“ประพันธ์” เตรียมจัดเต็มฉายภาพสไลด์วงจรอุบาทว์นักการเมืองสุมหัวปล้น ปท.แย้ม ก.เกษตรฯ และ ก.ทรัพย์ ดันที่ป่าสงวน-ที่ ส.ป.ก.เอื้อนักธุรกิจตั้งโรงไฟฟ้าพลังลม ด้าน ก.พลังงาน คิดหัวคิวแลกสิทธิเมกะวัตต์ละ 1 ล้านบาท พร้อมซัด “มาร์ค” แหลปากบอกไม่โกง แต่นั่งหัวโต๊ะ กพช.ย้ำ พลังต่อกร รบ.ตัวจริง คือ ภาค ปชช.ไม่ใช่ฝ่ายค้านในสภาที่เป็นมวยล้มต้มคนดู
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายประพันธ์ คูณมี"
วันที่ 29 พ.ค.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวว่า ขณะนี้ในทุกวงเสวนาของพลังเงียบที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใครสำหรับการเลือกตังครั้งนี้ ต่างหยิบยกเรื่องโหวตโน มาพูดคุยกันมากที่สุด ว่าจะเป็นผลดี ผลเสียต่อบ้านเมืองอย่างไร ในนี่คนที่ไม่เห็นด้วยกับการโหวตโนก็จะอ้างว่า การโหวตโนจะทำให้ฝ่ายค้านมี ส.ส.น้อยไม่เพียงพอต่อการถ่วงดุลรัฐบาล นั้น ตนอยากให้ข้อเท็จจริง ว่า ฝ่ายค้านที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่ฝ่ายค้านในสภา แค่เป็นพลังของพี่น้องประชาชน หากจำได้ช่วงนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี มุ่งแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็มีภาคประชาชนอย่างเรานี่แหละที่เป็นพลังคัดค้านจนให้ทำการไม่สำเร็จ ไม่ใช่ฝ่ายค้านในสภาที่เป็นมวยล้มต้มคนดู
“การกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ถือว่าเราไปใช้สิทธิทำตามกฎหมายแล้ว ไม่ทำให้เราเสียสิทธิ์ทางการเมือง ไม่ตัดสิทธิ์ประชาชนที่จะเข้าชื่อถอดถอนนักการเมือง เสนอกฎหมาย หรือลงประชามติในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง”
นายประพันธ์ กล่าวว่า ที่หายไปเมื่อวานได้ไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ คือ สร้างเวอร์พอยต์ จำลองภาพ ความเลวของการเมืองในประเทศ ว่าคดโกงอย่างไร ปู้ยี้ปู้ยำ เอาผลประโยชน์ของชาติไปด้วยวิธีไหนบ้าง แล้วพี่น้องจะเห็นว่าทำไมนักการเมืองถึงอยากเข้ามาเล่นการเมืองนักหนา
วันนี้จะมาขอเกริ่นนำ วงจรอุบาทว์ของเครือข่ายผลประโยชน์ ด้านพลังงาน คือ การไฟฟ้า ซึ่งเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจมาก คนที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาล เกี่ยวข้องกับนักการเมืองทุกพรรค ที่เอื้อประโยชน์ให้นักธุรกิจเข้ามาผลิตไฟฟ้ามาขายให้การไฟฟ้า ที่สำคัญ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) คนที่เป็นประธานคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วท่านจะรู้ว่าที่บอกไม่โกงไม่กิน ความจริงแล้วก็แหลดีๆนี่เอง เพราะเวลาจะเสนอแผนบริหารเข้าที่ประชุมเพื่อขอนุมัติความเห็นชอบ ท่านประธานจะต้องนั้งอยู่หัวโต๊ะด้วยเสมอ เรื่องนี้ตนมีข้อมูลรายงานการประชุมแต่ละครั้งครบถ้วน ทุกเรื่องทุกขั้นตอนนายอภิสิทธิ์รู้เรื่องตลอด
“เดิมทีคนที่คุมกระทรวงพลังงาน คือ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แต่ด้วยเหตุโดนเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง จึงได้ดันเอาภรรยาตัวเองขึ้นไปเป็นรัฐมนตรีเงา พอปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เอาพี่เขยตัวเองอย่าง นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล เป็นแทน โดยขณะนี้ก็ยังคุมกระทรวงพลังงานอยู่ ซึ่งใครจะผลิตไฟฟ้ามาขายให้การไฟฟ้าได้ จะต้องผ่านความเห็นชอบจากนักการเมืองกลุ่มนี้เสียก่อน สำหรับค่าหัวคิวอนุญาตผ่านสัญญามาขายได้ คิดเมกะวัตต์ละ 1 ล้านบาท”
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า โครงการหากินของนักการเมือง ขุมประโยชน์นับหมื่นนับแสนล้าน ตอนนี้มุ่งเป้าไปที่ ไฟฟ้าจากพลังงานลม ทั้งนี้ การจะตั้งโรงงานผลิตได้นั้น อย่างแรกต้องศึกษาทิศทางลมว่ามีที่ไหนบ้างที่มีกระแสลมแรงเพียงพอทำการผลิตได้ ซึ่งในประเทศไทยมีอยู่สองที่ คือ เขาค้อ กับด่านขุนทด แต่เผอิญว่า เขาค้อเป็นที่ป่าสงวน ส่วนด้านขุนทด เป็นที่ดิน ส.ป.ก.อย่างไรก็ดี สำหรับในส่วนของพื้นที่ด้านขุนทด เมื่อเป็นที่ดินมีปัญหา หนทางเดียวที่จะเดินหน้าตั้งโรงงานได้ คือ ต้องเจรจา กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ควบคุมโดยพรรคชาติไทยพัฒนา และคนที่กำกับดูแลพรรคชาติไทยพัฒนาอยู่ ก็คือ นายบรรหาร ศิลปอาชา ดังนั้นจะตั้งโรงงานได้ต้องวิ่งเต้นผ่านนายบรรหาร
ส่วนพื้นที่เขาค้อ เป็นที่ป่าสงวนปกติหวงห้ามใครเข้าไปทำอะไรเด็ดขาด ก็ต้องผ่านฉลุยเพราะมี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็นรัฐมนตรีอยู่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย สรุปแล้วโครงการนี้มีฝ่ายการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง 3 กระทรวง โดยนายอภิสิทธิ์นั่งเป็นประธาน ซึ่งเท่ากับ 4 พรรคแบ่งกันรับประทาน
“หากเห็นข้อมูลใน 1 ปี ไทยใช้ไฟฟ้าจากพลังงานต่างๆ เท่าไร เราจะเห็นตัวเลขว่าเป็นเงินกี่แสนล้าน และโครงการกินกันยาวถึง 25-30 ปี เดิมทีการไฟฟ้าจะถูกแปรรูปเป็นรัฐวิสาหกิจเหมือน ปตท.ที่กำไรตกถึงรัฐแค่ครึ่งเดียว อีกครั้งตกอยู่กับเอกชนที่เข้าไปถือหุ้น แต่ทำไม่ได้เพราะถูกภาคประชาชนคัดค้าน ตนถึงได้บอกไงว่า ฝ่ายค้านที่มีพลังมากที่สุดคือพี่น้องพันธมิตรฯ ไม่ใช่ฝ่ายค้านในสภา หากพลังโหวตโนยิ่งมากเท่าไร พลังภาคประชาชนก็ยิ่งเข้มแข็งขึ้น”
นายประพันธ์ กล่าวว่า การเมืองทุกวันนี้ เป็นการเมืองที่เข้ามากินบ้านเกินเมือง ไม่ใช่สร้างบ้านสร้างเมือง แต่ละพรรคมีกลุ่มเคลือข้ายผลประโยชน์ตัวเอง จองกระทรวงแต่ละกระทรวงไว้ ตนเชื่อว่าหากพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินของนายสุวัจน์ ได้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล นายสุวัจน์ ก็จองกระทรวงพลังงานเหมือนเดิม
