๆ เพื่อให้เจ้าขุนมูลนายเท่านั้นได้ดู ในปี 1886 มีผู้เข้าชมภาพในงานที่เขาจัดแสดงถึง 500,000 คน
Surikov ทำงานศิลปะด้วยอุดมการณ์รักชาติ และชอบวาดความจริง เพราะตระหนักดีว่า คนรัสเซียทั่วไปเป็นคนที่ไร้อารมณ์ศิลปะ เขาจึงพยายามนำโลกศิลปะมาให้คนเหล่านั้นได้สัมผัสบ้าง
ภาพที่โด่งดังที่สุดของ Surikov คือภาพ Strelzi ที่แสดงทหารที่เป็นกบฏต่อต้านจักรพรรดิ Peter the Great แห่งรัสเซีย และทหารคนนั้นถูกประหารชีวิตในเวลาต่อมา
Surikov เคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับท่านผู้หญิง Morozova จากญาติผู้ใหญ่ของเขา ตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กในหมู่บ้าน Cossack แถว Siberia ว่าท่านผู้หญิงได้ออกมาต่อต้านอำนาจเผด็จการ ภาพวาดจึงแสดงความล้มเหลวในความพยายามของผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้ต่อสู้กับอำนาจเบื้องสูงและแพ้
Surikov เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ.1916 ที่ Moscow สิริอายุ 68 ปี
ณ วันนี้โลกรู้จัก Surikov ในฐานะศิลปินผู้วาดภาพที่แสดงการต่อต้านการกดขี่ โดยอาศัยเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เป็นพื้นหลังภาพ The Boyarina Morozova ขนาด 304x587 เซนติเมตรภาพนี้ ขณะนี้อยู่ที่ Tretyakov Gallery ในกรุง Moscow ภาพได้แสดงการต่อสู้ของความเชื่อมั่นอย่างจริงใจของสตรีท่านหนึ่งที่นำมาซึ่งความรุนแรงจนถึงวินาทีสุดท้ายในชีวิตของเธอ
อ่านเพิ่มเติมจาก Tale of Boiarynia Morozova: A Seventennth-Century Religious Life บรรณาธิการคือ Margaret Ziolkowshi จัดพิมพ์โดย Lantham: Lexington Books ปี 2000
เกี่ยวกับผู้เขียน
สุทัศน์ ยกส้าน
ประวัติการทำงาน-ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์และดาราศาสตร์ และ ศาสตราจารย์ ระดับ 11 ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขากายภาพและคณิตศาสตร์ ประวัติการศึกษา-ปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยลอนดอน, ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย
อ่านบทความ สุทัศน์ ยกส้าน ได้ทุกวันศุกร์