“ปลอดประสพ” เข้ากระทรวงวิทย์วันแรกหลังรับตำแหน่ง เผยแนวคิดให้นักวิจัยทำงานเพื่อคนจนมากขึ้น เพราะตนมาจากพรรคที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนฐานราก เสนอแนวคิดทำเสื้อกันยุงหลังเห็นมีมุ้งกันยุงแล้ว พร้อมระบุจะดูแลงานกระทรวงทุกเรื่องแต่ไม่เจาะจงเรื่องใดเป็นพิเศษ ส่วนงบวิจัยจะเพิ่มแน่แต่ไม่ตั้งเป้าว่าเท่าไร
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เดินทางเข้าทำงานที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นวันแรกในวันที่ 15 ส.ค.54 และได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวบริเวณหน้าอาคารอาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ พร้อมเข้าร่วมประชุมกับผู้บริหารและข้าราชการระดับสูงของกระทรวงวิทยาศาสตร์ รวมถึง นายชลทิศ สุรัสวดี หลานชายในฐานะรองอธิบดีกรมป่าไม้ และนายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมแสดงความยินดี
“คนที่คิดว่ากระทรวงวิทยาศาสตร์เป็นกระทรวงเกรดซีวัดจากอะไร ในเมื่อกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ถือเป็นกระทรวงแม่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน เพียงแต่ปัจจุบันกระทรวงมีงบประมาณน้อย คนน้อย เพราะส่วนใหญ่งานของกระทรวงเป็นงานด้านวิจัย ไม่ใช่งานก่อสร้าง นักการเมืองจึงไม่สนใจมาเป็นรัฐมนตรี แต่ในเมื่อตนมาเป็นรัฐมนตรีแล้วยืนยันว่ากระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จะทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้อย่างแน่นอน”
นายปลอดประสพได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนและทีมข่าววิทยาศาสตร์ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ก่อนเข้าประชุม
สิ่งที่นายปลอดประสพกล่าวว่าจะดำเนินงานต่อจากนี้คือ จะทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่อยู่บนฐานสติปัญญาของความรู้ และทำให้วิทยาศาสตร์ไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ เรียกว่าเศรษฐกิจบนฐานนวัตกรรม โดยจะโน้มน้าวนักวิทยาศาสตร์มาช่วยกันคิดทำ เพราะหากเก็บงานวิจัยไว้เฉยๆ คงไม่เกิดประโยชน์อะไร และจะทำให้วิทยาศาสตร์เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายและนำไปใช้ในบ้านให้ได้
“นอกจากนี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ผมจะของบประมาณจากนายกรัฐมนตรี ถ้านายกฯ ยอมรับว่าวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งสำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ที่สำคัญอยากให้นักวิทยาศาสตร์กลับไปมองคนจน เพราะพรรคตนมาจากประชาชนฐานราก เช่น จะทำอย่างไรถึงจะผลิตเสื้อใส่แล้วยุงไม่กัด ที่ผ่านมามีมุ้งยุงไม่กัดแล้ว และสินค้าที่ทำให้ประชาชนต้องมีราคาถูกด้วย” นายปลอดประสพกล่าว
ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามถึงงบประมาณด้านการวิจัยของประเทศซึ่งนายปลอดประสพกล่าวว่าจะเพิ่มขึ้นแน่นอนแต่ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มเท่าไร โดยงบประมาณที่ขอเพิ่มนั้นจะทำทั้งในส่วนงานวิจัย การประยุกต์ใช้ ทั้งนี้เห็นว่ากระทรวงวิทยาศาสตร์มีจุดอ่อนในด้านการสื่อสาร ซึ่งตนจะดูแลทุกเรื่องในกระทรวงวิทยาศาสตร์แต่ไม่เน้นเรื่องใดเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังให้ความเฆ้นในการเพิ่มจีดีพีของประเทศว่า ต้องกลับมาคิดใหม่โดยยืนอยู่บนเทคโนโลยีของไทยเอง ซึ่งพัฒนาขึ้นได้จาก 3 มิติ ทั้งลอก ต่อยอดและคิดใหม่
ส่วนปัญหาน้ำท่วมซึ่งเป็นความเดือดร้อนล่าสุดของประชาชนในขณะนี้ นายปลอดประสพกล่าวว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 16 ส.ค.54 นี้จะขอ ครม.ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหา เพราะในกระทรวงมี 2 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านน้ำ คือ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) และ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) ซึ่งจะเข้าไปช่วยในเรื่องการพยากรณ์และวางแผนบริหารจัดการน้ำ
พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีที่นายปลอดประสพเคยปฏิเสธการใช้พลังงานนิวเคลียร์ และเมื่อมารับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ แล้วยังคงปฏิเสธหรือไม่ ซึ่งนายปลอดประสพกล่าวว่า ได้สอบถามเลขาธิการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) และผู้อำนวยการ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานตอบว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดย ปส.ทำงานรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน ส่วน สทน.เน้นใช้นิวเคลียร์เพื่ออุตสาหกรรมและการแพทย์
“โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นงานของกระทรวงพลังงาน แต่ในช่วงหาเสียงได้ประกาศไม่เอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และตอนนี้ก็ยืนยันไม่เอา ที่สำคัญประเทศเจริญแล้วที่มีนิวเคลียร์หลายประเทศก็กลับไปทบทวนเกี่ยวกับการใช้พลังงานนิวเคลียร์ให้ปลอดภัย และมีอีกหลายประเทศหันไปหาพลังงานทางเลือกอื่นๆ” นายปลอดประสพกล่าว