xs
xsm
sm
md
lg

ไทยมั่นใจลดบัญชีไซเตส “จระเข้” ไม่กระทบตัวที่อยู่ในป่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไทยเสนอปรับลดบัญชีไซเตสจระเข้ที่เพาะเลี้ยงได้เพื่อขยายตลาดหนังจระเข้ที่ไทยสามารถเลี้ยงได้จำนวนมาก
ไทยมั่นใจการปรับลดบัญชีไซเตส “จระเข้” ไม่กระทบตัวที่อยู่ในป่า เพราะไทยเพาะเลี้ยงได้และมีต้นทุนกว่าการเข้าไปจับในธรรมชาติ ที่เสี่ยงถูกจับด้วยกฎหมายไทยที่เข้มงวดกว่าไซเตส อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มโอกาสในส่งออกหนังจระเข้ไปยังตลาดใหม่ๆ แม้สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเจ้าตลาดในการส่งหนังจระเข้จะมีท่าทีคัดค้านและความพยายามครั้งนี้ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่ความสำเร็จ

ภายในการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งทีี่ 16 (CITES CoP16) ระหว่าง 3-14 มี.ค.56 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ไทยได้เสนอเปลี่ยนบัญชีจระเข้น้ำจืดและน้ำเค็มเฉพาะที่เพาะเลี้ยงได้ จากบัญชี 1 ที่ห้ามการซื้อขายเด็ดขาดมาอยู่บัญชี 2 เนื่องจากไทยมีองค์ความรู้ในการอนุรักษ์และเพาะเลี้ยงได้

ทั้งนี้ นายวิมล จันทรโรทัย อธิบดีกรมประมง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เรียนเชิญตัวแทนจากรัฐบาลประเทศต่างๆ เพื่อรับฟังข้อมูลและข้อเสียงสนับสนุนในเรื่องนี้ โดยเขาได้อธิบายว่า ไทยได้เพาะเลี้ยงจรเข้มาตั้งแต่ปี 2480 และปัจจุบันมีจระเข้อยู่ในฟาร์มเพาะเลี้ยง 23 แห่งที่ขึ้นบัญชีอยู่กว่า 700,000 ตัว เป็นจระเข้น้ำจืด 600,000 ตัว และจระเข้น้ำเค็ม 100,000 ตัว ความสามารถในการเพาะเลี้ยงจระเข้ของไทยนี้จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปจับจระเข้ในธรรมชาติ ซึ่งมีความเสี่ยงในการถูกดำเนินการทางกฎหมายและยังมีตุ้นทุนสูงกว่า

“ข้อกังวลอย่างเดียวคือกลัวว่าการลดบัญชีจะกระทบต่อจระเข้ป่า ซึ่งที่สำรวจในปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 200 ตัว และตอนนี้บ้านเมืองเจริญขึ้น พื้นที่อาศัยของจระเข้คงไม่มากกว่านี้ แต่พื้นที่ในอุทยานแห่งชาติก็สามารถรองรับได้ และมีกฎหมายควบคุมที่เข้มงวดกว่าไซเตสเสียอีก เพราะไม่มีใครสามารถเข้าไปจับจระเข้ในป่าได้ และการลดบัญชีนี้ก็จะเพื่อขยายฟาร์มจระเข้มากกว่าจะเข้าไปจับจระเข้ในป่ามาขาย คิดว่าข้อเสนอของเราไม่น่ามีปัญหา ซึ่งบางกรณีข้อเสนอบางประเทศขอลดบัญชีเพื่อเข้าไปจับในป่า แต่ของเราไม่ใช่อย่างนั้น และจะไม่มีจระเข้ป่าเข้ามาปะปนอย่างแน่นอน” อธิบดีกรมประมงกล่าว

