เพราะเทคโนโลยีคือทางออก ผู้ประกอบการรุ่นใหม่จับมือ สวทช.ภาคเหนือ หยิบความรู้วิทย์พัฒนาน้ำยาเคลือบ "เครื่องเขิน" ศิลปะทรงคุณค่าล้านนา แก้ปัญหาสี-แผ่นทองหลุดลอก ขับเคลื่อนธุรกิจมรดกตกทอด 7 ชั่วคนจากของใช้ชนชั้นสูง สู่ของใช้ตามไลฟ์สไตล์ เดินหน้าขยายตลาดสู่ต่างประเทศ
ชาคริต สุวรรณชมภู ทายาทรุ่นที่ 7 แห่งวิชัยกุลเครื่องเขิน กล่าวว่า เครื่องเขินเป็นหัตถกรรมพื้นบ้านอย่างหนึ่งที่สำคัญ และมีชื่อเสียงของ จ.เชียงใหม่ ทำด้วยภาชนะไม้ หรือไม้ไผ่ที่ตกแต่งด้วยยางรัก ชาด หรือประดับด้วยเปลือกมุก หรือทองคำเปลว มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานกว่า 200 ปี เป็นหัตถกรรมที่นิยมใช้กันในราชวงศ์ งานศาสนาและกลุ่มชนชั้นสูง เนื่องจากมีราคาที่ค่อนข้างสูง และต้องใช้ช่างที่มีฝีมือและประณีตในการทำ ทำให้เครื่องเขินเป็นหัตถกรรมที่ถูกจำกัดอยู่ในวงแคบ ไม่แพร่หลายมากนักทั้งที่มีสวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น
ความเด่นของเครื่องเขินอยู่ที่ "ยางรัก" ที่มีลักษณะเป็นสีดำมัน เมื่อนำมาเขียนลายด้วยทอง หรือชาด จะให้สีดำสลับทอง หรือสีดำสลับแดงฉูดฉาดสวยงาม มักทำออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ภาชนะถ้วยชาม กล่องใส่ของอเนกประสงค์ เป็นสิ่งของชิ้นใหญ่ไว้ประดับบ้านเรือนเพื่อแสดงฐานะ แต่ความจริงแล้วก็มีเครื่องเขินสำหรับชนชั้นไพร่เช่นกัน โดยลักษณะจะไม่แตกต่างกันมากแต่จะมีความประณีตน้อยกว่า ความสวยงามน้อยกว่าเพราะในการทำแต่ละชิ้นต้องใช้เวลานานหลายวัน หรือหลายเดือนกว่าจะได้ผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้น
"ธุรกิจที่บ้านทำต่อเนื่องมาเกือบ 120 ปีแล้วครับ ตัวผมเป็นรุ่นที่ 7 ที่เข้ามารับช่วงต่อจากคุณแม่ ด้วยความที่เป็นคนรุ่นใหม่เห็นอะไรใหม่ๆมามาก เลยอยากให้ของเก่าๆแต่มีคุณค่าอย่างเครื่องเขิน กลับมาเป็นที่รู้จักในหมู่นักสะสม หรือคนทั่วไปอีกครั้ง จึงเป็นที่มาในการถ่ายทอดเครื่องเขินสู่เคสโทรศัพท์มือถือ ทัมพ์ไดรฟ์ เครื่องประดับ และของใช้แบบใหม่ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางธุรกิจให้คนกลับมารู้จักเครื่องเขินมากขึ้น" ชาคริต กล่าว
ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะในการทำเครื่องเขินแต่ละชิ้น ต้องผ่านขั้นตอนอย่างละเอียดถึง 17 ขั้นตอน ขั้นตอนละประมาณ 7 วัน ทำให้กำลังการผลิตจากคนงาน 30 ชีวิตในโรงงานผลิตเครื่องใช้ขนาดปกติได้เฉลี่ยเดือนละ 500 ชิ้นหรือกำไลข้อมือเพียงแค่ 3,000 ชิ้นต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถสู้กับอุตสาหกรรมอย่างพลาสติกที่คนนิยมมากกว่าและยังมีปัญหาเกี่ยวกับการหลุดล่อนของสีตามระยะเวลา ทำให้การส่งออกไปต่างประเทศยังมีปัญหาอยู่บ้างและไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าบางราย
วิชัยกุลเครื่องเขินจึงเข้ามาปรึกษาและให้โจทย์งานวิจัยกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ภาคเหนือ (สวทช.ภาคเหนือ) เพื่อร่วมกันพัฒนาสารเคลือบผิวผลิตภัณฑ์และทางเลือกในการพัฒนาด้านอื่นๆ จนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาได้ทดลองใช้น้ำยาเคลือบผิวเครื่องเขินที่เป็นโพลิเมอร์เรซิ่นแบบไม่มีสารเคมีตกค้าง ทำให้ปัญหาการหลุดร่อนของสีและแผ่นทองหมดไป ทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากขึ้น จนมียอดสั่งซื้อจากต่างประเทศอาทิ สหรัฐฯ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมันเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตจะมีการพัฒนาเกี่ยวกับเรื่องสีและการลดระยะเวลาของขั้นตอนต่างๆให้กระชับขึ้นด้วย
"ตอนแรกเราปรึกษาไปว่าผลิตภัณฑ์ของเราเมื่อลงยางรักแล้วจะแห้งช้ากินเวลาถึง 7 วันในแต่ละครั้งซึ่งก็ได้คำแนะนำให้ทำห้องควบคุมอุณหภูมิซึ่งเราก็ทำเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ต่อมาสารเคลือบผิวที่ใช้อยู่เดิมเป็นสารเคมีพวกยูรีเทน ซึ่งเป็นสารเคมีที่อาจมีสารตกค้างและ ชิ้นงานก็ยังสีจางและลอกได้อยู่ นักวิจัยก็ได้พัฒนาจนเกิดเป็นวัสดุชนิดใหม่ซึ่งใช้แล้วได้ผลดีอย่างมาก ต่อไปผมจะพัฒนาเรื่องสีให้เป็นสีจากธรรมชาติและปรับสีให้มีสีอื่นนอกจากสีทองและสีแดงบ้าง เพราะลักษณะของยางรักจะดูดกลืนสีทุกสียกเว้นสีแดงชาด ทำให้ยากในการเพ้นท์สีอื่นลงไป ซึ่งในขณะนี้อยู่ในขั้นของการวิจัย อีกหน่อยอาจจะได้เห็นเครื่องเขินสีพาสเทลออกมา รวมถึงแนวการเพ้นท์ลายใหม่ๆมาเอาใจสาวๆก็ได้" ทายาทรุ่นที่ 7 แห่งวิชัยกุลเครื่องเขิน กล่าวกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์
ถึงแม้การนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาใช้กับผลิตภัณฑ์จะทำให้มีราคาทุนที่สูงขึ้นบ้าง แต่ชาคริตอธิบายแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ ว่าไม่เป็นปัญหา เพราะจะได้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้รับการการันตีโดยกระบวนการวิทยาศาสตร์ ที่นอกจากจะช่วยในเรื่องของคุณภาพ ยังเป็นการประหยัดพลังงาน ประหยัดค่าแรง ค่าใชัจ่ายส่วนเกิน ซึ่งคุ้มค่ากับการลงทุน
ในขณะนี้วิชัยกุลยังขยายผลจากธุรกิจลงสู่การพัฒนาหมู่บ้านอย่างยั่งยืนด้วย โดยการกระตุ้นให้เยาวชนในชุมชนหันมาสนใจและเห็นคุณค่าของเครื่องเขิน นำมาสู่การรับช่วงต่อจากช่างครูซึ่งในขณะนี้มีอายุมากแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งในอนาคตยังมีการหารือกับกรมป่าไม่เพื่อทำพื้นที่ปลูกต้นรัก เพื่อผลิตยางรักโดยวห้ชาวบ้านมาช่วยกันดูแลที่ถือว่าป็นการบริหารทรัพยากรอย่างยั่งยืนมากกว่าการขายเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ ภายในนำเสนอผลงานในผลิตภัณฑ์ Dinning Room ภายใต้ธีมงานว่า "กองแขก" ชาคริตระบุว่าบริษัทของเขาได้รับแรงบันดาลใจจากจิตกรรมฝาผนังรูปเทวดาในวิหารวัดกองแขก เกิดเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบผลิตภัณฑ์ซึ่งนำมาจัดแสดงไว้ที่บูท ลานนา คอลเลกชั่น F28 นิทรรศการรวมผลงานล้านนาโดย สวทช.ภาคเหนือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงพาณิชย์
โดยงาน Bangkok International Gift Fair 2014 and Bangkok International Houseware Fair 2014 หรืองาน BIG+BIH ครั้งที่ 38 จะจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 23 ต.ค. ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา
*******************************