xs
xsm
sm
md
lg

Albrecht Altdorfer กับภาพ The Battle of Issus

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน

The Battle of Alexander at Issus
Albrecht Altdorfer เกิดเมื่อประมาณ ค.ศ.1480 (ตรงกับรัชสมัยพระบรมราชาในสมัยอยุธยา) ที่เมือง Regensburg ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งของแม่น้ำ Danube และอยู่ห่างจาก Munich ไปทางเหนือประมาณ 100 กิโลเมตรในแคว้น Bavaria ของเยอรมนี บิดามีอาชีพเป็นจิตรกร ดังนั้น จึงต้องการให้ Albrecht มีอาชีพเป็นจิตรกรด้วย ด้วยเหตุนี้จึงจัดส่ง Albrecht ไปศึกษาฝึกวิชาวาดรูปที่เมือง Amberg จน Albrecht มีอายุ 25 ปี จึงเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อประกอบอาชีพเป็นจิตรกรและสถาปนิก จึงทำให้มีฐานะดีพอสมควร

ในช่วงเวลานั้น ท่าน Duke Wilhelm ที่ 4 แห่ง Bavaria ทรงเป็นกษัตริย์ ท่ามกลางความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างจักรพรรดิแห่งราชสกุล Habsburgs ที่ Vienna กับกษัตริย์ฝรั่งเศสและคริสตศาสนานิกาย Protestant จนทำให้เกิดการปฏิรูปที่เรียกว่า Reformation อาณาจักรท่าน Duke ที่ไม่มีความเข้มแข็งจึงต้องเล่นการเมืองตลอดเวลา โดยการหันไปฝักใฝ่กับฝ่ายที่มีพลังและอำนาจเหนือกว่า การดำเนินนโยบายลักษณะนี้ ทำให้ Duke ไม่มีใครเป็นเพื่อนแท้
ผลงานที่สำคัญของ Duke คือ ทำให้ประชาชนในแคว้น Bavaria ของพระองค์ นับถือคริสต์ศาสนานิกายโรมันแคทอลิก และเป็นผู้มีบัญชาให้ Albrecht Altdorfer วาดภาพ “The Battle of Issus”

ทั้งนี้เพราะ Altdorfer เป็นจิตรกรผู้มีชื่อเสียงที่สุดและคนมีประสบการณ์วาดภาพมากที่สุดในสมัยนั้น จนทำให้มีจิตรกรเอก เช่น Dürer, Lucas Cranah the elder และ Grünewald เป็นศิลปินเจริญรอยตาม

ผลงานภาพวาดที่สำคัญของ Altdorfer เช่นภาพ “St. George in the Forest” ซึ่ง Altdorfer ได้วาดในแนว romantic โดยให้ St. George ประทับนั่งบนหลังม้าซึ่งยืนอยู่กลางป่าที่มีต้นไม้เต็มไปหมด จน St.George ดูตัวเล็กนิดเดียว
นอกจากนี้ก็มีผลงานชื่อ “Beautiful Mary” ซึ่ง Altdorfer ได้วาดประดับแท่นบูชาของโบสถ์ที่สร้างใหม่ในเมือง Regenberg

ในปี 1513 Altdorfer ได้ซื้อบ้านขนาดใหญ่ ซึ่งมีบริเวณกว้างขวางสำหรับใช้ทำไร่
St. George in the Forest
เมื่อถึงปี 1515 สไตล์การวาดภาพของ Altdorfer ก็เริ่มเปลี่ยนโดยหันไปใช้สีสันมากขึ้น และเป็นจิตรกรยุโรปคนแรกที่นิยมวาดภาพทิวทัศน์เป็นส่วนใหญ่ และวาดได้ดีกว่าจิตรกรคนใดในสมัยก่อนนั้น เพราะไม่มีใครสามารถทาบรัศมีได้ จนอีก 100 ปีต่อมา เมื่อถึงยุคของ Adam Elsheimer
ในปี 1517 Altdorfer ได้รับเลือกเป็นสมาชิกในคณะเทศมนตรีประจำเมือง Regenburg อีก 11 ปีต่อมา ก็ได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีประจำเมือง แต่ Altdorfer ตอบปฏิเสธการรับตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่า ต้องการทุ่มเทเวลาในการวาดภาพ “The Battle of Issus” เพื่อถวายท่าน Duke Wilhelm ที่ 4 ซึ่งจะต้องใช้เวลามาก และขณะนั้น Altdorfer ก็มีอายุเกือบ 50 ปีแล้ว