นายวิมล กล่าวว่าการลดบัญชีไซเตสให้จระเข้ที่เพาะเลี้ยงได้ จะทำให้ระบบการค้าจระเข้สะดวกขึ้น แต่หากข้อเสนอครั้งนี้ไม่ผ่านก็คงต้องดำเนินต่อไปเหมือนเดิมที่มีขั้นตอนมาก และขยายตลาดใหม่ๆ ได้ลำบาก โดยสหรัฐฯ ที่ส่งออกหนังจระเข้ปีละนับล้านผืนยังขอทบทวนข้อเสนอของไทยนี้ ซึ่งหากข้อเสนอผ่านจะทำให้ไทยขยายการส่งออกหนังจระเข้าจากปีละแสนผืนขึ้นไปได้อีกจำนวนมาก

นอกจากนี้ การลดบัญชีไซเตสให้แก่จรเข้น้ำจืดและน้ำเค็ม จะทำให้เพาะเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์ได้มากขึ้น และเก็บรวบรวมเพื่อคืนสู่ป่า โดยมีการปล่อยคืนสูธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติปางสีดาจำนวน 20 ตัว โดยเกณฑ์ในการปล่อยนั้นจะพิจารณาจากหลักเกณฑ์ว่า พื้นที่นั้นเคยมีจระเข้หรือไม่ พื้นที่นั้นไม่เหลือจระเข้หรือมีจำนวนลดลง และไม่สามารถฟื้นจำนวนประชากรโดยไม่อาศัยความช่วยเหลือของคนได้

รศ.น.ส.ปานเทพ รัตนากร คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และนายกสมาคมเพื่อการอนุรักษ์จระเข้ไทยอธิบายว่า การปล่อยจระเข้ไม่ใช่เรื่องยาเหมือนสัตว์อื่น เนื่องจากเป็นสัตว์ชั้นต่ำและเป็นนักล่า ไม่ต้องการสิ่งแวดล้อมที่จำเพาะมาก แต่ต้องพิจารณาด้วยว่าสิ่งแวดล้อมนั้นรองรับจระเข้ได้มากแค่ไหน และจระเข้ที่นำไปปล่อยต้องมีสุขภาพแข็งแรง เพื่อไม่เป็นรังเพาะเชื้อโรคและส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของแหล่งธรรมชาติที่นำไปปล่อย

นอกจากนี้สัตวแพทย์ชื่อดังยังบอกด้วยว่าไทยมีเทคโนโลยีในการเพาะเลี้ยงจระเข้เป็นอนันดับต้นๆ ของโลก หากการเสนอปรับบัญชีจระเข้ที่เพาะเลี้ยงนี้จะเป็นโอกาสให้ไทยส่งออกเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงจรเข้ได้อีกทาง ซึ่งที่ผ่านมาไทยก็ได้ช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เวียดนาม กัมพูชา เป็นต้น

“หากไม่ผ่านในครั้งนี้ก็ยังได้แสดงเจตนารมณ์ เพราะไม่ใช่ทุกข้อเสนอจะผ่านได้ในการเสนอครั้งเดียว คงต้องใช้ความพยายามต่อไป” นายวิมล กล่าวและเผยว่ามีประเทศซูรินัมและโครเอเชีย ที่แสดงความจำนงสนับสนุนข้อเสนอของไทย ทั้งนี้ข้อเสนอจะผ่านได้ต้องได้รับความเห็นชอบจากตัวแทน 177 รัฐบาล ในจำนวน 1 ใน 3 แต่เบื้องต้นมีผู้แสดงความเห็นชอบประมาณ 20 ประเทศ
 การประชุมชี้แจงแก่ตัวแทนรัฐบาลต่างๆ ในการปรับลดบัญชีไซเตสของจระเข้ที่เพาะเลี้ยงได้
นายวิมล จันทรโรทัย อธิบดีกรมประมง (ขวา) ชี้แจงข้อเสนอในการปรับลดบัญชีไซเตสของจรเข้
 รศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร






กำลังโหลดความคิดเห็น