xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯ ปิดตัว “เทวาตรอน” เครื่องเร่งอนุภาคที่ใช้มาเกือบ 30 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สหรัฐฯ ปิดตัวเครื่องเร่งอนุภาคเทวาตรอนที่ใช้งานมาเดือบ 30 ปี (บีบีซีนิวส์
สหรัฐฯ ปิดตัวเครื่องเร่งอนุภาค “เทวาตรอน” ที่เป็นสัญลักษณ์ของฟิสิกส์อนุภาคพลังงานสูงมานานเกือบ 3 ทศวรรษ ซึ่งถูกล้มแชมป์ความใหญ่โดยเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีของ “เซิร์น” โดยนักฟิสิกส์ในอเมริกาจะเปลี่ยนไปให้ความสำคัญต่อโครงการที่เล็กกว่า แต่มุ่งหวังผลมากกว่า อย่างการผลิตลำโปรตอนที่มีความเข้มสูงสุดแทน

รอยเตอร์รายงานว่าห้องปฏิบัติการเครื่องเร่งอนุภาคเฟอร์มิ (Fermi National Accelerator Laboratory) หรือเฟอร์มิแล็บ (Fermilab) ได้หยุดการทำงานของเครื่องเร่งอนุภาคเทวาตรอน (Tevatron) เครื่องมือศึกษาฟิสิกส์อนุภาคพลังงานสูงของสหรัฐฯ ที่ใช้งานมานานเกือบ 30 ปี เมื่อวันที่ 30 ก.ย.11 ที่ผ่านมา โดยเครื่องดังกล่าวมีหน้าที่เร่งอนุภาคโปรตอนและแอนตีโปรตอนให้ชนกันภายในท่อยาวกว่า 6.4 กิโลเมตรที่ขดเป็นวงกลมอยู่ใต้ดิน

จากนี้นักฟิสิกส์ของห้องปฏิบัติการฟิสิกส์อนุภาคในสหรัฐฯ จะให้ไปให้ความสำคัญกับโครงการที่เล็กกว่าแต่หวังผลมากกว่า อย่างการผลิตลำโปรตอนที่มีความเข้มสูงที่สุด หลังจากที่พวกเขาได้ส่งไม้ต่อองค์ความรู้เรื่องฟิสิกส์พลังงานสูงให้แก่เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (Large Hadron Collider: LHC) ที่ใหญ่กว่าและดีขององค์กรความร่วมมือวิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรป (European Organization for Nuclear Research) หรือ เซิร์น (CERN)

“ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไปเมื่อมาถึงจุดเปลี่ยนของวิทยาการ เราจำเป็นต้องเปลี่ยนมุมมองทางฟิสิกส์เพื่อยืนในตำแหน่งที่สามารถสร้างจุดเด่นได้” ปิแอร์ ออดโดน (Pier Oddone) ผู้อำนวยการเฟอร์มิแล็บกล่าว และบอกด้วยว่า ยุโรปใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ มากถึง 3 ใน 4 แลตอนนี้สหรัฐฯ จำเป็นต้องฉลาดให้มากๆ และต้องทำความชัดเจนว่าจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างระมัดระวังอย่างไร

“ผมคิดว่าเรายังคงรักษาตำแหน่งผู้นำของโลกได้ เราจะย่ำอยู่กับที่ที่เราเคยอยู่เมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งเราเป็นผู้นำในทุกขอบเขตความรู้ด้านฟิสิกส์อนุภาค แต่เรากำลังจะเป็นผู้นำของขอบเขตความรู้ที่แคบลง” ออดโดนให้ความเห็นแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์รอยเตอร์

ทางด้านบีบีซีนิวส์ระบุว่าทางเฟอร์มิแล็บประกาศลดงาน 100 ตำแหน่ง ในจำนวนนั้นเป็นการลาออกโดยสมัครใจ 50 ตำแหน่ง โดยการตัดสินใจหยุดเดินเครื่องเร่งอนุภาคเทวาตรอนนั้นกลายเป็น “ยาขม” สำหรับนักฟิสิกส์ที่พยายามใช้เครื่องเร่งอนุภาคที่มีข้อจำกัดนี้ผลิตอนุภาคฮิกกส์ (Higgs) ที่ยากจะค้นหา นักวิจัยทั้งหลายยังย้ำด้วยว่าพวกเขาใกล้จะพบฮิกกส์แล้ว และหากพบก็จะเป็นการอธิบายถึงกำเนิดมวล และยังเป็นตัวต่อชิ้นสุดท้ายของแบบจำลองมาตรฐาน (Standard Model) ซึ่งเป็นทฤษฎีฟิสิกส์อนุภาคที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง

ทั้งนี้ มีความพยายามที่จะยืดอายุการใช้งานเครื่องเร่งอนุภาคเทวาตรอนออกไปอีก 3 ปี แต่ความพยายามดังกล่าวถูกปฏิเสธไปเมื่อเดือน ม.ค.2011 เพราะกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ไม่สามารถรับค่าใช้จ่ายปีละกว่าพันล้านบาทที่ใช้เพื่อเดินเครื่องเร่งอนุภาคต่อไปได้ แม้ว่าคณะกรรมการซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจะรับรองประสิทธิภาพในการยืดอายุการใช้งานเครื่องเร่งอนุภาคต่อไป แต่คำแนะนำดังกล่าวก็ไม่ได้การสนองตอบ

ศ.สเตฟาน โซลด์เนอร์-เรมโบลด์ (Prof.Stefan Soldner-Rembold) โฆษกประจำสถานีทดลองดีซีโร (DZero experiment) ของเครื่องเร่งอนุภาคเทวาตรอน กล่าวว่าข้อมูลจากการเดินเครื่องเร่งอนุภาคจนกระทั่งปิดตัวลงนั้นจะได้รับการวิเคราะห์ต่อไป โดยคาดว่าจะได้รับผลวิเคราะห์สุดท้ายในปีหน้า ซึ่งอาจสร้างความประหลาดใจได้ แต่คงต้องอาศัยเวลาพิเศษมาช่วยหานัยสำคัญทางสถิติของการค้นพบใดๆ ที่อาจจะเป็นเรื่องพิเศษ

จุดกำเนิดของเครื่องเร่งอนุภาคเทวาตรอนเริ่มขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 เมื่อมีแนวคิดในการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนจากอนุภาคโปรตอน แต่เดิมทีรู้จักกันในชื่อ “เอเนอจีดับเลอร์” (Energy Doubler) ซึ่งเดินเครื่องเมื่อปี 1983 และเร่งอนุภาคชนกันหลังจากนั้น 2 ปี และในปี 1995 นักฟิสิกส์ประจำเครื่องเร่งอนุภาคเทวาตรอนก็ประกาศการค้นพบ “ท็อปควาร์ก” (top quark) หนึ่งในอนุภาคชนิดใหม่ที่ช่วยให้แบบจำลองมาตรฐานสมบูรณ์ขึ้น และเป็นการค้นพบที่สำคัญที่สุดในหลายๆ การค้นพบของเครื่องเร่งอนุภาคจากสหรัฐฯ นี้
(บน) แผนที่แสดงแสดงเครื่องเร่งอนุภาคเทวาตรอน (ล่างซ้าย) ส่วนหนึ่งของอุโมงค์เครื่องเร่งอนุภาคเทวาตรอน (ล่างขวา) แผนที่แสดงตำแหน่งเครื่องเร่งอนุภาคเทวาตรอน (บีบีซีนิวส์)
ห้องควบคุมเครื่องเร่งอนุภาคเทวาตรอน (บีบีซีนิวส์)
กำลังโหลดความคิดเห็น