ยังคงสำรวจและส่งผลการค้นพบกลับมาเรื่อยๆ สำหรับ “คิวริออซิตี” ของนาซา และล่าสุด ได้พบร่องรอยที่เป็นหลักฐานของสายน้ำดึกดำบรรพ์บนดาวอังคาร ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดว่ามีอายุราว 2-3 พันล้านปี
ยานสำรวจดาวอังคาร “คิวริออซิตี” (Curiosity) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ได้ถ่ายภาพก้อนกรวดมน (conglomerate ) ซึ่งเป็นหินที่ประกอบไปด้วยกรวดและทรายส่งกลับมายังโลก ซึ่งบีบีซีนิวส์รายงานความเห็นของนักวิทยาศาสตร์ในโครงการ ว่า ลักษณะของก้อนกรวดที่เป็นเม็ดกลมมนนั้น ชี้ถึงการถูกน้ำพัดพาและกัดเซาะ
ภาพที่ส่งมานี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ เชื่อว่า ยานหุ่นยนต์ได้พบเครือข่ายของสายน้ำดึกดำบรรพ์เข้าแล้ว โดย บิล ดีทริค (Bill Dietrich) จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ในเบิร์กลีย์ (University of California, Berkeley) ผู้ร่วมสังเกตการณ์ด้านวิทยาศาสตร์ของยานคิวริออซิตี กล่าวสรุปแก่สื่อว่า หินเหล่านั้นกองอยู่มานานราว 2-3 พันล้านปีแล้ว แต่อาจจะมีกระแสน้ำอยู่บนพื้นผิวดาวอังคารนานกว่านั้น
ก่อนหน้านี้ ยานอวกาศที่โคจรรอบดาวอังคารได้จับภาพช่องแคบเป็นแนวยาว ที่น่าจะเกิดจากการกัดเซาะของบางอย่างซึ่งไหลเป็นทางได้ และอนุมานว่า น่าจะเป็นน้ำในรูปของเหลว ซึ่งการสำรวจของยานคิวริออซิตีบริเวณจุดลงจอดที่หลุมอุกกาบาตเกล (Gale Crater) ได้เผยภาพช่องแคบดังกล่าวจากมุมมองภาคพื้นดินเป็นครั้งแรก และทีมวิจัยได้ตั้งชื่อร่องรอยลำน้ำดังกล่าวว่า “ฮอตทาห์” (Hottah) ตามชื่อแม่น้ำในแคนาดา
บริเวณที่คิวริออซิตีสำรวจพบร่องรอยสายน้ำนั้นอยู่ระหว่างขอบหลุมอุกกาบาตทางตอนเหนือกับภูเขาขนาดใหญ่ที่ผุดขึ้นบริเวณพื้นราบใจกลางหลุมอุกกาบาต และตอนนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาภาพถ่ายของกรวดในก้อนหิน ซึ่งขนาดและรูปร่างของกรวดจะเป็นข้อมูลบอกได้ว่ากระแสน้ำดึกดำบรรพ์นั้นมีความเร็วและระยะทางเท่าไร