ทั้งนี้ เมื่อการไฟฟ้าไม่ถูกแปรรูป เพราะการคัดค้านของภาคประชาชนหลังไปฟ้องศาลปกครอง จนกระทั่งศาลสั่งยุติการแปรรูป นั้น อย่างไรก็ดี เมื่อไม่สามารถแปรรูปได้ เขาหันไปตั้งบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) โดยมีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตถือหุ้นอยู่ 45 % ที่เหลือให้เอกชนร่วมถือหุ้น โดยใช้กลไกความเป็นบริษัททำสัญญารับซื้อไฟฟ้า และรวบรวมโรงงานทั้งหลายที่ทำธุรกิจผลิตไฟฟ้าเพื่อให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตรับซื้อ นอกจากนี้บริษัทนี้ยังเป็นหัวโจกในการถ่ายเงิน ไปให้บริษัทเอกชน เพราะเมื่อบริษัทเอกชนที่ร่วมถือหุ้นรวย ข้าราชการที่อยู่ในการไฟฟ้าฝ่ายผลิตก็รวยด้วย
นายประพันธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หากประเทศไทยมีนายกที่ไม่ใช่ประเภท อัปรีย์ไปจัญไรมา ก็ควรมองว่าอะไรคือปัญหาประเทศชาติและจะแก้ไขอย่างไร เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของประชาชนที่จะได้ผู้นำที่ดีเข้ามาบริหารชาติบ้านเมือง ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเราที่จะต้องยอมจำนนให้นักการเมืองเหยียบหัวไปใช้อำนาจเพื่อแสวงหาผลประโยชน์แก่ตัวเอง
คำต่อคำ
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน และกราบสวัสดีพี่น้องทางบ้านและที่รับชมอยู่ในต่างประเทศทุกท่าน เมื่อวานลากิจ 1 วัน ถือว่าได้พักผ่อน 1 วัน แต่อ่านจดหมายที่พี่น้องส่งมา เยอะมากแต่ละวันส่งมาเป็นปึกๆ ทุกวัน ต้องกราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่สนใจและติดตามการชุมนุมของพวกเรา ขอบพระคุณมากครับ ผมพยายามคัดจดหมายที่เขียนมาและเนื้อหาดี พูดในประเด็นที่น่าสนใจมากมาย บางท่านเขียนบทกวี บทกลอนมา มาจากหลากหลาย มาจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ หลายกหลายสาขาอาชีพ แต่วันนี้ยังไม่ได้เอาจดหมายที่พี่น้องเขียนมา ที่ผมคัดเอาไว้ วันนี้มีจดหมายของน้องคนหนึ่งเขียนมาสั้นๆ อยากอ่านให้พี่น้องฟัง เพราะอย่างน้อยที่สุดจะได้รับรู้ว่า คนที่สนใจติดตามการชุมนุมและติดตามชมการปราศรัย หรือรายการของ ASTV มีอยู่มากทั่วประเทศ และทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะฉบับนี้เป็นของคุณหนูอายุประมาณ 20 ปี น่าสนใจเพราะเป็นเยาวชนคนหนุ่มสาวที่เริ่มสนใจการเมืองและมีสิทธิ์เลือกตั้ง
เรียนคุณลุงประพันธ์ ไม่ขัดข้องนะครับยินดีเป็นคุณลุงอยู่แล้ว และพี่น้องพันธมิตรฯ ที่รักทุกท่าน เธอเขียนมาเมื่อวันที่ 17 พ.ค.2554 ตอนนี้หนูอายุ 20 ปีค่ะ มีโอกาสได้ฟังการปราศรัยของคุณลุงและแกนนำท่านอื่นๆ ในช่วงปิดเทอมนี้ และชื่นชอบคำปราศรัยของคุณลุงประพันธ์มาก รอฟังทุกคืน และจากการฟังคำปราศรัยของคุณลุงทุกคืนนี่แหละ ที่ทำให้คนไม่มีสีตอนแรกอย่างหนู กลายเป็นพันธมิตรฯ สีเหลืองเต็มตัว นี่ไม่ใช่เพราะหนูเป็นคนหูเบา เชื่อคนง่าย ฟังความข้างเดียวหรอกนะคะ หนูฟังทั้งสื่อฟรีทีวี และ ASTV แล้วนำมาชั่งน้ำหนักดูตลอด ซึ่งพิจารณาดูแล้วในสื่อฟรีทีวี ไม่มีสิ่งซ่อนเร้นของการเมืองไทยในปัจจุบันให้ดู ดังนั้นตอนนี้หนูจึงเลิกฟังสื่อฟรีทีวีเรียบร้อยแล้วค่ะ ท้ายนี้ไม่ว่าจดหมายนี้จะได้รับเกียรติจากคุณลุงนำไปอ่านออกอากาศหรือไม่ แต่หนูขอให้จดหมายนี้เป็นสิ่งเล็กที่ช่วยเติมกำลังใจให้คุณลุงประพันธ์ แกนนำทุกท่าน รวมถึงพันธมิตรฯ ทุกคนสู้ต่อไป คุณลุงอย่าท้อนะคะ ว่างๆ หนูจะแวะเวียนไปทักทายใน Facebook สวัสดีค่ะ รักและเคารพพันธมิตรฯ ทุกคน พันธมิตรฯ เฟรสชี่
เขาทำรูปหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ลายมืออ่านง่าย สั้นๆ น่ารัก ยินดีต้อนรับเมล็ดพันธุ์พันธมิตรฯ รุ่นใหม่ ผู้สืบทอดและสืบเจตนารมณ์ของพันธมิตรฯ ของเรา เป็นความสุข เป็นความภูมิใจที่ได้เป็นพันธมิตรฯ ยินดีต้อนรับ อย่างน้อยที่สุด เวทีนี้คงให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน จดหมายฉบับอื่นๆ ก็มีนะครับ อีกสักฉบับสั้นๆ เพราะว่าท่านเขียนมา อาจจะมีตัดพ้อต่อว่านิดๆ เพราะว่ามาไม่ได้ เป็นพันธมิตรฯ หน้าจอ แต่ท่านเขียนบทกวีมา ใช้ได้นะครับ เพิ่งส่งมา แต่ปึ๊งใหญ่ไม่ได้เอามา แต่พรุ่งนี้จะเอามาคัดเลือกให้พี่น้องดูว่า พี่น้องที่เขียนมาทั่วประเทศ มีความคิดดีๆ น่าสนใจมาก
พันธมิตรฯ หน้าจอ ปรับทุกข์ ฉันอยากเฝ้าหน้าเวทีใจจะขาด ความจำเป็นที่มิอาจก้าวล่วงได้ หลานยังเล็กลูกทำงานหากินไป ช่วยไม่ได้ความจำเป็นเห็นประจำ ฉันเสียใจพิธีกรที่ค่อนว่า ไม่รักชาติหรือไรหนาจึงทำเฉย ไม่ยอมออกมาช่วยทำเฉยเมย เป็นจำเลยต้องชอกช้ำระกำใจ โอ้เมืองไทยที่รักดั่งดวงจิต ไม่เคยคิดทอดทิ้งเธอไปได้ น่าสงสารบรรพบุรุษสู้สุดใจ เพื่อรักษาแผ่นดินไทยให้ยืนยง เพียงปัจจัยเล็กน้อยคอยส่งให้ ด้วยดวงใจใส่มาด้วยพร้อมกับของ นั่งหน้าจอครุ่นคิดเฝ้าตรึงตรอง มีแต่ของแทนใจที่ใส่มา เป่านกหวีดเมื่อใดมาจนได้ ถึงลำบากอย่างไรก็ไม่สน เป็นลูกไทยหลานไทยใจอดทน ไม่อับจนเมื่อถึงคราวที่จำเป็น แต่ลูกไทยที่ใจร้ายเห็นแก่ได้ ขอตัวอยู่สุขสบายทิ้งหน้าที่ รัฐบาลเฮงซวยรวยยิ่งดี ขอให้มีทรัพย์สินกินมูมมาม ไม่คิดถึงหัวใจไทยทั้งชาติ ใจจะขาดเศร้าหมองไม่ผ่องศรี ช่วยเมืองไทยไม่ได้ทุกข์ทวี เพราะไม่มีพาวเวอร์ต้องเซ่อร์ไป ได้แต่นั่งหน้าจอจอนจ่ออยู่ โดยไม่รู้จะทำอย่างไรได้ รัฐไม่สนหนึ่งสองไม่ใส่ใจ ป.อาญามีเอาไว้ทำไมกัน ก็เห็นแต่พวกคุณผู้วิเศษ ช่วยประเทศไม่ยอมให้เรือหาย พระคุณจะไม่ลืมจนวันตาย ด้วยหนึ่งพายนั้นคือชื่อประพันธ์ มาลงท้ายที่ประพันธ์ได้อย่างไรแต่งเก่งจริงๆ แฟนพันธมิตรฯ หน้าจอรำพัน ปล.ปัจฉิมลิขิต อีกสิ่งหนึ่งเหนืออื่นใดเอาใจช่วย ถ้าไม่ม้วยเสียก่อนวันที่ 3 กรุณาหากฟ้าเปิดได้ฤกษ์ยาม ใจฉันตามตัวไปใส่โหวตโน
