สวทช.พร้อมหน่วยงานพันธมิตรเดินหน้าจัด “NSTDA Investors’ Day” หลังปีแรกมี 2 งานวิจัยเด่น “ระบบหมุนน้ำเพื่อเลี้ยงสัตว์น้ำ” และ “เม็ดมวลเบา” ได้ต่อยอดทางธุรกิจ ส่วนปีนี้ขนอีก 5 งานวิจัยเด่นมาให้นักธุรกิจเลือกลงทุน ถุงเพาะชำชีวภาพ, เซนเซอร์วัดคุณภาพน้ำและแสดงแผนที่บน “กูเกิลเอิร์ธ”, เอ็นไซม์จากปลวกเพื่อฟอกเยื่อกระดาษ, ระบบแสตนบายไม่ใช้พลังงาน และแผ่นกรองอากาศมากคุณสมบัติทั้งดูดกลิ่น ฆ่าแบคทีเรียและกำจัดไอสารเคมีในหนึ่งเดียว
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) แถลงการณ์จัดงาน “NSTDA Investors’ Day” ประจำปี 2554 เมื่อวันที่ 7 ก.ย.54 ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 22 ก.ย.54 ณ ห้องคอนเวนชันฮอลล์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิร์ล ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้ชมผลงานเด่นของหน่วยงานต่างๆ ภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ตลอดจนการเจรจาธุรกิจเพื่อลงทุนใน 5 ผลงานเด่น ซึ่ง สวทช.คัดมานำเสนอภายในงาน
ดร.ทวีศักดิ์ กอออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่าในปี 2553 ซึ่งจัดงานนี้ขึ้นครั้งแรกได้รับความสนใจจากนักธุรกิจในงานลงทุนผลงานวิจัย โดยจากการนำเสนอ 5 ผลงานเด่นภายในงานครั้งนั้น ได้มีการเจรจาทางธุรกิจและมี 2 ผลงานเด่นที่ได้ให้อนุญาตในการใช้เทคโนโลยี คือ ผลงานระบบหมุนเวียนน้ำเพื่อการเลี้ยงสัตว์น้ำ และผลงานเม็ดมวลเบาสังเคราะห์เพื่อใช้ผสมทำอิฐมวลเบา
“เรามีพันธกิจในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ การวิจัย พัฒนาและต่อยอดธุรกิจเหล่านั้นไปสู่ไปภาคเอกชน สวทช.ดำเนินการสนับสนุนให้ภาคเอกชนได้ใช้ประโยชน์จากการวิจัยทางด้านเทคโนโลยีที่ สวทช.พัฒนาขึ้นเอง หรือที่สวทช. สนับสนุนให้หน่วยงานพันธมิตร ไปต่อยอดทางธุรกิจ เพื่อให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มใหม่ๆ ทางธุรกิจ นอกจากนี้เรายังมีการส่งเสริมธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีให้มีขีดความสามารถแข่งขันสูงขึ้น ทั้งนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านการผลิตและการบริการที่ยั่งยืนของไทย รวมทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน สวทช.จึงได้จัดนี้ขึ้น” ดร.ทวีศักดิ์กล่าวระหว่างแถลงข่าว
ภายในงานดังกล่าวจะมีนิทรรศการผลงานวิจัยและเทคโนโลยี รวมทั้งผลงานการวิจัยน่าสนใจของหน่วยงานต่างๆ ภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และหน่วยงานพันธมิตร การเสวนาเกี่ยวกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีและการสนับสนุนธุรกิจเทคโนโลยีแก่ภาคเอกชนผ่านกลไกภาครัฐในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการเจรจาธุรกิจสำหรับนักลงทุนที่มีความสนใจจะซื้อและลงทุนในผลงานวิจัย พร้อมทั้งบรรยายพิเศษจาก ดร.ทวีศักดิ์ เรื่อง “10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองสำหรับธุรกิจ”
ส่วนเทคโนโลยีที่เป็นผลงานเด่นในปีนี้มี 5 ผลงาน ได้แก่ 1.“BioPro: ถุงเพาะชำย่อยสลายได้ทางชีวภาพ” ที่ใช้ได้กับทั้งพืชล้มลุกและไม้ยืนต้น 2.“i-Sensor: เซ็นเซอร์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับระบบวัดน้ำและแสดงแผนที่อัตโนมัติ”สามารถวัดค่าความเป็นกรด-ด่างในของเหลว พร้อมทั้งใช้งานกับระบบต้นแบบสำหรับวัดคุณภาพน้ำแบบอัตโนมัติที่รองรับระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ ได้หลายชนิด โดยระบบจะแสดงค่าที่วัดได้จากเซ็นเซอร์และแสดงแผนที่บนกูเกิล เอิร์ธ (Google Earth) 3.“ ENZbleach: เอนไซม์ทนด่างจากปลวกสำหรับฟอกเยื่อกระดาษ” เอนไซม์ทนด่างจากแบคทีเรียในลำไส้ปลวก ซึ่งพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ในกระบวนการฟอกเยื่อกระดาษ
4. “Zero-Watt Standby: ระบบสแตนด์บายแบบไม่ใช้พลังงาน” เป็นระบบสแตนด์บายแบบไม่ใช้พลังงานสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อช่วยหยุดการสูญเสียพลังงานของอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งเปรียบเสมือนการถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยใช้ได้กับอุปกรณ์ต่างๆ ทั่วโลก และ 5.“แผ่นกรองอากาศแบบมัลติฟังก์ชั่น:iGuard nano” เป็นแผ่นกรองอากาศที่ผ่านการเคลือบด้วยสูตรน้ำยาเคลือบกรองอากาศที่รวมคุณสมบัติพิเศษไว้ เพื่อช่วยในการดูดซับกลิ่น ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัส อีกทั้งยังกำจัดก๊าซและไอระเหยสารเคมีได้ในแผ่นเดียว
สำหรับงานนี้ สวทช. ได้จัดขึ้นด้วยความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตร อาทิ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) เป็นต้น พันธมิตรทางการเงิน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ และสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน พร้อมด้วยหน่วยงานต่างๆ อาทิ บมจ.โพสต์ พับลิชชิ่ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเครือเจริญโภคภัณฑ์