ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมรณรงค์ต่อต้านการค้าสัตว์ป่า และพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ที่ จ.ภูเก็ต เตรียมรับประชุมไซเตส (CITES) ครั้งที่ 16 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 3-14 มีนาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ไทยเสนอไม้พะยูงเป็นชนิดพันธุ์ไม้บัญชี 2 ป้องกันลักลอบค้าไม้พะยูง
วานนี้ (28 ก.พ.) ที่บริเวณอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ สนามบินนานาชาติจังหวัดภูเก็ต นายมโนพัฒน์ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากไซเตส (CITES) ประจำสนามบินนานาชาติภูเก็ต ในสังกัดกองคุ้มครองสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมรณรงค์แจกเอกสารพร้อมชูป้ายรณรงค์ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งคนไทย และชาวต่างชาติร่วมต่อต้านการค้าสัตว์ป่า และพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ เพื่อเตรียมรับการเป็นเจ้าภาพประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 (CITES CoP 16) ระหว่างวันที่ 3-14 มีนาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งการรณรงค์ในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชน และนักท่องเที่ยวที่บริเวณท่าอากาศยานเป็นอย่างมาก
นายมโนพัฒน์ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ ประเทศไทยมีข้อเสนอให้ที่ประชุมอนุสัญญาระหว่างประเทศพิจารณา คือ การเสนอไม้พะยูงเข้าเป็นชนิดพันธุ์ในบัญชี 2 ของอนุสัญญา ซึ่งจะช่วยป้องกันการลักลอบค้าไม้พะยูงระหว่างประเทศ และข้อเสนอการปรับบัญชีจระเข้น้ำจืด และจระเข้น้ำเค็ม จากบัญชี 1 เป็นบัญชี 2 ซึ่งจะช่วยลดข้อจำกัดในการส่งออกหนังจระเข้ และผลิตภัณฑ์ และข้อเสนอเพื่อส่งเสริม และสนับสนุนการปลูกไม้กฤษณาในรูปแบบสวนป่า รวมทั้งเสนอให้วันที่ 3 มี.ค. ของทุกปีเป็นวันอนุรักษ์สัตว์ป่าโลก
อย่างไรก็ตาม จากการที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพครั้งนี้ จะส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และภาคประชาชน ได้เข้าใจกระบวนการ และการดำเนินงานของอนุสัญญาในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าและพืชป่า ผ่านความร่วมมือระหว่างประเทศในการควบคุมการค้าสัตว์ป่าและพืชป่ามากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในการควบคุมการนำเข้าส่งออกสินค้าประเภทที่เป็นสัตว์ป่าและพืชป่า รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่า และพืชป่าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายมโนพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า การประชุมครั้งนี้ยังเป็นโอกาสดีที่ไทยจะได้ทำความเข้าใจกับนานาชาติจากการที่ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นแหล่งที่ค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายอีกด้วย รวมทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยผ่านการเป็นเจ้าภาพการประชุมอนุสัญญาระหว่างประเทศ มีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 3,000 คน ในช่วงระยะเวลา 2 อาทิตย์ ซึ่งจะก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการประชุม และการท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศ
วานนี้ (28 ก.พ.) ที่บริเวณอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ สนามบินนานาชาติจังหวัดภูเก็ต นายมโนพัฒน์ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากไซเตส (CITES) ประจำสนามบินนานาชาติภูเก็ต ในสังกัดกองคุ้มครองสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมรณรงค์แจกเอกสารพร้อมชูป้ายรณรงค์ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งคนไทย และชาวต่างชาติร่วมต่อต้านการค้าสัตว์ป่า และพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ เพื่อเตรียมรับการเป็นเจ้าภาพประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 (CITES CoP 16) ระหว่างวันที่ 3-14 มีนาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งการรณรงค์ในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชน และนักท่องเที่ยวที่บริเวณท่าอากาศยานเป็นอย่างมาก
นายมโนพัฒน์ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ ประเทศไทยมีข้อเสนอให้ที่ประชุมอนุสัญญาระหว่างประเทศพิจารณา คือ การเสนอไม้พะยูงเข้าเป็นชนิดพันธุ์ในบัญชี 2 ของอนุสัญญา ซึ่งจะช่วยป้องกันการลักลอบค้าไม้พะยูงระหว่างประเทศ และข้อเสนอการปรับบัญชีจระเข้น้ำจืด และจระเข้น้ำเค็ม จากบัญชี 1 เป็นบัญชี 2 ซึ่งจะช่วยลดข้อจำกัดในการส่งออกหนังจระเข้ และผลิตภัณฑ์ และข้อเสนอเพื่อส่งเสริม และสนับสนุนการปลูกไม้กฤษณาในรูปแบบสวนป่า รวมทั้งเสนอให้วันที่ 3 มี.ค. ของทุกปีเป็นวันอนุรักษ์สัตว์ป่าโลก
อย่างไรก็ตาม จากการที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพครั้งนี้ จะส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และภาคประชาชน ได้เข้าใจกระบวนการ และการดำเนินงานของอนุสัญญาในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าและพืชป่า ผ่านความร่วมมือระหว่างประเทศในการควบคุมการค้าสัตว์ป่าและพืชป่ามากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในการควบคุมการนำเข้าส่งออกสินค้าประเภทที่เป็นสัตว์ป่าและพืชป่า รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่า และพืชป่าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายมโนพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า การประชุมครั้งนี้ยังเป็นโอกาสดีที่ไทยจะได้ทำความเข้าใจกับนานาชาติจากการที่ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นแหล่งที่ค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายอีกด้วย รวมทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยผ่านการเป็นเจ้าภาพการประชุมอนุสัญญาระหว่างประเทศ มีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 3,000 คน ในช่วงระยะเวลา 2 อาทิตย์ ซึ่งจะก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการประชุม และการท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศ