ปตท. ชี้ ราคาน้ำมันโลกทรงตัวสูง 120 ดอลลาร์ "บิ๊กไฝ" ยันไม่ขึ้นราคาสัปดาห์นี้ เล็งขยายนำเข้าก๊าซ LNG เพิ่มเป็น 10 ล้านตันต่อปี มั่นใจจัดหาก๊าซป้อนโรงไฟฟ้าได้เพียงพอ เพื่อเป็นเชื้อเพลิงทดแทนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกยังเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูงที่ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลต่อเนื่อง จากความกังวลความรุนแรงทางการเมืองในตะวันออกกลางที่มีโอกาสยืดเยื้อยาวนานเป็นวงกว้างในหลายประเทศ ส่งผลให้อัตราค่าความเสี่ยงราคาน้ำมันขยับขึ้นลง อยู่ที่ประมาณ 20-30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
โดยล่าสุด ราคาน้ำมันดูไบ ตลาดสิงคโปร์เคลื่อนไหวอยู่ที่ 117 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาดีเซลตลาดโลกเคลื่อนไหวอยู่ที่ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันยังเคลื่อนไหวไม่ผันผวนมากนัก ดังนั้น ปตท. จึงอาจไม่ปรับราคาขายปลีกน้ำมันในสัปดาห์นี้
ขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันเฉลี่ยทุกชนิด อยู่ที่ประมาณ 1.10 บาทต่อลิตร โดยค่าการตลาดดีเซลอยู่ที่ 1 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ อยู่ที่ประมาณ 1.40-1.50 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ ยังคงต้องจับตาสถานการณ์ตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นปัจจัยภายนอกหนึ่งที่มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันตลาดโลก และราคาขายปลีกในประเทศไทย
ส่วนกรณี กระทรวงพลังงาน เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในวันที่ 27 เมษายน 2554 (พรุ่งนี้ )เรื่องการขอเช่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ออกไป 3 ปี จำนวน 2 โรง รวม 2,000 เมกกะวัตต์ ซึ่งตามแผนเดิม โรงไฟฟ้านิวเคลียร์โรงแรก จะเข้าระบบในปี 2563 และโรงที่ 2 จะเข้าระบบ ในปี 2564 พร้อมให้ ปตท. จัดหาก๊าซธรรมชาติ เข้ามาทดแทน และให้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติในกระบวนการผลิตอีก 3 โรง โรงละ 800 เมกกะวัตต์นั้น
ขณะนี้ อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมว่า จะเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (IPT) หรือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะเป็นผู้ดำเนินการลงทุนให้ กพช. พิจารณา ซึ่งในส่วนของ ปตท. จะสามารถจัดหาก๊าซเพิ่มเติมรองรับกรณีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เลื่อนการก่อสร้างไปอีก 3 ปี ได้แน่นอน เพราะเป็นแผนระยะยาวกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลากว่า 10 ปี และเป็นการทยอยเลื่อน
ดังนั้น ระหว่างนี้ ปตท. มีแผนขยายกำลังการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพิ่มเติมจาก 5,000,0000 ตันต่อปี เป็น 10,000,0000 ตันต่อปี ในอนาคต โดยคาดว่า จะได้ก๊าซ LNG เพิ่มอีกประมาณ 700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าจะรองรับได้ถึง 5 โรงไฟฟ้า โดยจะมีการนำเข้าจากประเทศตะวันออกกลางและออสเตรเลีย
พร้อมกันนี้ ปตท. ยังเตรียมแผนขยายคลังจัดเก็บก๊าซ LNG และก๊าซหุงต้ม (LPG) อีกด้วย โดยขณะนี้ ปตท.รอความชัดเจนจากรัฐบาลกำหนดเป็นนโยบายว่า จะให้เวลาดำเนินการลงทุนอย่างไร เพราะการขยายคลังจัดเก็บก๊าซฯต้องใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 5 ปี ทั้งการนำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และการทำรายงานด้านสุขภาพ (เอชไอเอ) ซึ่ง ปตท.มีแผนขยายคลังจัดเก็บ LPG ที่คลังก๊าซเขาบ่อยา จ.ชลบุรี ส่วนคลังก๊าซ LNG จะก่อสร้างในพื้นที่ จ.ระยอง
นอกจากนี้ ปตท.ยังมีแผนขยายคลังจัดเก็บก๊าซ LPG และเพิ่มการนำเข้า LPG จากต่างประเทศเพิ่มเติมอีก หลังความต้องการใช้ในประเทศสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมระหว่างปริมาณการใช้และการนำเข้าให้สมดุลกัน เนื่องจากปัจจุบันการคำนวณความต้องการใช้ทำได้ยาก เพราะต้องมีการพิจารณาประกอบกับราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกในการคำนวณอัตราการใช้ของประเทศต่อไป คาดว่า จะแล้วเสร็จในปีนี้ และจะเสนอ กพช.พิจารณาอนุมัติ