อีก 10 ปีต่อมา คือในปี 1538 Altdorfer ก็ถึงแก่กรรม และพินัยกรรมได้ระบุว่า พิธีศพของเขาไม่ต้องการให้มีการสวดใดๆ นั่นแสดงว่า Altdorfer มิได้นับถือคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกแล้ว

นอกจากภาพ “The Battle of Issus” แล้ว Altdorfer ยังได้วาดภาพอีกหลายภาพ เช่น “Hannibal ทำสงครามชนะทหารโรมันที่ Cannae” ภาพ “Caesar ยึดเมือง Alesia” และภาพ “Judith ตัดศีรษะ Holofernes” ถวายท่าน Duke เป็นต้น

ภาพ “The Battle of Issus” นี้ เป็นภาพของสงครามที่เกิดขึ้นเมื่อ 333 ปีก่อนคริสตกาลที่เมือง Issus (ปัจจุบันอยู่ในตุรกีตอนใต้) ในภาพเราจะเห็นการต่อสู้ระหว่างกองทัพกรีกกับกองทัพเปอร์เซีย โดย Altdorfer มีจุดมุ่งหมายจะแสดงพระปรีชาสามารถของจักรพรรดิ Alexander มหาราช ในการทำสงครามพิชิตกองกำลังของกษัตริย์ Darius ที่ 3 แห่งอาณาจักรเปอร์เซีย ซึ่งมีกำลังทัพมากกว่าประมาณ 10 เท่า

ในสมัยที่พระองค์ทรงพระชนม์ จักรพรรดิ Alexander มหาราชทรงเป็นจอมทัพที่มีอานุภาพเกรียงไกรที่สุดในประวัติศาสตร์โลก เพราะพระองค์ทรงพิชิตและครอบครองดินแดนกว้างใหญ่ค่อนโลก โดยมีพื้นที่ซึ่งประกอบด้วยตุรกี เลบานอน อิสราเอล จอร์แดน อียิปต์ ลิเบีย ไซปรัส อิรัก อิหร่าน อัฟกานิสถาน ปากีสถาน และอินเดีย ตั้งแต่เมื่อพระองค์ทรงมีพระชนม์มายุยังไม่ถึง 30 ชันษา พระองค์ทรงมีพระปรีชาญาณด้านการปกครองด้วย เพราะได้รับการฝึกสอนโดย Aristotle ผู้สอนพระองค์ว่าใครก็ตามที่ได้เป็นศัตรูของกรีกจะต้องถูกจับตัวมาเป็นทาส
ภาพเหมือน Albrecht Altdorfer โดย Philipp Kilian
สำหรับผลงานด้านบวกของ Alexander คือ ตลอดเส้นทางที่ Alexander ยาตราทัพผ่าน พระองค์จะทรงสร้างเมืองใหม่ๆ ขึ้น เช่น Alexandria และ Kandahar เพื่อนำอารยธรรมกรีก เผยแพร่สู่ Asia และนำอารยธรรมเอเชียสู่ยุโรป

เมื่อพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ในวันที่ 13 มิถุนายน เมื่อ 323 ปี ก่อนคริสตกาลที่เมือง Hilla (Babylon อิรักในปัจจุบัน) นั้น การต่อสู้แย่งชิงราชบัลลังก์ระหว่างนายทหารในกองทัพได้ทำให้อาณาจักรของ Alexander ล่มสลายในเวลาต่อมาอีกไม่นาน

