xs
xsm
sm
md
lg

เผยขั้นตอนแปลงซากนกให้มีชีวิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตัวอย่างนกสตัฟฟ์ที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว
*** คำเตือน บทความนี้มีภาพประกอบที่รุนแรง ***

นับวันประชากรนกจะลดลงเรื่อยๆ บางชนิดอาจเหลือเพียงตัวสุดท้าย การเก็บรักษาตัวอย่างเพื่อใช้ในการศึกษา และการอนุรักษ์ไว้จึงมีอย่างแพร่หลาย ซึ่งการสตัฟฟ์ให้ซากนกเหมือนจริงเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้นกกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ส่วนขั้นตอนเป็นอย่างไรบ้างนั้นทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์พร้อมนำเสนอ

ขั้นตอนในการสตัฟฟ์ซากนกที่นำเสนอในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งจากการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การจัดการตัวอย่างสิ่งมีชีวิตเพื่อการศึกษา ตอน การสตัฟฟ์นกและสัตว์ปีก” จัดขึ้น ณ ห้องทดลองวิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) จ. ปทุมธานี ระหว่างวันที่ 20 - 22 มิ.ย. 54 ซึ่งทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ได้ร่วมสังเกตปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย

ขั้นตอนหลักในการสตัฟฟ์ซากนกมี 5 ขั้นตอน ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1: เตรียมตัวอย่างก่อนการชำแหละ

- เมื่อได้นกมาแล้ว อย่างแรกที่ต้องทำคือการจดบันทึกลักษณะภายนอกของนก จากนั้นจัดท่าทางของนกลงกระดาษ และใช้ดินสอร่างภาพนกไปตามรอบลำตัว

- จากนั้นยัดสำลีเข้าไปในปากของนก เพื่อป้องกันเลือดหรือของเหลวต่างๆ ไหลออกมาจากตัวนกระหว่างเลาะหนัง

ขั้นตอนที่ 2 : ชำแหละและเลาะหนังออกจากลำตัว

- ใช้นิ้วมือค่อยๆ แยกขนกลางหน้าอกออกให้มองเห็นเนื้อ จากนั้นใช้มีดกรีดกลางหน้าอกให้หนังขาดออกจากกันเป็นแนวตรงจนเกือบถึงด้านหน้ารูทวาร ต้องระวังไม่ให้รูทวารขาด

- จากนั้นโรยแป้งระหว่างชำแหละหนังนก ซึ่งการโรยแป้งนั้นจะช่วยให้หนังไม่เหนียวติดเนื้อ และช่วยให้เลือดของสัตว์ไม่ไหลเลอะเทอะขณะทำงานด้วย

- ใช้นิ้วมือหรือด้ามมีดสอดเข้าไปในรอยแผลค่อยๆ ดันเลาะไปด้านข้างจนรอบตัว (พยายามอย่าดึงหนังเพราะจะทำให้หนังยืดหรือขาดได้) เมื่อเลาะหนังไปจนส่วนสุดท้ายของลำตัวนกแล้ว ใช้กรรไกรตัดกระดูกหางข้อแรกเพื่อแยกส่วนหางออกจากลำตัวนก แล้วเลาะขึ้นไปจนถึงส่วนปีก ให้ใช้มีดหรือกรรไกรตัดกระดูกโคนแขน หรือ ปีก เพื่อรักษาความยาวกระดูกที่ถูกต้องไว้

- จากนั้นค่อยๆ ใช้มือถลกหนังไปทางด้านหัว ดึงเนื้อส่วนคอออกมา ใช้นิ้วค่อยๆ สะกิด เลาะไปจนถึงกะโหลก เมื่อถึงส่วนตาใช้มีดกรีดขวางกลางลูกตา ต้องเลาะหนังอย่างระมัดระวังไม่ให้หนังตาขาด หลังจากนั้นตัดหัวออกจากคอ โดยตัดที่กระดูกคอข้อแรก ให้เหลือกะโหลกติดกับหนังไว้

ขั้นตอนที่ 3: วัดขนาดส่วนต่างๆ ของร่างกาย และกำจัดเนื้อเยื่อส่วนอื่นๆ

- วาดรูปร่างนกที่เลาะออกมาจากหนังลงบนกระดาษ และระบุจุดที่เป็นรอยต่อของปีกและขานกกับลำตัวเอาไว้ในภาพด้วย

- จากนั้นวัดขนาดของเส้นรอบวงของลำตัวส่วนที่กว้างที่สุด และวัดรอบคอ ทั้งนี้ ต้องวัดขนาดความยาวของคอและลำตัวด้วย โดยใช้เชือกวัดและนำมาติดกับภาพที่ร่างไว้

- ถลกหนังส่วนขาไปจนสุด วาดภาพส่วนขาไว้บนกระดาษ วัดขนาดของน่องโดยใช้เชือกพันรอบ แล้วติดไว้ที่ภาพ ในส่วนของปีกก็ทำเช่นเดียวกัน

- บันทึกสีตาของนก วัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตาด้วยเวอร์เนียร์ แล้วกรีดเอาลูกตาออก

- หลังจากนั้นเลาะกล้ามเนื้อขาและปีออกจากกระดูก และเลาะส่วนที่เป็นเนื้อออกจากลำตัว และดึงเอามันสมองออกให้เหลือแต่หัวกะโหลกไว้

ขั้นตอนที่ 4: รักษาสภาพหนัง

- ล้างหนังที่ได้จากการเลาะเนื้อออกแล้วด้วยน้ำยาล้างจานผสมน้ำ เพื่อกำจัดไขมันออกและล้างน้ำอีกครั้ง หลังจากนั้นนำหนังไปแช่ในสารละลายอีราน สปา 10 (Eulan spa 10) ที่มีความเข้มข้น 2 % โดยปริมาตรใช้เวลาประมาณ 40-45 นาที สารละลายดังกล่าวจะช่วยทำให้แมลงไม่กัดกินทำลายหนัง เมื่อครบเวลายกหนังขึ้นมาบีบน้ำพอหมาด ห่อด้วยผ้าขาวบางแล้วนำไปปั่นแห้ง หลังจากนั้นจึงเป่าด้วยเครื่องเป่าผมจนขนนกแห้งสนิท

-ใช้พู่กันจุ่มเอทานอล ทาหนังด้านในให้ทั่ว รวมไปถึงกระดูกและปาก และฉีดเอทานอลเข้าไปที่น่องขา ปลายปีก และปาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเน่า ซึ่งเอทานอลจะช่วยให้หนังนกไม่นิ่มเกินไป

ขั้นตอนที่ 5 : ปั้นหุ่นนก


- ในขั้นตอนนี้ใช้เยื่อไผ่ทำเป็นหุ่นนก โดนขั้นแรกต้องพรมเยื่อไผ่ให้ชื้นด้วยน้ำ แต่ไม่เปียกชุ่มนำมาขยำให้เป็นก้อนให้ได้ขนาดของลำตัวตามที่วาดไว้ จากนั้นมัดด้วยเชือกป่านให้แน่นจนได้เป็นรูปทรงตามตัวนก

- เมื่อได้ลำตัวนกแล้ว จากนั้นตัดลวดมาทำเป็นแกนคอ เมื่อได้แกนคอตามต้องการแล้ว จากนั้นจึงนำลวดขนาดเล็กสุดมาพันรอบลวดและพันด้วยกระดาษชำระเพื่อใช้แทนเป็นเนื้อส่วนคอ แล้วใช้เชือกพันให้แน่น และใช้มือดัดคอให้เป็นรูปตัวเอส (S) ตามลักษณะของคอนก

- ส่วนขา ห้แทงลวดเข้าที่ฝ่าเท้า แล้วตัดตามกระดูกขาของนก จากนั้นจึงพันกระดาษชำระรอบกระดูกขาและลวด มัดด้วยเชือกเมื่อได้ตามขนาดที่วาดไว้แล้ว จากนั้นกลับหนังมาหุ้มไว้ ทำเหมือนกันทั้งสองข้าง

- ส่วนปีกให้สอดลวดจากฝั่งด้านในปีกไปที่ปลายปีก งอลวดตามแนวกระดูก มัดลวดติดกับกระดูกปีก เหลือปลายลวดไว้เพื่อใช้ยึดกับลำตัว พันกระดาษชำระรอบต้นแขนกระดูกปีก มัดด้วยเชือกให้ได้ขนาดตามที่วัดไว้ จากนั้นยัดสำลีในช่องระหว่างกระดูกปลายปีก แล้วกลับหนังมาคลุมไว้