เรียกว่าอ่านจดหมายพี่น้องที่ส่งมาแต่ละฉบับทำให้มีกำลังใจและได้รู้ว่า ความคิดของพี่น้องประชาชนที่ติดตามรายการบนเวที ทำให้คนเหล่านั้นมีวิจารณญาณในการคิด วิเคราะห์ มีมุมมองในการเข้าใจปัญหาของบ้านเมืองเป็นอย่างดี ผมคิดว่า ถ้าประเทศไทยมีพลเมือง และมีประชาชนที่มีความรู้ ความฉลาด มีความเท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้ปกครอง ผู้บริหารประเทศ แบบพี่น้องพันธมิตรฯ หรือพี่น้องประชาชนที่เข้ามาติดตามชมใหม่ๆ และมีความเข้าใจ ตื่นตัวอย่างนี้ ผมคิดว่า ประชาชนแบบนี้แหละที่ประเทศไทยต้องการมาก เพราะเป็นพลเมืองที่เป็นพลังของแผ่นดิน เป็นพลเมืองที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาชาติบ้านเมืองอย่างยิ่ง เป็นที่น่าเสียใจว่า ผู้นำประเทศของเราทุกยุคทุกสมัย น้อยที่จะภูมิใจและส่งเสริมให้ประชาชนมีความฉลาด รอบรู้เยี่ยงที่พวกเรากำลังทำอยู่นี้ ถ้ารัฐบาลเป็นหัวหอก ถ้านายอภิสิทธิ์เป็นคนทำเสียเอง วันนี้ไม่ได้มาโอดครวญขอคะแนนจากพวกเรา แทนที่จะใช้สื่อของรัฐให้ความรู้ ติดอาวุธทางปัญญาให้ประชาชน ให้ประชาชนหูตาสว่าง รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมือง รู้เท่าทันพฤติกรรมชั่วร้ายของคนเผาบ้านเผาเมือง บ้านเมืองคงไม่ตกอยู่ในสภาพอย่างนี้แน่นอน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยคิดจะทำเลย
พี่น้องครับ เดินไปที่ไหนวันนี้ต้องยอมรับ ผมฟังวิทยากรพูดบนเวที เวทีเสวนาวิชาการ ประชาชนทุกวงการ ทุกสภากาแฟ เวลานี้ถกเถียงกันด้วยเรื่อง การเลือกตั้ง ก็เป็นส่วนหนึ่งแต่ค่อนข้างจะน้อย เพราะว่าเขารู้กำพืดนักการเมืองที่มาเสนอตัวให้ประชาชนเลือก ว่แต่ละพรรคเป็นใคร หัวนอนปลายตีนมาอย่างไร เคยมีผลงานทำให้กับบ้านเมืองหายนะเสียหายอย่างไร มีความสามารถบริหารบ้านเมืองอย่างไร ประชาชนไม่สนใจ ไม่อยากฟังนโยบายการหาเสียงเลือกตั้ง เพราะทุกพรรคพูดเรื่องแจกของ ทรัพย์สิน เงิน และล่อด้วยผลประโยชน์กับประชาชนมากกว่าเสนอนโยบายสร้างบ้านสร้างเมือง หรือนำพาชาติบ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า แม้พูดก็เป็นแต่เพียงเครื่องประกอบ แต่เวทีที่พูดกันมากที่สุดเวลานี้คือ วิพากษ์วิจารณ์กันว่า จะโหวตโนดีหรือไม่ดี จะกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนดีหรือไม่ ตรงนี้ ในวงสนทนาถกเถียงทางความคิดกันค่อนข้างเยอะในเรื่องนี้ แทบทุกวงการ ทุกสภากาแฟ และพิเคราะห์ถกเถียงกันว่า โหวตโนจะเป็นอย่างไร จะดีไม่ดี จะมีปัญหาอย่างนั้นอย่างนี้ไหม ฝ่ายพรรคการเมือง สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือ โหวตโน เพราะนักการเมืองต้องการโน้มน้าวให้ประชาชนลงคะแนนเลือกตัวเอง แต่พอเจอประชาชนที่ฉลาด ที่เขาบอกไม่เลือก เขาจะกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน บรรดาผู้สนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆ จะพยายามโน้มน้าว โต้แย้งทางความคิด เสนอแนวคิดเพื่อโน้มน้าวให้คนที่ตั้งใจจะโหวตโนหันไปทางเขา กลายเป็นวงสนทนาที่มีการถกเถียงด้วยเรื่องว่า จะโหวตโนดีหรือไม่ดี แล้วขยายวงไปทุกวงการ คนที่เขามีพื้นฐานว่าเบื่อนักการเมือง เบื่อพรรคการเมือง แต่ยังไม่ตัดสินใจจะเลือกใคร 50%ที่ว่า แต่พอเขาฟังพรรคนู้นพรรคนี้พูดแล้ว เขาจะหันมาฟังพรรคโหวตโนของพวกเราว่า ที่พันธมิตรฯ รณรงค์โหวตโน ทุกครั้งผมพยายามบอกว่า โหวตโน คือ ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน จะเป็นผลดีผลเสียต่อบ้านเมืองอย่างไร นี่คือทอล์กออฟเดอะทาวน์ คุยกันทั้งบ้านทั้งเมือง
การที่พี่น้องหันมาพูดคุยกันในประเด็นเหล่านี้จะทำให้เกิดความรู้ เกิดปัญญา ทุกครั้งที่ท่านฟังเราพูด ท่านจะกลับไปฟังอีกฝ่ายหนึ่งที่แย้ง แล้วจะเอามาถามเรา ผมตัดสินใจจะโหวตโนแล้วนะ แต่ฟังทางนู้นบอก ถ้าโหวตโนก็จะไม่มีฝ่ายค้าน เดี๋ยวพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เสียง เดี๋ยวฝ่ายค้านจะมีจำนวนไม่มาก ทำนู้นทำนี่ไม่ได้ ผมอธิบายให้ท่านฟังว่า ฝ่ายค้านที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่ฝ่ายค้านในสภา ฝ่ายค้านที่ยิ่งใหญ่และมีพลังที่สุดคือ พลังของพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นท่านไม่ต้องกลัวว่าไม่มีฝ่ายค้าน ผมยกตัวอย่าง ตอนสมัคร สมชายมาจะแก้กฎหมาย รัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดให้ทักษิณ จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม ใครเป็นผู้ค้านจนไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่ใช่ฝ่ายค้านในสภา คือ พี่น้องพันธมิตรฯ เป็นคนค้าน แล้วมีพลังยิ่งกว่า เพราะฝ่ายค้านอย่างพวกเราไม่ใช่ฝ่ายค้านแบบ มวยล้มต้มคนดู ฝ่ายค้านแบบนั้นในสภามันมวยล้มต้มคนดู เดี๋ยวก็จูบปากซูเอี๋ย ได้ผลประโยชน์แลกเปลี่ยนกัน ไปด้วยกัน ไม่เอาจริงเอาจังเหมือนพวกเราที่ค้าน เพราะพวกเราค้านแบบถึงที่สุด และไม่มีวันซูเอี๋ยกับรัฐบาล และการกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน 1.ไม่ใช่บัตรเสีย 2.