“พิเชฐ” ชวนท้องถิ่นเจียดงบ 2% ลงทุนวิจัย ส่งเสริมคนรุ่นใหม่คิดค้นนวัตกรรมนำไปใช้ประโยชน์ในชุมชน โดยมีมหาวิทยาลัยเป็นพี่เลี้ยง กำหนดระเบียบ กฎเกณฑ์ทำให้งบประมาณเกิดผลที่ยั่งยืน ชี้การขับเคลื่อนประเทศทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวระหว่างการบรรยายถึงการขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ของรัฐบาล ให้กับผู้เข้าอบรมหลักสูตรการบริหารจัดการนโยบายวทน. ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนว่า การพัฒนา วทน.ไม่ควรแยกระหว่างรัฐบาลกับเอกชน เนื่องจาก วทน.เป็นกลไกสำคัญในการสร้างองค์ความรู้นำไปสู่การพัฒนา การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งจากองค์กรปกครองท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ อุดมศึกษา เอกชน ตลอดจนภาคอุตสาหกรรม ในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม การจะพัฒนาเศรษฐกิจให้เจริญก้าวหน้านั้น ดร.พิเชฐ กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือต้องเปลี่ยนจากรับจ้างผลิต เป็นการสร้างผลิตภัณฑ์เอง โดยใช้ประโยชน์จากงานวิจัยต่าง ๆ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์มากที่สุด อย่างไรก็ตามการจะยกระดับเศรษฐกิจชุมชน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากท้องถิ่น เนื่องจากในแต่ละปี องค์กรปกครองท้องถิ่นจะได้รับงบประมาณ 27% ของงบประมาณทั้งประเทศ เราของบประมาณเพียงแค่ 2% จากงบของท่านเพื่อส่งเสริมให้เด็กได้คิดริเริ่มสร้างสรรค์ นวัตกรรม เพื่อนำไปใช้ประโยชน์กับชุมชน โดยมีมหาวิทยาลัยคอยเป็นพี่เลี้ยง กำหนดกฎเกณฑ์ และระดมคนเก่ง มาช่วยกันทำงานทำให้งบประมาณที่ใช้ไปเกิดผลที่ยั่งยืน
รมว.วิทยาศาสตร์ กล่าวด้วยว่า วิธีคิดของ อาจารย์มหาวิทยาลัย และบุคลากรภาครัฐ ในเรื่องของการนำไปต่อยอด ยังสวนทางกับภาคเอกชน จำเป็นต้องมีตัวเชื่อมเพื่อ ให้เกิดการพบปะพูดคุย ทำให้เกิดการต่อยอดอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ งานของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ทำอยู่แล้วหลายโครงการ และหากได้อาศัย โครงพื้นฐานของการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ที่ทำให้เกิดการนำวิจัยไปใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง ทำให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างนักวิจัยกับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี
*******************************
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวระหว่างการบรรยายถึงการขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ของรัฐบาล ให้กับผู้เข้าอบรมหลักสูตรการบริหารจัดการนโยบายวทน. ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนว่า การพัฒนา วทน.ไม่ควรแยกระหว่างรัฐบาลกับเอกชน เนื่องจาก วทน.เป็นกลไกสำคัญในการสร้างองค์ความรู้นำไปสู่การพัฒนา การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งจากองค์กรปกครองท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ อุดมศึกษา เอกชน ตลอดจนภาคอุตสาหกรรม ในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม การจะพัฒนาเศรษฐกิจให้เจริญก้าวหน้านั้น ดร.พิเชฐ กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือต้องเปลี่ยนจากรับจ้างผลิต เป็นการสร้างผลิตภัณฑ์เอง โดยใช้ประโยชน์จากงานวิจัยต่าง ๆ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์มากที่สุด อย่างไรก็ตามการจะยกระดับเศรษฐกิจชุมชน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากท้องถิ่น เนื่องจากในแต่ละปี องค์กรปกครองท้องถิ่นจะได้รับงบประมาณ 27% ของงบประมาณทั้งประเทศ เราของบประมาณเพียงแค่ 2% จากงบของท่านเพื่อส่งเสริมให้เด็กได้คิดริเริ่มสร้างสรรค์ นวัตกรรม เพื่อนำไปใช้ประโยชน์กับชุมชน โดยมีมหาวิทยาลัยคอยเป็นพี่เลี้ยง กำหนดกฎเกณฑ์ และระดมคนเก่ง มาช่วยกันทำงานทำให้งบประมาณที่ใช้ไปเกิดผลที่ยั่งยืน
รมว.วิทยาศาสตร์ กล่าวด้วยว่า วิธีคิดของ อาจารย์มหาวิทยาลัย และบุคลากรภาครัฐ ในเรื่องของการนำไปต่อยอด ยังสวนทางกับภาคเอกชน จำเป็นต้องมีตัวเชื่อมเพื่อ ให้เกิดการพบปะพูดคุย ทำให้เกิดการต่อยอดอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ งานของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ทำอยู่แล้วหลายโครงการ และหากได้อาศัย โครงพื้นฐานของการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ที่ทำให้เกิดการนำวิจัยไปใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง ทำให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างนักวิจัยกับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี
*******************************
