นักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ เผยปี 2012 ติดหนึ่งในสิบปีที่โลกร้อนที่สุดนับแต่ปี 1880 โดยนาซาระบุปีที่ผ่านมาระอุเป็นอันดับ 9 ส่วนอีกหน่วยงานวิทยาศาสตร์อเมริกัน ชี้ ปีก่อนร้อนเป็นอันดับ 10 แต่ระบุตรงกันว่า อุณหภูมิโลกยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ชี้ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เป็นตัวการหลักที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นตลอด 50 ปีที่ผ่านมา
รายงานของบีบีซีนิวส์ ระบุว่า องค์การมหาสมุทรและบรรยากาศสหรัฐฯ (โนอา) ได้เผยผลวิเคราะห์ข้อมูลอุณหภูมิโลกจากเครือข่ายสถานีวัดสภาพอากาศทั่วโลก ซึ่งบ่งชี้ว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของปี 2012 นั้นสูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของศตวรรษที่ 20 อยู่ 0.57 องศาเซลเซียส โดยอยู่ในอันดับ 10 ของปีที่ร้อนที่สุด และตลอด 12 ปีของศตวรรษที่ 21 นี้ติดอันดับใน 14 ปีที่ร้อนที่สุดตลอด 133 ปีที่มีการบันทึกข้อมูลอุณหภูมิโลก
ส่วนองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ซึ่งใช้ข้อมูลชุดเดียวกันแต่วิเคราะห์ผลออกมาต่างกัน โดยระบุว่า ปีที่ผ่านมาร้อนที่สุดเป็นอันดับ 9 โดยอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลางศตวรรษที่ 20 อยู่ 0.6 องศาเซลเซียส
พร้อมกันนี้ ดร.เจมส์ ฮันเซน (Dr.James Hansen) จากสถาบันก็อดดาร์ดเพื่อการศึกษาอวกาศ (Goddard Institute for Space Studies) ของนาซา ยังกล่าวว่า แม้ในภาพรวมโลกจะร้อนขึ้นแต่ในบางฤดูกาลก็จะหนาวเย็นมากกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาวด้วย และบอกอีกว่า ในระดับบุคคลยังสังเกตได้ว่าอากาศที่ร้อนจัดผิดปกตินั้นเกิดบ่อยขึ้นด้วย ซึ่งเป็นสภาพรุนแรงที่กระทบต่อคนและสิ่งมีชีวิตบนโลกมากที่สุด
อย่างไรก็ดี บีบีซีนิวส์ ระบุว่า จากการศึกษาของทั้งสองกลุ่มนั้น พื้นที่ส่วนใหญ่ในโลกมีอุณหภูมิเมื่อปี 2012 สูงกว่าค่าเฉลี่ย และในเขตอาร์กติกของขั้วโลกเหนือก็ทำลายสถิติน้ำแข็งละลายมากกว่าทุกปี และอุณหภูมิโลกยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ หากพื้นที่นั้นไม่ได้รับอิทธิพลจากจากสภาพอากาศแบบลานีญาที่นำพาความหนาวเย็นไปให้ และยังให้น้ำหนักแก่ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ว่าเป็นตัวการหลักที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นตลอด 50 ปีที่ผ่านมา