ไม่เสียสิทธิ์ทางการเมือง เพราะผู้ลงในช่องประสงค์ไม่ลงคะแนน คือผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง เพียงแต่กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน เพราะฉะนั้นเมื่อเรากาโหวตโน บางคนถาม ถ้าเรากาโหวตโน เท่ากับเราไม่ลงคะแนน บัตรเสีย เสียสิทธิ์ไหม ถ้าคราวหน้าเราไปเลือกตั้งเราจะเสียสิทธิ์หรือเปล่า หรือเราจะไปลงชื่อถอดถอนใคร เราจะเสียสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญหรือเปล่า ไม่เสียสิทธิ์ การกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน เป็นบัตรดี ถือว่าท่านใช้สิทธิ์ทางการเมืองตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายเลือกตั้ง ในรัฐธรรมนูญจะเขียนไว้ว่า ถ้าเราไม่ไปใช้สิทธิ์ อย่างภราดร ศรีชาพันธุ์ ตอนแรกแต่งเนื้อแต่งตัวเตรียมลงพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ของนายสุวัจน์ ปรากฏว่า กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติ ภราดรมัวแต่แข่งเทนนิสอยู่ต่างประเทศลืมไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้แทน พอไม่ได้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งก็ไม่มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์ในประเด็นนี้ แต่ถ้าเราไปใช้สิทธิ์กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ถือว่าเราไปใช้สิทธิ์ ตัดสิทธิ์เราไม่ได้ เมื่อมีคนถามเราจะอธิบายให้ฟัง แล้วได้ความรู้เพิ่ม ถามว่า ถ้าเราไม่ไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้ง หรือเราใช้สิทธิ์แต่กาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน เราไม่เลือกใครแล้วจะมีสิทธิ์เข้าชื่อถอดถอนนักการเมือง เข้าชื่อเสนอกฎหมายได้หรือไม่ ผมบอกว่า ได้ เพราะการไปใช้สิทธิ์กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน เป็นการไปใช้สิทธิ์ ไม่ตัดสิทธิ์ของประชาชนในการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนนักการเมืองโกง ทุจริต ไม่ตัดสิทธิ์ประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย หรือแก้รัฐธรรมนูญ หรือลงประชามติเรื่องใดเรื่องหนึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 2550 สิทธิ์ของท่านตามรัฐธรรมนูญครบถ้วน ถ้าท่านลงคะแนนในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ใคร ไม่ทำให้ท่านเสียสิทธิ์ใดๆ ตามรัฐธรรมนูญ เรามีโอกาสอธิบายให้คนที่เขาเริ่มสนใจ คือพลังเงียบ 50% ที่ยังไม่เลือกใคร เราอย่าอารมณ์เสีย อย่าหงุดหงิดกับคำถาม อย่าหงุดหงิดกับการที่เขาจะมาทดลองภูมิปัญญาของเรา หรือแย้งความคิดเห็นของเรา เพราะยิ่งพูด ยิ่งคุย ยิ่งถกเถียง ยิ่งแลกเปลี่ยนกัน ยิ่งทำให้ภูมิปัญญาและภูมิรู้ของเรานั้นแน่นยิ่งขึ้น
เมื่อสักครู่มีพี่น้องจากสงขลาโทรมาถามว่า เขาลงทุนทำป้ายโฆษณาแบบที่เราทำแบบหลังเวที ขึ้นป้ายโฆษณาในที่ของเขา รณรงค์อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา ปรากฏว่า พอเขาจะทำป้ายขึ้น อบต., อบจ. จะห้ามว่า มีคำสั่งไม่ให้ขึ้น ถาม อย่างนี้จะทำอย่างไร ผมบอกว่า คุณขึ้นเลยในที่ของคุณ ขึ้นได้เลย แล้วถ้า อบต., อบจ. มีคำสั่งห้าม คุณรีบไปยื่นศาลปกครองที่ จ.สงขลา ฟ้องนายก อบต., อบจ.นั้นเลยว่า เป็นการใช้คำสั่งโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ถ้าคุณจะสั่งห้ามไม่ให้เราขึ้นป้าย คุณต้องสั่งห้ามนักการเมืองทุกพรรคห้ามติดป้ายหาเสียงด้วย ถ้าท่านฟังคำตอบผม ศาลสงขลา แผนกศาลปกครอง เขาตั้งแล้ว ท่านไปยื่นคำร้อง แล้วขอคุ้มครองชั่วคราว ถ้าแน่จริงมารื้อซิ เข้ามาในที่ของฉันซิ แจ้งข้อหาบุกรุกอีกข้อหา เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัว เราสู้กันด้วยข้อกฎหมาย ฝากเตือนถึงเทศบาล อบต., อบจ.ว่าท่านจะใช้คำสั่งแบบชุ่ยๆ รวมทั้ง กทม.ด้วย จะใช้คำสั่งกลั่นแกล้งประชาชนที่รณรงค์ไม่ได้ เราใช้สิทธิ์ของเรา เรารณรงค์ตามสิทธิ์ของเรา การแสดงออกทางการเมืองของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ มิได้เป็นการใส่ร้ายป้ายสีใคร พรรคใดเป็นการเฉพาะเจาะจง ไม่ได้เป็นการกล่าวเท็จ อันเป็นการทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย แต่เป็นการแสดงออกทางการเมืองของพวกเรา ว่าเราประสงค์จะรวมพลังความคิดของประชาชนว่า เราเห็นว่า พรรคการเมือง นักการเมืองที่มาให้ประชาชนเลือก ไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำประเทศ เราจึงมีสิทธิ์รณรงค์ไม่เลือกใคร เป็นสิทธิ์ของประชาชน เพราะฉะนั้นสิทธิ์ของประชาชนต้องได้รับการเคารพตามกฎหมาย นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับโหวตโน บางมุมที่อยากจะนำมาพูดคุยกับพี่น้องประชาชน
พี่น้องครับ ที่ผมหายไป ผมไปทำการบ้าน ผมเตรียมจะคุยเรื่องใหญ่กับพี่น้องประชาชน ผมเอาเวลาไปคุยกับทีมงานที่เขาเตรียมข้อมูล ชุดใหญ่ชุดหนึ่งให้ผม ซึ่งผมเตรียมาพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในวัน เวลาที่เหมาะสม อยู่ 2 เรื่อง เรื่องที่ 1.ผมต้องการเอาโมเดล หรือภาพจำลอง ของการเมืองที่เลวในประเทศไทย มาฉายภาพให้ท่านเห็นอย่างชัดเจนว่า การเมืองที่เลวนั้น มันปู้ยี่ปู้ยำ ปล้นสะดมเอาผลประโยชน์ของชาติไปแบบไหน และหากกินโดยเอาผลประโยชน์ของชาติ เอาทรัพยากรของประเทศไปเอื้อประโยชน์กลุ่มนักการเมือง กลุ่มธุรกิจในเครือของตัวเอง และกลุ่มข้าราชการที่ทุจริตคดโกงอย่างไร ผมจะเตรียมเรื่องนี้ไปขึ้นพาวเวอร์พ้อยท์ให้เรียบร้อย แล้วจะมาอธิบายให้พี่น้องฟัง แล้วจะเห็นว่า ทำไมนักการเมือง พรรคการเมืองจึงอยากจะเข้ามามีอำนาจในทางการเมืองนักหนา แล้วจึงอยากจะเข้ามาร่วมรัฐบาล และเป็นรัฐมนตรี เพราะผลประโยชน์ที่รออยู่ เป็นหมื่นๆ แสนๆ ล้านที่นักการเมืองรักชาติจนน้ำลายไหล ตัวอย่างเรื่องนี้ นอกจากจะมาพูดให้พี่น้องฟังแล้ว ผมจะทำเรื่องยื่นกับคณะกรรมการ ป.ป.ช.ด้วย มันเป็นวงจรอุบาทว์ในเครือข่ายผลประโยชน์โครงการพลังงาน มูลค่านับหมื่นนับแสนล้าน
เรื่องพลังงานเราสนใจแต่เรื่องน้ำมัน เรื่องน้ำมันเรารู้แล้วว่า ปตท. น้ำมันและแก๊ส เป็นแหล่งผลประโยชน์มหาศาลของนักการเมือง ที่นักการเมืองคนหนึ่งเข้าไปคุมกระทรวงพลังงาน ร่ำรวยชนิด ถ้าเอาทรัพย์สมบัติมาเปิดเผยก็ติดอันดับ 1 ใน 100 ของโลก มีโรงแรม 5 ดาว 6 ดาว มีเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวบินไปทั่วโลก นักการเมืองคนนี้อยู่โคราช แล้วรวยมหาศาลจริงๆ ธุรกิจพลังงานนอกจากกินน้ำมันแล้ว อีกตัวหนึ่งที่เขาหาผลประโยชน์ คือ ไฟฟ้า พี่น้องยังไม่รู้เรื่องไฟฟ้า เรื่องไฟฟ้าเกี่ยวข้องกับใคร เรื่องนี้จะเป็นภาพมหาภารตะที่ทำให้เราเห็นภาพการเมืองที่ดีมากว่า การเมือง การเลือกตั้ง ทำไมพรรคการเมืองถึงอยากสุมหัวปรองดองกันเหลือเกิน เพราะการปรองดองคือ การฮั้วกัน หรือจูบปากกัน หรือการรวมอำนาจกัน ของพวกนักโกงบ้านกินเมือง ไม่ใช่เรื่องจะทำให้ประเทศสมานฉันท์ สามัคคี สร้างชาติ
