xs
xsm
sm
md
lg

เปิดตัว “นิคมวิจัย” รองรับ R&D ภาคเอกชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สวทช.เปิดตัว “นิคมวิจัย” ไฮเทคที่ใหญ่ที่สุดและครบวงจรที่สุดของไทย รองรับการขยายตัวด้านวิจัยและพัฒนาของภาคธุรกิจเอกชน มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมแข่งขันใน AEC

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดตัวอาคารกลุ่มนวัตกรรม 2 (INC 2) นิคมวิจัยที่ใหญ่ที่สุดและครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย รองรับการขยายตัวด้านวิจัยและพัฒนาของภาคธุรกิจเอกชน พร้อมตอบโจทย์ทุกการวิจัยทดลองด้วยโครงสร้างมาตรฐานโลก และบริการตอบสนองความต้องการของธุรกิจเทคโนโลยี รวมทั้งการดีไซน์รูปแบบอาคารและสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และการเชื่อมโยงเป็นสังคมเครือข่าย

ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช.เปิดเผยว่า อาคาร INC 2 เป็นโครงการระยะที่ 2 ของอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ซึ่งได้มีการลงทุนราว 3,000 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 124,000 ตารางเมตร เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคเอกชนที่ต้องการเข้ามาทำวิจัยและพัฒนาในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย โดยเป็นการขยายพื้นที่ต่อเนื่องจากโครงการในระยะที่ 1 ซึ่งมีบริษัทเอกชนกว่า 60 บริษัท และศูนย์วิจัยแห่งชาติของ สวทช.4 แห่ง เข้ามาใช้ประโยชน์จนเต็มพื้นที่ 140,000 ตารางเมตร

“อาคารกลุ่มนวัตกรรม 2 ได้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2551 แล้วเสร็จในปี 2556 เราเชื่อมั่นว่า การขยายโครงการในครั้งนี้ จะนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรม แลการเชื่อมโยงการทำงานให้ใกล้ชิดขึ้นระหว่างบริษัทเอกชนกับศูนย์วิจัยชั้นนำของภาครัฐ และสถาบันการศึกษา ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการสร้างขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาประเทศในระยะยาว” ดร.ทวีศักดิ์ กล่าว

ดร.ทวีศักดิ์ ยังได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับจุดเด่นของอาคาร INC2 ว่า อาคารแห่งนี้ถือเป็นอาคารเพื่อการวิจัยและพัฒนารูปแบบใหม่ที่ใหญ่ที่สุดและครบวงจรที่สุดในประเทศไทย ประกอบด้วยกลุ่มอาคาร 4 หลังเชื่อมต่อกัน โดยมีพื้นที่ใช้สอยทั้งสิ้นประมาณ 72,000 ตารางเมตร และออกแบบภายใต้แนวความคิด “Work-Life Integration” ที่ส่งเสริมให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ยืดหยุ่นและสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน เหมาะสมกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน

“อาคารทั้ง 4 ได้ออกแบบให้มีทางเดินเชื่อมถึงกันทุกชั้น ห้อมล้อมด้วยต้นไม้และพื้นที่ตกแต่งสวนเพื่อนำเอาธรรมชาติเข้ามาอยู่ร่วมกับการใช้ชีวิต และเป็นบรรยากาศที่ก่อเกิดให้เกิดชุมชนที่แลกเปลี่ยนแนวความคิดสร้างสรรค์และเชื่อมโยงให้เกิดการพัฒนาร่วมกัน” ดร.ทวีศักดิ์แจกแจง

ดร.เจนกฤษณ์ คณาธารณา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช.และ ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (อวท.) เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจเอกชนจะได้ประโยชน์จากการเช่าใช้พื้นที่ในอาคาร 3 ด้าน คือ 1.ประโยชน์จากการใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการวิจัยพัฒนาเฉพาะทาง เช่น การจัดต้ังห้องปฏิบัติการที่มีขนาดพื้นที่หลากหลาย รองรับการทดลองที่ซับซ้อนและใช้เทคโนโลยีขั้นสูง มีพื้นที่สำหรับอุปกรณ์หนัก ห้องปฏิบัติการแบบแห้งและแบบเปียก รวมไปถึง ห้องควบคุมความสั่นสะเทือน เป็นต้น

2.ประโยชน์จากการใช้บริการสนับสนุนการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีอยู่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย เช่น บริการวิเคราะห์ทดสอบ บริการฝึกอบรมทางเทคนิคและเทคโนโลยี บริการสืบค้นข้อมูล บริการผู้เชี่ยวชาญแก้ปัญหาอุตสาหกรรม บริการบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี บริการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยี เป็นต้น

3.ประโยชน์จากการเชื่อมโยง ต่อยอด ถ่ายทอด เทคโนโลยีและนวัตกรรม ระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ซึ่งจะทำให้งานวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมเกิดได้รวดเร็วขึ้น

“อาคารกลุ่มนวัตกรรม 2 จะเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ในการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสาขาต่างๆ ที่มีความเชื่อมโยงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ผ่านกลไกการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม อันจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของภาคธุรกิจเอกชน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ และพร้อมรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลังจะมาถึงนี้ด้วย” ดร.เจนกฤษณ์ กล่าว













กำลังโหลดความคิดเห็น