Alexander ทรงประสูติเมื่อ 356 ปีก่อนคริสตกาลที่เมือง Pella (ในกรีซ) เป็นบุตรในกษัตริย์ Philip ที่ 2 แห่งอาณาจักร Macedonia และพระราชินี Olympias ขณะที่ยังทรงพระเยาว์ พระบิดาและพระมารดาได้ทรงหย่ากัน พระมารดาจึงต้องนำเจ้าชาย Alexander องค์น้อยเสด็จหนีออกจากวัง เมื่อมีอายุมากขึ้น เจ้าชาย Alexander ได้ทรงเข้าช่วยพระบิดาในการสงครามเพื่อรวบรวมประเทศกรีซให้เป็นหนึ่งเดียว โดยการต่อสู้ชนะกองทัพเปอร์เซีย ครั้นเมื่อกษัตริย์ Philip ทรงถูกลอบปลงพระชนม์ เจ้าชายหนุ่ม Alexander ก็เสด็จขึ้นครองราชย์แทน และทรงประหารชีวิตศัตรูทุกคนที่ต่อต้านพระองค์ รวมถึงคนที่ได้สังหารพระบิดาของพระองค์ด้วย

จากนั้นพระองค์ก็ทรงเริ่มดำเนินการทำลายอาณาจักรเปอร์เซียให้สิ้นซากตามพระราชประสงค์ของพระบิดา โดยการกรีธาทัพบุกยึดครองดินแดนทางตะวันออกของยุโรป ขณะทัพเดินทางผ่านกรุง Troy เจ้าชาย Alexander ได้เสด็จแวะเยี่ยมหลุมฝังศพของ Achilles เพราะทรงคิดว่า Achilles เป็นบรรพบุรุษของพระองค์ จากนั้นได้ยาตราทัพลงทางใต้ เข้ายึดเมืองต่างๆ ที่ตั้งอยู่ตามริมฝั่งของทะเล Aegean (ซึ่งขณะนี้อยู่ในตุรกี) แล้วข้ามไป Issus (ปัจจุบันอยู่ในซีเรีย) เพื่อทรงทำสงครามกับกองทัพของกษัตริย์ Darius ที่ 3

แต่สงคราม The Battle of Issus ครั้งนั้น Alexander ทรงไม่สามารถจับตัวกษัตริย์ Darius เป็นเชลยได้
ในการวาดภาพครั้งนั้น Altdorfer ได้อาศัยข้อมูลประวัติศาสตร์จากหนังสือของ Hartmann Schedel ที่ตีพิมพ์ในเมือง Nuremberg เมื่อปี 1493 ซึ่งเป็นเวลา 35 ปีก่อนที่ Altdorfer จะลงมือวาดภาพ “The Battle of Issus” จริงๆ

ในฐานะที่เป็นจิตรกร มิใช่นักประวัติศาสตร์ และมิใช่นักการทหาร Altdorfer จึงไม่ได้วาดภาพแสดงเหตุการณ์ครั้งนั้นที่เกิดจริง Altdorfer ไม่ได้เน้นจำนวนจริงของทหารในการสู้รบ และให้ทหารทั้งสองฝ่ายแต่งตัวตามจินตนาการของจิตรกรเอง เพราะไม่มีใครรู้แน่นอนว่าในสมัยเมื่อ 1,500 ปีก่อนนั้นทหารสวมชุดอะไร นอกจากนี้ Altdorfer ก็ยังให้ทหารม้าสวมเกราะ ให้ทหารเปอร์เซียมีผ้าโพกศีรษะ (เหมือนชาวอินเดีย) ให้ผู้หญิงสวมหมวกที่มีขนนกประดับแบบสตรีในราชสำนักเยอรมัน (ข้อมูลเหล่านี้มิสามารถใช้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้ เพราะในสมัยนั้นวิทยาการด้านประวัติศาสตร์ และโบราณคดีที่ผ่านการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดยังไม่เกิด)