ขั้นตอนที่ 6: ยึดส่วนต่างๆ เข้ากับลำตัวและจัดระเบียบ

เมื่ออวัยวะและกล้ามเนื้อต่างๆ ถูกสร้างขึ้นจากวัสดุแล้ว ส่วนต่างๆ จะต้องถูกติดไว้กับลำตัวในจุดที่ถูกต้อง และต้องจัดตำแหน่งและท่าทางให้เป็นไปตามธรรมชาติของนก

- ขั้นตตอนนี้ต้องยัดกะโหลกเข้ากับหุ่น ทำโดยยัดเยื่อไม้แทนที่สมอง จากนั้นจึงแทงลวดที่ยึดติดกับตัวหุ่นเข้าทางช่องไขสันหลัง แล้วหักปลายลวดแทงกลับเข้าไปในกะโหลก

- จากนั้นต้องตกแต่งส่วนหัวด้วยการใส่ดินเหนียวเข้าไปในบริเวณเบ้าตาและพอกดินเหนียวบริเวณกะโหลกบางๆ ปิดทับด้วยกระดาษชำระ และนำตาใส่เข้าไปในตำแหน่ง จากนั้นจึงดึงหนังกลับมาปิดส่วนหัว

- ขั้นต่อไปคือการยึดปีกเข้ากับลำตัว ด้วยการแทงลวดที่ยึดปีกอยู่ให้ทะลุอีกด้านของลำตัว แล้วงอลวดให้เข้ากับลำตัวทำทั้งสองข้าง  จากนั้นแทงลวดจากปลายหางทะลุเข้าไปในลำตัว เพื่อยึดส่วนหางนกติดกับตัวนก

- หลังจากนั้นเสริมรูปร่างโดยใช้สำลี แล้วเย็บจากด้านก้นไปด้านหัว จากนั้นจึงจัดท่าทางและขนให้เป็นไปตามลักษณะของตัวนก
 
- เมื่อได้ตัวนกแล้ว ต้องยึดตัวนกไว้กับแท่นไม้ จากนั้นจึงเสริมแก้มด้วยสำลีและยึดส่วนต่างๆ ด้วยเข็มหมุดกระดาษ และด้าย เพื่อยึดขนนกและป้องกันไม่ให้เปลี่ยนรูป ทิ้งไว้ 2 สัปดาห์ แล้วเอาด้ายกับเข็มหมุดออก ก็จะได้นกที่เสร็จสมบูรณ์

อย่างไรก็ดี ระหว่างการอบรม ดร.พิชัย สนแจ้ง ผู้อำนวยการ อพวช. ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าอบรมทั้งหมด 14 คน ซึ่งเป็นอาจารย์วิทยาศาสตร์และชีววิทยาจากทั่วประเทศ และเผยกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ว่า ขณะนี้ทาง อพวช. มีนโยบายรักษาซากสิ่งมีชีวิตไว้ศึกษา ทั้งด้านอนุกรมวิธาน และสภาพแวดล้อมของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ จึงได้จัดอบรมครั้งนี้เพื่อให้องค์ความรู้กระจายไปสู่โรงเรียน ชุมชน

“เมื่อคนในชุมชนเจอซากสัตว์ใกล้สูญพันธุ์หรือสัตว์หายาก องค์ความรู้เหล่านี้จะทำให้สิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้ง นอกจากนี้เพื่อสร้างเป็นฐานข้อมูลที่ดีต่อไปด้วย การเผยแพร่องค์ความรู้ครั้งนี้ เราไม่มีนโยบายให้ล่าสัตว์ แต่สัตว์ที่นำมาสตัฟฟ์ให้มีชีวิตเหมือนจริงนั้นต้องเป็นสัตว์ที่ตายโดยธรรมชาติ พร้อมกันนี้ อพวช.ยังร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)  และองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์เพื่อนำซากสัตว์ต่างๆ มารักษาสภาพให้เหมือนจริงต่อไป" ดร. พิชัยกล่าว
เมื่อได้นกที่ตายมาแล้วต้องจัดท่าทางของนกลงกระดาษ และใช้ดินสอร่างภาพนกไปตามรอบลำตัว







