xs
xsm
sm
md
lg

450 ปีแห่งชาตกาลของเชคสเปียร์

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน

William Shakespeare
หลังจากที่ได้เริ่มอาชีพเป็นนักแสดงละครได้ไม่นาน William Shakespeare ก็เริ่มเขียนบทละคร และประสบความสำเร็จมากในทันที ซึ่งเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ เพราะนับตั้งแต่เรื่องแรกที่จรดปากกา และเรื่องต่อๆ มาทุกเรื่องล้วนมีมาตรฐานสูง ไม่มีเรื่องใดแสดงเป็นฝีมือของนักเขียนบทละครอ่อนหัด เพราะละครดูพากันชื่นชมและสนุกกับเนื้อหามากจนผู้ผลิตละครพอใจที่ละครกำไรได้มาก โดยเฉพาะเรื่อง Henry VI ที่เปิดการแสดงในปี 1592 ที่โรงละคร Rose Theatre ในระหว่างเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน มีคนเข้าชมเต็มโรงทุกวัน

ความสำเร็จในวัยหนุ่มของ Shakespeare เช่นนี้ ทำให้นักเขียนบทละครหลายคนอิจฉาโดยเฉพาะ Robert Greene ซึ่งได้เขียนโจมตี Shakespeare อย่างรุนแรงว่า เป็นนักประพันธ์สมัครเล่น

นอกจากเรื่อง Henry VI แล้ว Shakespeare ยังได้เรียบเรียงบทละครเชิงประวัติศาสตร์อีกหลายเรื่อง เช่น King John, Richard Ⅲ, Titus Andronicus และบทละครตลกขำขันเรื่อง The Comedy of Errors, The Taming of the Shrew และ The Two Gentlemen of Verona ซึ่งล้วนแสดงความเป็นอัจฉริยะของ Shakespeare ว่ามีความสามารถในการเรียบเรียงและสร้างเนื้อหาในแนวที่ไม่เหมือนใคร และนักดูละครทุกคนในกรุงลอนดอนในเวลานั้นก็คงตระหนักว่า นี่คือนักประพันธ์อัจฉริยะคนใหม่ของอังกฤษ ผู้มีผลงานที่ยิ่งใหญ่กว่า Christopher Marlowe ซึ่งใครต่อใครในสมัยนั้นยกย่องว่าเยี่ยมที่สุดเสียอีก

ก่อนจะสิ้นสุดปี 1592 ได้เกิดเหตุการณ์กาฬโรคระบาด ร้านค้าและโรงละครต้องปิดกิจการ ทำให้งานเขียนบทละครต้องหยุดด้วย Shakespeare จึงเบนความสนใจจากการเขียนบทละครไปทุ่มเทให้กับการเขียนบทประพันธ์ เช่น กลอน และได้เขียนหนังสือเรื่อง Venus and Adams กับเรื่อง The Rape of Lucrece ที่ได้อุทิศให้ Earl of Southampton ซึ่งลีลาในการเขียนบทประพันธ์นี้ได้รับการยกย่องมากว่า “สุดยอด”

เมื่อกาฬโรคหยุดระบาดในปี 1594 โรงละครต่างๆ ในลอนดอนเริ่มเปิดการแสดงอีก Shakespeare ได้เข้าร่วมเป็นผู้จัดการสมทบของบริษัท The Lord Chamberlain’s Men ซึ่งหมายความว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปบริษัทนี้เท่านั้นที่สามารถนำบทละครของ Shakespeareออกแสดงได้ ผลที่ตามมาคือ บริษัทได้นำบทละครดีๆ ออกแสดง และ Shakespeare มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง

ในช่วงเวลานี้ Shakespeare ได้เขียนบทละครเรื่อง Romeo and Juliet และบทละครเชิงประวัติศาสตร์ 3 เรื่อง กับบทละครตลกขำขันอีก 5 เรื่อง

ลุถึงปี 1603 เมื่อพระเจ้า James ที่ 1 เสด็จขึ้นครองราชย์ บริษัทของ Shakespeare ได้ถูกโอนเข้าสังกัดในพระบรมราชูปถัมภ์ และเปลี่ยนชื่อเป็น The King’s Men และ Shakespeare ได้เขียนบทละครที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรื่อง Hamlet กับ Macbeth ตามด้วยเรื่อง Pericles, The Winter’s Tale และเรื่อง The Tempest