ตัวอย่างธุรกิจพลังงานทดแทนที่ผลิตไฟฟ้ามาขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจว่า คนที่ทำเรื่องนี้ผลประโยชน์มหาศาล ผมเอาหนังตัวอย่างมาให้ท่านดู จะเห็นได้ว่าเกี่ยวข้องกันทุกพรรค เรื่องพลังงาน จะเกี่ยวข้อง ผมฉายภาพตัวอย่างให้ดูก่อนว่า เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. กพช.ใครเป็นประธาน คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธาน กพช. พอท่านฟังเรื่องนี้แล้วท่านจะรู้ว่า อ๋อ ที่บอกว่าไม่โกงไม่กิน สะอาด แล้วท่านจะรู้ว่า ความจริงแล้วก็แหลดีๆ นี่เองครับ เขาเป็นประธาน กพช. เพราะฉะนั้นเวลาที่กระทรวงพลังงาน คือ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติจะเสนอแผนนโยบายพลังงานเรื่องใดเข้าสู่ที่ประชุม เพื่ออนุมัติให้ความเห็นชอบ ท่านประธานจะต้องนั่งหัวโต๊ะ ผมมีรายงานการประชุมครบถ้วนว่า ท่านประธานประชุมกี่ครั้ง มีวาระเรื่องอะไรบ้าง และการประชุมนั้น ท่านประธานมีมติอย่างไร ผมมีข้อมูลเรียบร้อย แต่พี่น้องใจเย็นๆ ท่านได้ดูของดีแน่ ประธานคณะกรรมการพลังงาน รายงานการประชุม คนที่เป็นประธานคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนที่เป็นรองประธาน คือ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ในขณะนั้นที่ยังไม่ลาออก โดยมีสำนักนโยบายและแผนพลังงาน นายวีระพล จิระประดิษฐ์กุล กรรมการ เป็นเลขานุการ พอเราเอาเรื่องนี้มาพูด ท่านจะได้รู้ว่า วันหลังผมเอาเรื่องนี้มาพูด ท่านจะได้รู้ว่า เวลาเขาประชุมนโยบายพลังงาน อ๋อทุกเรื่อง ทุกขั้นตอนนายกฯ รับรู้มาโดยตลอด เพราะนั่งเป็นประธานหัวโต๊ะ
ทีนี้คนที่คุมกระทรวงพลังงาน เดิมทีนายสุวัจน์ ปัจจุบันพอนายสุวัจน์ติดโทษ ถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง นายสุวัจน์สร้างรัฐมนตรีเงา ตอนแรกเอาภรรยาตัวเองมาเป็นรัฐมนตรี หลังจากปรับ ครม.เอาพี่เขยตัวเอง คือ นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล มาเป็นรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้คุมกระทรวงพลังงาน ต่อไปนี้ใครจะหากินกับการไฟฟ้า โรงงานทั้งหลายที่จะผลิตไฟฟ้ามาขายให้การไฟฟ้า เขามีวิธีกินหัวคิวอย่างไร ทุกคนต้องผ่านการติดต่อนักการเมืองกลุ่มนี้ คุณจะได้สัญญาขายไฟฟ้าได้ เขาคิดเมกะวัตต์ละ 1 ล้านบาท
ประการที่ 2. บริษัทเอกชนที่จะทำพลังงานไฟฟ้าทดแทน เวลานี้รายใหญ่ที่สุดที่หากินกันคือ ทำจากพลังงานลม พี่น้องจะเห็น เวลาเราไปต่างประเทศ ใครเคยเห็นพัดลมตัวใหญ่ๆ สูง 50-100 เมตร คือพลังงานลมที่เขากำลังหากินกัน เป็นเหยื่ออันโอชะของนักการเมือง และเป็นขุมประโยชน์นับหมื่นนับแสนล้านโครงการนี้ ผมเพิ่งได้ข้อมูลที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ว่าโยงกันอย่างไร เวลาจะทำพลังงานลม ต้องหาที่ตั้งที่มีลมแรง ต้องหาที่ตั้ง ขณะนี้แผนที่ประเทศไทย เขาเรียกว่า แผนที่ลม ผมอยู่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ รู้ คนที่มีความรู้เรื่องนี้ พี่น้องรู้ไหมว่า แผนที่ลม นี่ลมพัดแต่ละปีเขาจะเก็บข้อมูลย้อนหลัง 20-50 ปี ว่าบริเวณไหนของประเทศไทย หรือของโลก มีลมแรงพอสร้างพลังงานไฟฟ้าได้ ประเทศไทยขณะนี้มีอยู่ 2 แห่งที่ลมแรง คือ เขาค้อ กับด่านขุนทด ลำตะคอง แต่เผอิญว่า 2 แห่ง ที่เขาค้อเป็นที่ป่าสงวน เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ส่วนที่ด่านขุนทด ที่ ต.ลิบง เป็นที่ดิน ส.ป.ก. ปัญหาคือ นักธุรกิจสมองใสจะทำอย่างไรเอาที่ป่าสงวนมาตั้งโรงงานผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานลมได้ จะเอาที่ ส.ป.ก. ซึ่งเขาจัดสรรให้เกษตรกรเป็นพื้นที่ทำมาหากินทางการเกษตร เอาที่ ส.ป.ก.มาตั้งโรงงานผลิตพลังงานลมได้ พอหัวใสอย่างนี้ก็ต้องเกี่ยวข้องกับ 2 กระทรวง คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ควบคุมโดยพรรคชาติไทย สำนักงานเลขาฯ สำนักงานปฏิรูปที่ดิน อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงเกษตร คนที่กำกับดูและกระทรวงเกษตรคือ พรรคชาติไทย แล้วเปลี่ยนชื่อมาเป็น พรรคชาติไทยพัฒนา ก็คือ นายบรรหาร ศิลปอาชา คือหัวหน้าพรรคตัวจริง เพราะฉะนั้นบริษัทที่จะไปตั้งโรงงานได้ และสามารถอนุญาตให้เอาที่ดิน ส.ป.ก.มาเป็นที่ตั้งโรงงานไฟฟ้า ผิดจากวัตถุประสงค์ของการจัดที่ดินเพื่อการเกษตรได้ ต้องไปวิ่งเต้นที่กระทรวงเกษตรฯ ผ่านนายบรรหาร ศิลปอาชา ถึงจะสามารถได้รับอนุมัติโครงการได้ นี่กระทรวงที่ 2 แล้ว กระทรวงพลังงาน สุวัจน์ กระทรวงกษตร บรรหาร กระทรวงที่ 3 ที่เกี่ยวข้องและเอากับเขาด้วยคือกระทรวงอะไรครับ โครงการที่เขาค้อเป็นพื้นที่ป่าสงวน โซนเอ 1 ป่าชั้นดี หวงห้ามห้ามทำอะไรเลย ต้องเกี่ยวกับกระทรวงทรัพยากรสิ่งแวดล้อม คนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนั้นคือ นายสุวิทย์ คุณกิตติ
สรุปแล้วเฉพาะฝ่ายการเมือง ท่านประธานคือ นายกรัฐมนตรี กระทรวงพลังงานคือ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ กระทรวงเกษตรคือ บรรหาร ศิลปอาชา กระทรวงทรัพยากรสิ่งแวดล้อม คือ สุวิทย์ คุณกิตติ เฉพาะฝ่ายการเมืองเกี่ยวข้อง 3 กระทรวง กำกับโดยนายกรัฐมนตรี รวมแล้ว 4 พรรคแบ่งประโยชน์กัน เพราะฉะนั้นความเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจึงกลายเป็นพรรคร่วมรับประทาน ด้วยเหตุฉะนี้ พอลงรายละเอียดแล้วพี่น้องจะเห็นว่า เอ๊ะ บริษัทนี้มีความกล้าหาญขนาดไหน วิ่งเต้นล็อบบี้เก่งขนาดไหน จึงสามารถทำให้กระทรวง ทบวง กรมเหล่านี้ สามารถทำให้ฝ่ายการเมืองอนุมัติ อนุญาตในสิ่งที่ขัดกฎหมาย เพื่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชนผู้ผลิตไฟฟ้า มาขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้ นี่มันเรื่องของการเมืองเลวแท้ๆ เลยพี่น้อง
