เมื่อวานนี้ (24 กันยายน) ทีมงานไซเบอร์บิซโดยผม เป๋า @dorapenguin ได้มีโอกาสร่วมทริปทดสอบกล้องฟูลเฟรมใหม่จากนิคอน D750 ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็เลยถือโอกาสพรีวิวสัมผัสแรก Nikon D750 ก่อนจะไปพบกับรีวิวฉบับเต็มเร็วๆ นี้
โดยรีวิวแรกที่นำเสนอให้ทุกท่านได้รับชมกันก็คือโหมดวิดีโอที่นิคอนปรับใหม่ตั้งแต่ D810 และก็ถูกนำมาใส่ใน Nikon D750 อย่างเต็มรูปแบบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการบันทึกวิดีโอที่ความเร็วเฟรท 60 เฟรมต่อวินาที ไดนามิกเรนจ์ภาพที่กว้าง ทำให้รายละเอียดภาพสามารถตกแต่งด้วยซอฟต์แวร์ในคอมพิวเตอร์ได้ละเอียดขึ้นและยังเลือกใช้โปรไฟล์ภาพแบบ Flat และระบบวัดแสงแบบ Highlight Weighted ได้ด้วยประกอบกับหน้าจอสามารถปรับพับเปลี่ยนองศาการมองได้ถึง 75 องศาในมุมก้ม และประมาณ 90 องศาในมุมเงย ซึ่งถือว่าช่วยให้การถ่ายภาพในมุมมองต่ำและสูงกว่าระดับสายตาทำได้ง่ายขึ้น
รับชมคลิปวิดีโอทดสอบโหมดวิดีโอความเร็ว 60 เฟรมต่อวินาทีและโปรไฟล์ภาพ Flat ในโหมดวิดีโอ (กรุณาเปลี่ยนความละเอียดวิดีโอเป็นแบบ HD ที่รูปเฟืองมุมขวาล่างของกรอบวิดีโอเพื่อความคมชัด)
“จากวิดีโอจะเห็นว่าผมพยายามใช้ประโยชน์จากความเร็ว 60 เฟรมในการทำภาพช้าลง 50% และด้วยการที่ไดนามิกเรนจ์ของภาพวิดีโอค่อนข้างกว้างทำให้ผมสามารถแก้ไขสีของท้องฟ้าได้ง่ายขึ้น แม้ภาพจริงตอนถ่ายท้องฟ้าค่อนข้างจืดและแสงไม่สวยก็ตาม”
จุดอ่อนที่นิคอนมีมาตลอดกับโหมดถ่ายวิดีโอที่ไม่สามารถสู้คู่แข่งได้ ถูกแก้ไขหมดไปกับนิคอนยุคใหม่เริ่มตั้งแต่ D610 มาถึง D810 และ D750 ที่โหมดวิดีโอถูกแก้จนให้ผลลัพท์ที่ดีขึ้นมากจนสามารถนำไปใช้ในการถ่ายภาพยนตร์ได้เสียที
พรีวิว Nikon D750
นอกจากนั้นทางนิคอนยังได้ออกแบบกริปจับใหม่ให้มีความลึกและจับกระชับมือเพื่อการใช้งานที่คล่องตัว เดินถือถ่ายไม่หลุดออกจากมือง่าย อีกทั้ง D750 ยังพัฒนาเรื่องวัสดุโครงสร้างตัวกล้องใหม่เป็นแบบชิ้นเดียว ฝาครอบบอดี้หลังและบนทำจากแมกนีเซียมในขณะที่ฝาครอบด้านหน้าและตัวกล้องทำจากคาร์บอนไฟเบอร์แบบใหม่ พร้อมปรับผังวงจรด้านในใหม่หมดและที่สำคัญคือตัวกล้องรุ่นใหม่นี้ยังป้องกันน้ำและฝุ่นเข้าเหมือนเดิม
ด้านสเปกกล้องจะคล้ายกับ D810 กล่าวคือเซ็นเซอร์รับภาพยังคงใช้เป็น FX Format ความละเอียดสูงสุด 24.3 ล้านพิกเซล หน่วยประมวลผลภาพ Expeed 4 มี Picture Control แบบ Flat และระบบวัดแสง Highlight Weighted ให้เลือกใช้ ค่าความไฟแสง (ISO) มีให้เลือกตั้งแต่ ISO 100-12,800 ขยายได้สูงสุด 50-51,200 ระบบออโต้โฟกัส 51 จุด Advanced Multi-CAM 3500 II พัฒนาใหม่ให้สามารถจับโฟกัสในที่แสงน้อยได้เร็วขึ้นที่ -3EV ในขณะที่จุดโฟกัสแบบ 11 จุดสามารถรองรับค่ารูรับแสงแคบ f8 ได้รวมถึงความสามารถในการโฟกัสภาพแบบกลุ่มและการโฟกัสผ่านไลฟ์วิวที่ทำได้เร็วและแม่นยำขึ้น
อีกจุดเด่นหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้หน้าจอ 3.2 นิ้วพับเปลี่ยนองศาการมองได้ก็คือ WiFi ที่ติดตั้งมาให้ในตัวกล้อง โดยสามารถใช้ร่วมกับแอปพลิเคชัน Wireless Mobility Utility ทั้งบน Android และ iOS ได้