ตลอดชีวิต Shakespeare ได้เขียนบทละครทั้งสิ้น 37 เรื่อง และหลายเรื่องได้หายสาบสูญไปแล้ว สำหรับบทละครเรื่อง The Tempest นั้น Shakespeare ได้แอบบอกเป็นนัยว่า จะเลิกเขียนบทละคร และจะมอบตำแหน่งนักเขียนบทละครประจำบริษัท The King’s Men ให้แก่ John Fletcher จากนั้นก็เกษียณการทำงานในปี 1612 เพื่อไปพำนักที่ Stratford และใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบ จนได้เสียชีวิตในอีก 4 ปีต่อมาคือในวันที่ 23 เมษายน ค.ศ.1616

ในปี 1623 John Hemminge และ Henry Condell ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ Shakespeare ได้รวบรวมบทละครทุกเรื่องของ Shakespeare มาจัดพิมพ์เป็นเล่ม โดยใช้ชื่อว่า The First Folio เพื่อแสดงมุทิตาจิตต่อนักเขียนบทละครผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษ และเพื่อป้องกันมิให้บทความที่ล้ำค่าเหล่านี้สูญหายไปจากโลก ทั้งนี้เพราะบทละครของ Shakespeare มีเนื้อหาที่ครอบคลุมทั้งประวัติศาสตร์ การเมือง ตลก จิตวิทยา รัก เศร้า ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้น ภาษาที่ Shakespeare ใช้เขียนก็ซึ้งจับใจ และแสดงความรู้สึกลึกๆ ผลงานเหล่านี้จึงเป็นงานประพันธ์ที่เปิดเผยให้ผู้อ่านเข้าใจจิตใจของมนุษย์อย่างลึกซึ้ง และในเวลาเดียวกันก็ให้ความสนุกสนาน และความบันเทิงด้วย

อดีตนายกรัฐมนตรี Thomas Carlyle ของอังกฤษได้เคยประกาศว่า อังกฤษยอมสูญเสียอินเดีย แต่จะไม่ยอมสูญเสียงานเขียนของ Shakespeare อย่างเด็ดขาด

ปี 2014 นี้เป็นวาระครบ 450 ปีแห่งชาตกาลของ Shakespeare ผู้มีผลงานการเขียนที่ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ ร่วม 100 ภาษา การศึกษาผลงานทั้งหมดของมหากวีท่านนี้ ทำให้ได้ข้อมูลว่า ท่านใช้คำประพันธ์ทั้งสิ้น 884,671 คำ และเป็นคำที่แตกต่างกันถึง 37,000 คำ ส่วนสำนวนเช่น “Shall I compare thee to a summer’s day?” และ “Now is the winter of our discontent.” ของ Shakespeare ก็ยังเป็นสำนวนที่ผู้คนนิยมใช้กันจนทุกวันนี้ และคำที่เป็นวลีก็มีเป็นร้อยเช่น “into thin air” be all and end all และแม้แต่คำเช่น addiction, alligator, birthplace, cold-blooded, critic, impede และ amazement ก็เป็นคำที่ Shakespeare ใช้เป็นคนแรก
บ้านเกิดของ William Shakespeare ใน Stratford-upon-Avon
ความสามารถในการสร้างคำ ใช้คำ และผลิตประโยคได้ดีเยี่ยงนี้จะมีก็แค่อัจฉริยะทางภาษาเท่านั้นที่สามารถทำได้ แต่เมื่อเรารู้ว่า ผู้เขียนคนนี้มีบิดามารดาที่ไร้การศึกษา และคนๆ นี้เมื่อมีอายุ 13 ปีได้ลาออกจากโรงเรียน เราก็คงอดสงสัยไม่ได้ว่า Shakespeare เขียนบทละครทั้งหมดด้วยตนเองหรือให้ใครช่วย