ส่วนกลุ่มผลประโยชน์อีกกลุ่มใหญ่คือ คณะกรรมการบอร์ดการไฟฟ้าฝ่ายผลิต บอร์ดการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และปลัดกระทรวงพลังงาน นี่คือตัวจักรสำคัญ ฝ่ายข้าราชการประจำ ถ้าบอร์ดและคณะกรรมการประจำไม่เห็นชอบ บริษัทเอกชนไม่สามารถดำเนินโครงการได้ ผลิตไฟฟ้าแล้วไม่สามารถเอามาขาย มาทำสัญญากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต เพื่อกู้เงินจากธนาคาร หรือระดมทุนจากทั่วโลก หรือเอาหุ้นของตัวเองในบริษัทเอกชนไประดมทุนขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ เสกกระดาษให้เป็นเงินด้วยประการฉะนี้อีกต่อหนึ่ง
นี่คือภาพกว้างของละคร วันหลังเอาภาพขึ้น ทำพาวเวอร์พ้อยท์ฉายให้พี่น้องเห็น พี่น้องจะเห็นความเชื่อมโยงของพรรคการเมือง นักการเมืองว่า ที่เขามาร่วมเป็นรัฐบาล มาร่วมจูบปาก จับมือเป็นรัฐบาล คือ มาร่วมกันปล้นบ้านกินเมืองดีๆ นี่เอง เมื่อเราเห็นตัวเลข เห็นข้อมูลว่า ปีหนึ่งประเทศไทยใช้ไฟฟ้าเท่าไหร่ ใช้จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่ผลิตจากพลังน้ำ แก๊ส น้ำมันเตา ผลิตได้เท่าไหร่ และผลิตจากพลังงานทดแทนสำรองเท่าไหร่ เราจะเห็นตัวเลข ตัวเงิน มูลค่าว่ากี่แสนล้าน และโครงการนี้จะทำไป 25-30 ปี เพื่อให้มีพลังงานมาทดแทน โดยการที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเขาทำอย่างไร เดิมทีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตจะถูกปฏิรูปแบบเดียวกับ ปตท. ถูกแปรรูปรัฐวิสาหกิจแบบเดียวกับ ปตท. แต่ทำไม่ได้ เพราะถูกภาคประชาชนคัดค้าน ผมถึงบอกว่า ฝ่ายค้านที่มีพลังที่สุดคือ พี่น้องพันธมิตรฯ ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตไม่สามารถแปรรูปไปเป็นของเอกชนได้ แปรรูปเหมือน ปตท.ได้ เพราะพลังคัดค้านของพี่น้องพันธมิตรฯ แท้ๆ ไม่ใช่ฝ่ายค้านในสภา ผมถึงบอกว่า พลังโหวตโนของพวกเรา ถ้ามี 4-6 ล้าน ยิ่งมากเท่าไหร่ พลังคัดค้านของภาคประชาชนยิ่งจะเข้มแข็ง
พี่น้องลองนึกดู การไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่สร้างมาเป็นหน่วยงานที่ยิ่งใหญ่ เข้มแข็ง ในยุคสมัยของท่านเกษม จาติกวณิช เป็นบุคคลสำคัญ เรียกว่า บิดาวงการพลังงานด้านไฟฟ้า คุณเกษม สมรส ภรรยาท่านชื่อ คุณหญิงชัชนี จาติกวณิช นามสกุลเดิมของคุณหญิงชัชนี คือ ล่ำซำ ผมถึงบอกว่า คนตระกูลล่ำซำที่ดี น่ากราบไหว้นับถือมีเยอะ คุณภูมิชายอาจจะมาผิดคิวเท่านั้นเอง ที่ไปร้านคุณแป๊ว ท่านเกษมเป็นคนบุกเบิก สร้างการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ให้เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าของประเทศ ของชาติ ยุคสมัยของ ฯพณฯ พล.อ.เปรม เรียกว่า โชติช่วงชัชวาล พล.อ.เปรม มีวิสัยทัศน์ยาวไกล การขุดค้น สำรวจแหล่งแก๊ส แหล่งน้ำมันของบริษัท ปตท. สร้างคุณูปการให้บริษัทแก๊ส บริษัทน้ำมันของประเทศไทย เป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่มาเท่าทุกวันนี้ ไม่ว่า ปตท. บางจาก ไทยออยล์ นั่นเป็นผลงานในยุคสมัย ฯพณฯ พล.อ.เปรม มีรัฐมนตรีดูแลกระทรวงพลังงานที่ดีมาก ชื่อ ร.ท.สุรีย์ มหาสันธนะ ส่วนในวงการไฟฟ้าได้ อ.เกษม จาติกวณิช เป็นคนบุกเบิกการสร้างโรงงานไฟฟ้าด้วยพลังน้ำ พลังแก๊ส พลังถ่านหิน พลังน้ำมัน จนประเทศไทยมีพลังงานไฟฟ้าใช้พอเพียงกับการพัฒนาประเทศ แล้วสิ่งที่คนการไฟฟ้า ยกย่อง อ.เกษม อยู่ตรงที่ว่า เมื่อท่านเกษมเป็นผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ท่านสั่งห้ามคนในครอบครัว และตระกูลของท่าน แม้กระทั้งตระกูลฝ่ายภรรยา คือ ล่ำซำ และบริษัทล็อกซเล่ย์ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำมาหากินด้านการก่อสร้าง แหล่งพลังงาน ท่านห้ามคนในครอบครัวเข้ามาประมูลจัดซื้อจ้าง หากินในการไฟฟ้าฝ่ายผลิต นี่เป็นคุณูปการที่ ท่านเกษมได้รับการยกย่องจากคนในวงการพลังงาน ให้เป็นบิดาของวงการพลังงานไฟฟ้าไทย ด้วยเหตุนี้ จนกระทั่งอาจจะขัดใจ เคืองใจนิดๆ กับญาติพี่น้องตระกูลล่ำซำ หรือบริษัทล็อกซเล่ย์ที่ค้าขาย แต่คนในครอบครัวของท่านเข้าใจ เพราะท่านไม่ต้องการให้มีข้อครหาว่า ตัวเองเป็นผู้ว่าการไฟฟ้า แล้วให้บริษัทญาติพี่น้องตัวเองมาประมูลจัดซื้อจัดจ้าง ทำแบบไอ้หน้าเหลี่ยมนั้น คุณเกษมท่านไม่ทำ
เพราะฉะนั้น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตจึงกลายเป็นองค์กรที่มีทรัพย์สมบัติที่บรรพบุรุษรุ่นต่างๆ สั่งสมเอาไว้ สมัยก่อน การเวนคืนที่ดินทำเสาไฟฟ้าแรงสูง ที่ผลิตจากแหล่งต้องผ่านเสาไฟฟ้าแรงสูง กว่าจะกระจายไปตามไฟฟ้าภูมิภาค เข้าหมู่บ้าน เสาไฟฟ้าแรงสูงต้องเวนคืนที่ดินราษฎร์มาเป็นที่ตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูง ในยุคสมัยนั้นออกกฎหมายเวนคืนที่ดินราษฎร เสียถูกมาก ที่ดินของญาติพี่น้องผม สมมุติ 20-3 ไร่ เอาไปตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูง ได้ค่าชดเชยไม่ถึง 1 หมื่นบาท 5-6 พันบาทเท่านั้นเอง แต่พวกเราที่อยู่ในยุคสมัยนั้นยอมปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง ที่ดินที่เสาไฟฟ้าแรงสูงตั้ง ข้างเสาไฟฟ้าแรงสูงประมาณ 30 เมตร ทำประโยชน์อะไรไม่ได้เลย เท่ากับที่ดินของเราสูญเปล่า เหมือนยกให้หลวงฟรีๆ ที่ดินที่เป็นระบบส่งทั่วประเทศของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จึงเท่ากับได้ที่ดินของประชาชนมาฟรีๆ เป็นล้านๆ ไร่ทั่วประเทศ