ด้านบนของภาพมีแผ่นไม้แขวนห้อยลงมาจากท้องฟ้า บนแผ่นมีข้อความจารึกเป็นภาษาละตินว่า “ความปราชัยของกษัตริย์ Darius ต่อจักรพรรดิ Alexander มหาราช” และถ้าเราดูตามเส้นเชือกที่ห้อยทิ้งดิ่งลงมา ก็จะเห็นภาพของจักรพรรดิ Alexander ประทับบนหลังม้า พระหัตถ์ทรงถือหอกยาวไล่ล่ากษัตริย์ Darius ผู้กำลังหลบหนี โดยการประทับบนรถม้าที่มีม้าเทียม 3 ตัว
Altdorfer ยังได้วาดภาพพระมารดาและพระมเหสีในกษัตริย์ Darius ด้วยว่า ทรงกรรแสงร่ำไห้ขณะประทับในเต็นท์ เพราะทั้งสองทรงเห็นฉลองพระองค์ของ Darius และทรงคิดว่า Darius ถูกสังหารแล้ว (ในความเป็นจริง ขณะ Darius ทรงรถม้าหนีนั้น พระองค์ทรงรู้ดีว่า ทหารของ Alexander จะมุ่งตรงมาสังหารพระองค์ เพราะทรงมีฉลองพระองค์ที่เป็นสัญลักษณ์บอกทุกคนว่า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ ดังนั้นจึงทรงสลัดพระอาภรณ์ และเครื่องประดับทุกชนิดทิ้ง และเมื่อทหารเปอร์เซียยึดฉลองพระองค์ได้ จึงนำ “ข่าวร้าย” มาทูลพระมารดาและพระราชินี)

ในการสู้รบกันครั้งนั้นกองทัพของ Darius มีทหารเดินเท้าประมาณ 3 แสนคน ซึ่งมากกว่ากำลังของทหาร Alexander ประมาณ 10 เท่า และมีทหารม้า 200,000 คน ซึ่งมากกว่าของ Alexander ประมาณ 50 เท่า แต่เมื่อ Alexander ได้วางแผนให้ทหารจำนวนมากของ Darius ต้องเดินทะยอยผ่านช่องเขาแคบๆ พลังที่มากมหาศาลของกองทัพเปอร์เซียก็หมดความหมาย แผนการรบที่ชาญฉลาดนี้ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้ Napoleon ทรงชื่นชมในพระปรีชาสามารถของ Alexander มาก จนถึงกับทรงนำภาพที่ Altdorfer วาดกลับไปติดตั้งที่พระราชวังของพระองค์ที่ปารีสในปี 1800

ส่วนฉากหลังของภาพนี้ เราจะเห็นภาพของทะเล แม่น้ำ และเกาะ ซึ่งคือเกาะ Cyprus ส่วนที่อยู่เหนือเกาะขึ้นไปทางด้านซ้าย คือทะเลแดง กับดินดอนสามเหลี่ยมของแม่น้ำ Nile ซึ่งแยกออกเป็นแม่น้ำสายเล็กๆ 8 สาย และเมืองที่อยู่ติดทะเล คงมิใช่ Issus เพราะเมืองนี้มิได้มีความสำคัญมากในสมัยนั้น แต่ Altdorfer ก็ได้วาดภาพเมืองให้ใหญ่และสำคัญโดยมีปราสาท อาคาร และโบสถ์
สำหรับภาพท้องฟ้าที่มุมขวามีเมฆ แสงสว่าง และแสงสะท้อนในทะเล ทำให้ดูเหมือนจะเป็นเหตุการณ์สงครามในวันสิ้นโลก (Armageddon) ตามการคำนวณของ Schedel ผู้เชื่อว่า ค.ศ.1500 เป็นปีที่โลกแตก

อ่านเพิ่มเติมจาก Alexander the Great: The Hunt for a New Past ของ Paul Cartledge จัดพิมพ์โดย Pan Macmillan ในปี 2004

เกี่ยวกับผู้เขียน

สุทัศน์ ยกส้าน
ประวัติการทำงาน-ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์และดาราศาสตร์ และ ศาสตราจารย์ ระดับ 11 ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขากายภาพและคณิตศาสตร์
ประวัติการศึกษา-ปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยลอนดอน, ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย

อ่านบทความ สุทัศน์ ยกส้าน ได้ทุกวันศุกร์







กำลังโหลดความคิดเห็น