Shakespeare เกิดที่ Stratford-on Avon เมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ.1564 (ตรงกับรัชสมัยพระมหาจักรพรรดิ) ครอบครัวมีฐานะยากจน บิดามีอาชีพทำถุงมือขาย มารดาเป็นลูกสาวเจ้าของที่ดิน Shakespeare มีพี่น้อง 8 คน เมื่ออายุ 6 ขวบได้เข้าเรียนที่โรงเรียน Stratford Grammar School จนอายุ 13 ขวบก็ลาออก อีก 5 ปีต่อมาได้แต่งงานกับ Anne Hathaway และมีลูก 3 คน นั่นหมายความว่า Shakespeare ในวัย 21 ปีต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกถึง 3 คน จากนั้นได้อพยพครอบครัวไปลอนดอน เพื่อหาเลี้ยงชีพด้วยการเล่นละคร และเขียนบทละคร จนเป็นที่ยอมรับว่า เขาคือนักประพันธ์บทละครผู้ยิ่งใหญ่ด้วยผลงานเช่น King Lear, Julius Caesar และ Othello

Shakespeare ทำงานอยู่ที่ลอนดอนจนกระทั่งอายุ 51 ปี จึงอพยพกลับบ้านเกิด และเสียชีวิตเมื่อสิริอายุ 52 ปี ศพถูกนำไปฝังที่โบสถ์ในเมือง Stratford ญาติๆ ในตระกูล Shakespeare ยังอาศัยอยู่ที่นี้ จนกระทั่งปี 1670 สมาชิกคนสุดท้ายของตระกูลก็ได้ตายจากโลก

ในการวิเคราะห์ความสามารถของ Shakespeare เมื่อปี 2001 W. Rubinstein แห่งมหาวิทยาลัย Aberyswyth ใน Wales ได้พบว่า Shakespeare ซึ่งไม่ได้รับการศึกษาสูง รู้คำในภาษาอังกฤษมากกว่า John Milton ที่จบจากมหาวิทยาลัย Cambridge ถึง 2 เท่า สามารถเขียนบทละครที่เกี่ยวกับชีวิตต่างแดนได้ดี ทั้งๆ ที่ไม่เคยใช้ชีวิตต่างประเทศเลย รวมถึงรู้วิถีชีวิตในราชสำนักอย่างละเอียด ทั้งๆ ที่ไม่เคยเข้าวัง และรู้กฎหมาย วิทยาศาสตร์ วรรณกรรมคลาสสิกด้วย ความสามารถรอบด้านนี้ทำให้คนหลายคนสงสัยว่า ใครกันแน่เป็นคนเขียนบทละครเหล่านี้

James Wilmot ผู้เกิดหลังจากที่ Shakespeare เสียชีวิตไปประมาณ 100 ปี ได้เคยวิเคราะห์ว่า บิดาของ Wilmot ซึ่งจบจากมหาวิทยาลัย Oxford ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของ Shakespeare เลย และตัวเขาเองก็ไม่เคยเห็นหนังสือที่ Shakespeare เขียนปรากฏในห้องสมุดใดๆ ที่อยู่ไกลจากเมือง Stratford ไม่เกิน 80 กิโลเมตร ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เขาลงความเห็นว่า Sir Francis Bacon ซึ่งเป็นปราชญ์ผู้ทรงภูมิที่สุดในสมัยนั้น คือ ผู้เขียนบทละครหลายเรื่องโดยใช้นามว่า Shakespeare

ในปี 1980 นักวิชาการอีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่า ท่าน Earl of Oxford คนที่ 17 คงเป็นผู้เขียนบทละครของ Shakespeare เพราะท่านเป็นคนได้รับการศึกษาสูง และชีวิตของท่าน Earl มีความละม้ายคล้ายคลึงกับตัวละครในบทละครเรื่อง Hamlet และ The Marchant of Venice ของ Shakespeare การที่ต้องปกปิดชื่อตนเอง เพราะคนที่มีเกียรติและตำแหน่งสูงเช่นท่าน Earl คงไม่สามารถจะเปิดเผยตัวเองได้ว่าเขียนบทละครหากิน ด้าน Earl of Derby คนที่ 6 ก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่ผู้คนสงสัยว่า เขียนบทละครของ Shakespeare เพราะท่านรู้ข้อมูลในราชสำนักดี