นอกจากนั้น การสร้างเขื่อน ไม่ว่า เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนเขาแหลม ต้องเวนคืนที่ดินราษฎร ไร่นา ที่เป็นที่ดินดีๆ ที่ราบลุ่มเก็บน้ำได้ดี ราษฎรต้องยอมถูกเวนคืน นั่นเป็นสินทรัพย์มหาศาลของประชาชนที่เสียสละให้กับประเทศชาติบ้านเมือง ถึงยุคทักษิณเขาจะเอาทรัพย์สินพวกนั้นมาแปรรูปเป็นสมบัติให้เอกชนเข้ามาถือหุ้น ซึ่งจะตกกับนายทุนที่มีเงินเป็นหมื่นๆ แสนๆ ล้าน เข้ามาฮุบกิจการของรัฐ ปตท.เป็นตัวอย่างชัดเจนที่สุดว่า วันนี้กำไรจากแหล่งพลังงานปีละเป็นแสนๆ ล้านตกอยู่กับรัฐแค่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งตกอยู่กับเอกชนที่เข้าไปถือหุ้น ซึ่งวันก่อน พี่สุวัตร อภัยภักดิ์ มาพูดให้พี่น้องฟังแล้วว่า เรื่อง ปตท.ท่านจะฟ้องเพื่อทวงคืนสมบัติของพี่น้องประชาชน
เพราะฉะนั้นวันนี้ที่ผมมาพูดเรื่องนี้ให้พี่น้องฟังเพราะว่า ในช่วงกำลังรณรงค์เลือกตั้งหาเสียง ผมอยากฉายภาพให้เห็นว่า การเมืองที่เข้ามาเล่นกันทุกวันนี้ เป็นการเมืองที่มากินบ้านกินเมือง ไม่ใช่สร้างบ้านสร้างเมือง แต่ละพรรค แต่ละพวกมีกลุ่มผลประโยชน์ตัวเอง จองแต่ละกระทรวงไว้ ถ้าเลือกตั้งคราวนี้ ถ้าพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ของนายสุวัจน์เข้ามาเป็นรัฐบาล นายสุวัจน์ขอจองกระทรวงพลังงานเหมือนเดิม เพราะผลประโยชน์มหาศาล
เพราะฉะนั้นวันนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่ไม่สามารถถูกแปรรูปเหมือน ปตท.นั้น ก็ด้วยกระแสคัดค้านของภาคประชาชน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคุณรสนา รวมอยู่ด้วย มีพี่น้องสหภาพ และมีพันธมิตรฯ ร่วมกันลงชื่อคัดค้านไปฟ้องศาลปกครอง จนกระทั่งมีคำพิพากษาให้ยุติแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ในเวลานั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน แต่เรื่องใหญ่ๆ เรื่องผลประโยชน์ชาติบ้านเมืองแบบนี้ เขาไม่ทำครับพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ทำไม่เป็น และไม่เคยทำเรื่องใหญ่เพื่อบ้านเมืองแบบนี้ นักการเมืองจึงพึ่งไม่ได้ วันนี้เราพูดถึงเรื่องชาติ แผ่นดิน เอกราช เรื่องอธิปไตย เราบอกให้เอากำลังไปขับไล่ทหารกัมพูชา คนกัมพูชาออกจากแผ่นดิน ทวงคืนแผ่นดินประเทศไทย บัดนี้เป็นเวลาเท่าไหร่ที่นายอภิสิทธิ์รับปากกับพี่น้องประชาชน ทั้งในหอประชุมไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ทั้งเวทีดีเบต ทั้งปราศรัยในสภาตั้งแต่เป็นฝ่ายค้าน มาเป็นรัฐบาลจนกระทั่งทุกวันนี้ ยังไม่ทำเลยกดดันคนกัมพูชา ทหารกัมพูชาออกไป แต่กับเรื่องเสื้อแดงชุมนุมเมื่อ 19 พ.ค. เสื้อแดงชุมนุมปิดราชประสงค์ ทำไมนายอภิสิทธิ์กล้าสั่งทหารสลายการชุมนุมยิงพี่น้องประชาชนบาดเจ็บล้มตาย ก็เพราะสั่งทหารไปจัดการกับผู้ชุมนุมเพื่อรักษาอำนาจ เก้าอี้ตัวเอง แต่ถ้าจะปกป้องแผ่นดิน เงียบเลยไม่กล้าสั่ง ถ้าเรื่องไหนเป็นประโยชน์ตัวเองเอาครับ พันธมิตรฯ ชุมนุม ออกมาเกาะกระแสเห็นด้วย เอาประโยชน์ พอได้ประโยชน์เสร็จ วันนี้ถีบหัวส่งเนรคุณประชาชน เรื่องใดตัวเองได้ประโยชน์จะเอา ถ้าเรื่องไหนตัวเองไม่ได้ประโยชน์ไม่เอา วันนี้พอเรารณรงค์โหวตโน ดิ้นเป็นไส้เดือนถูกขี้เถ้า
นี่คือปัญหาของนักการเมืองบ้านเรา วันนี้ผมเกริ่นนำ เพราะวันหลังจะฉายภาพให้เห็นว่า นักการเมืองแต่ละพวก ในวงจรอุบาทว์หาประโยชน์เป็นจำนวนมหาศาลกันอย่างไร โดยใช้อำนาจทางการเมือง แม้ผิดกฎหมาย ก็หาทางเลี่ยงและทำเพียงเพราะประโยชน์ก้อนโตที่นักการเมืองและพรรคการเมืองจะได้ ส่วนประเทศจะเสียหายอย่างไรไม่สนใจ
ทีนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ผมเกริ่นนำไว้นิดคือ เมื่อไม่สามารถแปรรูปได้เขาทำอย่างไร เขาตั้งบริษัทโฮลดิ้ง คอมปานี ขึ้นมาชื่อ บมจ.ราชบุรีโฮลดิ้ง เป็นบริษัทผลิตไฟฟ้า รับซื้อไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยมีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตถือหุ้นประมาณร้อยละ 45 หลังจากนั้นให้เอกชนร่วมถือหุ้น ใช้บริษัทราชบุรีโฮลดิ้ง เป็นตัวทำงาน ไม่ว่าทำสัญญาซื้อขายกับบริษัทที่ผลิตไฟฟ้ามาขายให้ เพื่อให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตรับซื้อ บริษัทนี้เป็นหัวโจกใหญ่ในการรวบบรรดาบริษัททั้งหลายที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจไฟฟ้า เพื่อผ่องถ่ายเงินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตไปจ่ายให้บริษัทเอกชน บริษัทเอกชนรวย พี่น้องนึกเอา ถ้าบริษัทเอกชนที่มาร่วมถือหุ้น แล้วผลิตไฟฟ้าขายการไฟฟ้าฝ่ายผลิตรวย บริษัทเอกชน และข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ประจำในการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ก็รวยด้วยครับ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ถือตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างการไฟฟ้ากับเอกชน เช่นเดียวกัน ปตท.รวย คนถือหุ้นกับรัฐรวยกันคนละครึ่งก็จริง แต่เอกชนปกติผลประโยชน์ 100% ต้องตกกับรัฐ แต่พอตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน เอกชนเอาไปกินครึ่งๆ ส่วนใหญ่ฝ่ายราชการจะแกล้งโง่ คือ แกล้งผ่องถ่ายเงินจากรัฐไปซื้อ ไปทำสัญญาให้เอกชนเอื้อประโยชน์ เสร็จแล้วเอกชนที่ได้ประโยชน์จะมีตังค์ทอนกลับมาให้ผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ รวยไปตามๆ กัน วันนี้ประเทศไทยเรื่องการโกงเล็กไม่มีแล้ว เพราะนักการเมืองวันนี้เรียนรู้วิธีการโกงการทุจริตจากทักษิณมาแล้วว่า วิธีการกินแบบหมื่นล้านแสนล้านเขาหากินกันอย่างไร ทุกคนคิดโปรเจ็กต์เป็นหมื่นล้านแสนล้าน ไม่มีใครคิดโปรเจ็กต์ 50 ล้านร้อยล้าน ใครหากินโปรเจ็กต์ 50 ล้านร้อยล้าน ไอ้นี่โบราณมาก นี่คือการเมืองบ้านเรา