และที่น่าสนใจและเป็นครั้งแรกที่เราจะได้เห็นจากฟูลเฟรมมืออาชีพของนิคอนก็คือโหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ Scene Mode และโหมดปรับแต่งภาพพิเศษเพื่อให้การใช้งานคล่องตัวมากขึ้น โดยจุดเด่นอยู่ที่ Advanced Scene Recognition ที่ช่วยจัดการแสงและ White Balance ให้อัตโนมัติ รวมถึง Effect ภาพที่มีให้เลือกใช้หลังกล้องทันทีไม่ว่าจะเป็น Miniature, Night Mode เป็นต้น
ในส่วนสเปกอื่นๆ ต้องบอกว่าเหมือนกับ D810 แทบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นช่องไมโครโฟนพร้อมช่องหูฟังสำหรับมอนิเตอร์เสียง ระบบถ่ายวิดีโอโดยให้ระบบไฟฟ้าเป็นตัวควบคุมรูรับแสง (Power aperture) เพื่อความนุ่มนวลสำหรับงานวิดีโอในสภาพแสงที่แตกต่างกันมาก Time-lapse, Exposure smoothing เกือบทุกฟีเจอร์ใน D810 จะมีให้เลือกใช้งานใน D750 ด้วยเช่นกัน
สำหรับ Nikon D750 ก็ถือเป็นการเปิดตลาดฟูลเฟรมที่นิคอนตั้งใจจะทำตลาดกับผู้ใช้ทั่วไปเสียทีหลังจากโฟกัสกับกลุ่มมืออาชีพมานาน เพราะด้วยราคาเปิดตัวเฉพาะบอดี้ 78,900 บาท ส่วนชุดคิทกล้องพร้อมเลนส์ 24-120mm f4 Nano อยู่ที่ 89,900 บาท เมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกันและฟีเจอร์ที่ได้ก็ถือว่า D750 เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จับตลาดได้ทุกกลุ่มตั้งเริ่มต้นใช้ฟูลเฟรมไปถึงมืออาชีพ โดยเฉพาะรุ่นจับคู่เลนส์คิทที่น่าสนใจเป็นพิเศษ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายจาก Nikon D750 (เลนส์ 24-70mm f2.8 Nano)
รายละเอียดการตั้งค่ากล้องหลักๆ ในการทดสอบถ่ายภาพชุดนี้ทั้งหมด ส่วนใหญ่ Picture Control จะเลือกเป็น Flat และ Landscape ส่วนระบบวัดแสงจะเน้นเลือก Highlight Weighted และ Matrix เป็นหลัก ส่วนขนาด RAW ไฟล์ใหญ่สุดจะอยู่ที่ประมาณ 28-30MB ส่วนขนาดไฟล์ JPEG อยู่ที่ 14-15MB
ระยะ 24 มิลลิเมตร f/11, Shutter Speed 1/250 ISO 100
ระยะ 60 มิลลิเมตร f/9, Shutter Speed 1/400 ISO 200
ระยะ 70 มิลลิเมตร f/4.5, Shutter Speed 1/640 ISO 200 Picture Control : Landscape
ระยะ 70 มิลลิเมตร f/2.8, Shutter Speed 1/4,000 ISO 100
ระยะ 70 มิลลิเมตร f/2.8, Shutter Speed 1/1,000 ISO 125
ระยะ 70 มิลลิเมตร f/2.8, Shutter Speed 1/1,600 ISO 125
ระยะ 55 มิลลิเมตร f/2.8, Shutter Speed 1/2,000 ISO 125
ระยะ 70 มิลลิเมตร f/2.8, Shutter Speed 1/200 ISO 500 ใช้ไฟแฟลชผ่านระบบ CLS ตั้งไว้ด้านข้างเยื้องไปด้านหลังของแบบและปรับหัวไฟแฟลชเบ๊าซ์เพดานพร้อมตั้ง Picture Control แบบ Flat
ภาพนี้ใช้ระยะและตั้งค่ากล้องเดียวกับภาพบนแต่ปรับเปลี่ยน Picture Control เป็น Portrait และวัดแสงเป็นแบบ Matrix พยายามดึงบุคคลิกเดิมๆ ของนิคอนออกมา
ระยะ 70 มิลลิเมตร f/2.8, Shutter Speed 1/3,200 ISO 100 ทดสอบ Picture Control Flat และวัดแสงแบบ Highlight Weighted กับภาพบุคคลกลางแจ้งไม่มีไฟแฟลช
ดาวน์โหลดภาพความละเอียดสูงสุด (สำหรับผู้อ่านที่ต้องการซูมดูคุณภาพไฟล์เต็ม 100%)
ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4 ภาพที่ 5 ภาพที่ 6 ภาพที่ 7 ภาพที่ 8
Company Related Link :
Nikon
CyberBiz Social