ในปี 2005 W.D. Rubinstein ได้วิเคราะห์ตัวจริงของ Shakespeare ต่อ และเสนอแนะว่า Henry Neville คือผู้เขียนบทละครของ Shakespeare เพราะเป็นนักเขียนร่วมรุ่นกับ Shakespeare และมีความสามารถในการประพันธ์สูงมาก

จึงเป็นว่า เรายังไม่มีข้อสรุป และโลกคงไม่รู้ในสิ่งที่เราต้องการรู้ เช่นเดียวกับเรื่องหลายเรื่องในประวัติศาสตร์ที่เราไม่รู้ว่า ใครสร้าง Stonehenge, กวี Homer มีจริงหรือไม่ ประวัติของพระเยซูก็ไม่แน่ชัด หรือชาวอียิปต์โบราณสร้างปิระมิดแห่งอียิปต์อย่างไร
Francis Bacon , Earl of Derby ที่ 6 และ Earl of Oxford ที่ 17 ผู้ซึ่งอาจสร้างบทประพันธ์ในนาม  Shakespeare
จะอย่างไรก็ตามปี 2014 นี้ซึ่งเป็นปีครบ 450 ปี แห่งการถือกำเนิดของ Shakespeare ผู้คนประมาณ 3 ล้านคนจะหลั่งไหลไป Stratford upon-Avon เพื่อดูบ้านที่ Shakespeare เกิด ดังในอดีตที่ Charles Dickens, Lord Byron และกวี Tennyson ก็เคยไปดู

ห้องต่างๆ ที่ Shakespeare ใช้ชีวิตก็ได้รับการตกแต่งเหมือนในอดีต เมื่อ 400 ปีก่อน แม้วันเกิดของ Shakespeare จะไม่แน่นอน แต่โลกก็ยึดวันที่ 23 เมษาของทุกปีเป็นวันเกิด และบันทึกในโบสถ์ Holy Trinity แสดงว่า ทารก Shakespeare ได้เข้าพิธีศีลจุ่มในวันที่ 26 เมษายน ซึ่งตามประเพณีจะเกิดขึ้น 3 วันหลังจากที่คลอด

การเฉลิมฉลองจะจัดที่โรงละคร Royal Shakespeare Theatre ซึ่งมี 1,000 ที่นั่ง

จุดประสงค์ของงานนี้เพื่อสร้างบรรยากาศและฉลองชีวิตในอดีตเมื่อ 450 ปีก่อน และให้เกียรติแก่บุคคลที่ทำให้เมือง Stratford upon Avon มีชื่อเสียงประดับโลกจนทุกวันนี้

อ่านเพิ่มเติมจาก Shakespeare and Co: Christopher Marlowe, Thomas Dekker, Ben Johnson, Thomas Middleton, John Fletcher and Other Players in History โดย Stanley Wells จัดพิมพ์โดย Penguin/Allen Lane ในปี 2006

เกี่ยวกับผู้เขียน

สุทัศน์ ยกส้าน
ประวัติการทำงาน-ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์และดาราศาสตร์ และ ศาสตราจารย์ ระดับ 11 ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขากายภาพและคณิตศาสตร์ ประวัติการศึกษา-ปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยลอนดอน, ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย

อ่านบทความ สุทัศน์ ยกส้าน ได้ทุกวันศุกร์








*******************************

"ผมไม่ได้ถ่ายภาพดาราศาสตร์เพื่อล่ารางวัล แต่ผมถ่ายเพราะผมมีความสุข" คำพูดจาก สิทธิ์ สิตไทย อาจารย์มหาวิทยาลัยที่อุทิศเวลาว่างให้การถ่ายภาพดาราศาสตร์ จนคว้า 3 รางวัลจากการประกวดภาพถ่ายดาราศาสตร์ ประจำปี 2557 ไปครอง อ่านต่อเพิ่มเติม www.manager.co.th/science #managersci #sciencenews #astronomy #astrography #astvscience

A photo posted by AstvScience (@astvscience) on



Instagram
กำลังโหลดความคิดเห็น