ทีนี้รายละเอียดต้องใช้เวลา ที่จะเอามาพูดให้พี่น้องฟังในเวลาไม่นานและเข้าใจ ต้องเตรียมข้อมูลเป็นชอร์ตให้พี่น้องเข้าใจ เพื่อชี้ให้เห็นว่า การเมืองวันนี้ นี่เป็นเพียงรูปแบบขององค์กรหนึ่ง กระทรวงอื่นก็เหมือนกัน เดี๋ยวกระทรวงคมนาคม จะมีเรื่อง ทำไมจะทำรถไฟความเร็วสูง ทำไมจะปรับปรุงเส้นทางรถไฟ นี่จะทำโรงงานนิวเคลียร์ด้วยนะครับ ไปศึกษาเตรียมจะทำแล้ว บังเอิญว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่น เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน โครงการนี้เลยชะงักงัน ไม่อย่างนั้นป่านนี้สร้างเสร็จแล้ว นักการเมืองเอาไปกินไม่รู้เท่าไหร่แล้ว กระทรวงคมนาคมจะมีเมกะโปรเจ็กต์ชุดหนึ่ง กระทรวงการท่องเที่ยวการกีฬา จะมีเมกะโปรเจ็กต์ชุดหนึ่ง ทุกคนไปอยู่ที่ไหนคิดแต่เรื่อง เมกะโปรเจ็กต์ นี่คือการเมืองวันนี้ เล่น กิน โกงกันเป็นมูลค่ามหาศาล แล้วประเทศจะอยู่ได้อย่างไรถ้ามีการเมืองแบบนี้
เพราะฉะนั้นในช่วงรณรงค์เลือกตั้ง เราจะฉายภาพให้เห็นถึงการเมืองประเทศเราที่กินบ้านกินเมืองกินกันอย่างไร และนักการเมืองที่วนเวียนเข้ามามีอำนาจ ทำไมจึงต้องการเข้ามามีอำนาจ และการหาเสียงเลือกตั้ง การตัดสินใจหย่อนบัตร ทำไมเราจึงมีความจำเป็นต้องกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน นี่เป็นสิ่งจำเป็นที่ผมคิดว่าต้องนำมาพูดคุยกับพี่น้องในสถานการณ์วันนี้ เรื่องที่ 1
ส่วนเรื่องที่ 2 ที่ผมอยากมาพูดคุยกับพี่น้องประชาชนคือ ผมตั้งคำถามว่า ถ้าวันนี้ประเทศไทยมีนายกฯที่ไม่ใช่พวกอัปรีย์ไปจัญไรมา ควรจะมองว่าปัญหาของประเทศชาติที่สำคัญคือเรื่องอะไร และจะแก้ไขอย่างไร เรียกว่าเราเสนอนโยบาย เสนอแนวคิดประกบพรรคอัปรีย์ไปจัญไรมาให้ประชาชนดู เรื่องนี้ผมเตรียมมาพูดกับพี่น้อง เพราะพี่น้องจะได้รู้ว่า คนถามมากกว่า พรรคนี้เราก็ไม่เอา พรรคนั้นเราก็ไม่เอา คนนี้เราก็ไม่เอา คนนั้นเราก็ไม่เอา แล้วเราจะเอาอย่างไรกันแน่ ผมจะตอบให้ก็ได้ว่าเราจะเอาอะไร เดี๋ยวจะมาตอบให้ฟัง รับรองสิ่งที่เราต้องการไม่ใช่อัปรีย์ไปจัญไรมา และเป็นสิทธิ์ของประชาชนไทยที่ควรจะได้ผู้นำทางการเมืองที่ดีมานำชาติบ้านเมือง และเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของประชาชนที่จะต่อสู้ แสวงหาเพื่อให้ได้การปกครอง และการบริหารชาติบ้านเมืองที่ดีกับประเทศชาติของตน นี่คือสิทธิ์โดยชอบของท่าน ไม่ใช่หน้าที่ของประชาชนอย่างพวกเราที่ไม่ว่า อัปรีย์ไปจัญไรมา ใครมาก็ตามก็ต้องก้มหัวยอมจำนนต่ออำนาจการเมืองที่โกงและฉ้อฉลเหล่านี้ เราไม่ใช่ประชาชนผู้โง่เขลาแบบนั้นอีกแล้ว เราจะไม่ยอมให้นักการเมืองอยู่เหนืออำนาจประชาชน และใช้อำนาจของประชาชนไปเพื่อประโยชน์ตนเองและพรรคพวก การตัดสินใจไม่ประสงค์ลงคะแนน คะแนนและอำนาจสิทธิ์ขาดทางการเมือง จะอยู่กับตัวเราตลอดเวลา ไม่ใช่โอนไปให้นักการเมือง
นี่คือประเด็นปัญหาสำคัญ หายไป 1 วันได้ความรู้ขึ้นมาเยอะแยะที่จะมาคุยกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน และกราบเรียนพี่น้องว่า เรื่องนี้ผมพูดจบแล้วจะมีเรื่องที่ไปยื่น ป.ป.ช.เพื่อกล่าวโทษบุคคลที่กระทำความผิดกับชาติบ้านเมือง ทั้งหมดในนี้ ซึ่งได้ประชุมหารือกับทีมงาน และพี่สุวัตรแล้ว คุยกันเรื่องนี้ว่า เราจะต้องทำเรื่องนี้ควบคู่ไปกับเรื่อง ปตท.ที่พี่สุวัตรทำอยู่ เพราะว่า พวกเราเท่านั้นที่จะเป็นฝ่ายค้านปกป้องผลประโยชน์ชาติบ้านเมือง นักการเมืองพึ่งไม่ได้ นักการเมืองไม่มีพรรคไหนคิดจะทำเรื่องเป็นประโยชน์ชาติบ้านเมือง แม้กระทั่งมีคนมายึดครองแผ่นดินไทย ยังบอกว่า เราเป็นเพื่อนบ้านติดกันไม่อยากทะเลาะเบาะแว้ง นี่คือความคิดของเขา แต่ถ้าวันนี้จะตกเก้าอี้ มันสั่งทหารลุยประชาชนได้เลย แต่กับกัมพูชาไม่ยอมสั่งทหารลุย ยังทะลึ่งไปขึ้นศาลโล ตอนแรกพูดกระดี๊กระด้าว่าเขาจะเลื่อนการประชุมมรดกโลก โธ่ไอ้หนูฟันน้ำนมยังไม่สิ้นเลย กัมพูชาไม่มีวันเลื่อน แต่ไอ้หมอนี่กลัวว่า ผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่จะมีผลในวันที่ 29 มิ.ย. ก่อนวันที่ 3 ก.ค. พอผลการประชุมมรดกโลกออกมา เขากลัวว่าจะหน้าแตกหนักกว่าเดิม คะแนนนิยมจะตกกว่าเดิม พยายามหาทางให้กรรมการมรดกโลกเลื่อนออกไป แต่เสียใจไม่เลื่อน แล้วทำอย่างไรก็หน้าแตกซิครับ นอกจากนั้น ยังเตรียมทีมไปขึ้นศาลโลก เดี๋ยวรอดูว่า คุณจะชี้แจงอย่างไร ทำไมไม่ชี้แจงกับประชาชนเจ้าของประเทศเสียก่อนว่า คุณจะตอบโต้เขาอย่างไร และจะให้ประชาชนมั่นใจอย่างไรว่า ทีมทนายที่คุณจ้างต่างชาติ จ้างมาทำไม ทั้ง 3 ชาติไม่เคยเห็นประเทศไทยดีเลยเป็นพวกช่วยเขมรมาตลอด นี่คือปัญหาผู้นำประเทศที่ไม่ฟังเสียงประชาชน ไม่คำนึงว่า ความรู้สึกพี่น้องร่วมชาติเขารู้สึกต่อนักการเมือง พรรคการเมืองอย่างไร
พี่น้อง วันนี้คุยกันเป็นน้ำจิ้มเท่านี้ แต่ขนาดเกริ่นนำก็ได้สาระไปเยอะ เดี๋ยวรายละเอียดจะมาคุยให้ฟัง ผมคิดว่าบรรยากาศพูดคุยกันยามนี้ ต้องทำให้ความคิดกระจ่าง ว่าทำไมเราต้องปฏิเสธนักการเมือง แล้วไปกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ถ้าความคิดของเรายังกังขา โลเล ถกเถียงไปมาอยู่นั้น อาจจะทำให้ไม่เด็ดขาด แต่นี่เป็นนิมิตรหมายที่ดี เพราะคนที่เขาเป็นพลังเงียบ เขาสนใจอยากรู้ว่า ถ้าไม่ประสงค์ลงคะแนนแล้วจะเกิดประโยชน์อะไร คะแนนไม่ประสงค์ลงคะแนนจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง พอผมอธิบายไปต้องขอบคุณพี่น้อง ที่ทำให้เขาหูตาสว่างและเข้าใจว่า การโหวตโนมีประโยชน์กับบ้านเมือง ตรงนี้ละครับที่จะทำให้เป็นพลังคอยถ่วงดุล ตรวจสอบ และควบคุมนักการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าหวังพึ่งนักการเมืองในสภา ไม่มีใครจริงใจกับประเทศชาติบ้านเมืองเหมือนพวกเราแน่นอน วันนี้เอาแค่นี้ เพลงยกยอดไปก่อนได้ไหมครับ ไม่ยอมใช่ไหม ไม่รู้เขาเตรียมไว้หรือเปล่า ถ้าเตรียมก็เปิดเลย ถ้าไม่เตรียมผมไปนะ