*** คำเตือน ด้านล่างเป็นภาพประกอบที่รุนแรง ***
เลื่อนลงข้างล่างเพื่อชมภาพประกอบ

v
v
v

ยัดสำลีเข้าไปในปากของนก เพื่อป้องกันเลือดหรือของเหลวต่างๆ ไหลออกมาจากตัวนกระหว่างเลาะหนัง
มาถึงขั้นตอนการชำแหละหนังต้องใช้นิ้วมือค่อยๆ แยกขนกลางหน้าอกออกให้มองเห็นเนื้อ จากนั้นใช้มีดกรีดกลางหน้าอกให้หนังขาดออกจากกันเป็นแนวตรงจนเกือบถึงด้านหน้ารูทวาร (บน) ใช้นิ้วมือหรือด้ามมีดสอดเข้าไปในรอยแผลค่อยๆ ดันเลาะไปด้านข้างจนรอบตัว (ล่าง)
เมื่อเลาะหนังไปจนส่วนสุดท้ายของลำตัวนกแล้ว ใช้กรรไกรตัดกระดูกหางข้อแรกเพื่อแยกส่วนหางออกจากลำตัวนก (บนซ้าย) แล้วเลาะขึ้นไปจนถึงส่วนปีก ให้ใช้มีดหรือกรรไกรตัดกระดูกโคนปีก (บนขวา) จากนั้นค่อยๆ ใช้มือถลกหนังไปทางด้านหัว ดึงเนื้อส่วนคอออกมาใช้นิ้วค่อยๆสะกิด เลาะไปจนถึงกะโหลก (ล่าง)
หลังจากนั้นตัดหัวออกจากคอ โดยตัดที่กระดูกคอข้อแรก ให้เหลือกะโหลกติดกับหนังไว้
วาดรูปร่างนกที่เลาะออกมาจากหนังลงบนกระดาษ และระบุจุดที่เป็นรอยต่อของปีกและขานกกับลำตัวเอาไว้ในภาพด้วย
วัดขนาดเส้นรอบวงของลำตัวส่วนที่กว้างที่สุด (บนซ้าย) วัดขนาดความยาวของคอและลำตัวโดยใช้เชือกวัด (ขวา) จากนั้นถลกหนังส่วนขาไปจนสุด วาดภาพส่วนขาไว้บนกระดาษ (ซ้ายล่าง) ในส่วนของกล้ามเนื้อปีกก็เช่นกันต้องวาดภาพลงกระดาษด้วย (ซ้ายกลาง)
วัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตาด้วยเวอร์เนียร์  (ขวา)  แล้วกรีดเอาลูกตาออก (ซ้ายบน) ลูกตานกที่ถูกควักออกมา (ซ้ายกลาง) ลักษณะของเบ้าตานกที่ถูกควักลูกตาออกไป (ซ้ายล่าง)
หลังจากนั้นเลาะกล้ามเนื้อขาและปีออกจากกระดูก และเลาะส่วนที่เป็นเนื้อออกจากลำตัว และดึงเอามันสมองออกให้เหลือแต่หัวกะโหลกไว้
ล้างหนังที่ได้จากการเลาะเนื้อออกแล้วด้วยน้ำยาล้างจานผสมน้ำ (ขวา) นำหนังไปแช่ในสารละลายอีราน สปา 10 (Eulan spa 10) ที่มีความเข้มข้น 2 % โดยปริมาตร ประมาณ 40-45 นาที (ซ้าย)
เมื่อแช่ครบเวลายกหนังขึ้นมาบีบน้ำพอหมาด ห่อด้วยผ้าขาวบางแล้วนำไปปั่นแห้ง (ซ้ายบน) หลังจากนั้นจึงเป่าด้วยเครื่องเป่าผมจนขนนกแห้งสนิท (ซ้ายล่าง) ลักษณะนกที่เป่าจนแห้งสนิทแล้ว (ขวา)
ใช้พู่กันจุ่มเอธานอล ทาหนังด้านในให้ทั่ว รวมไปถึงกระดูกและปาก (ซ้ายกับขวาบน) และฉีดเอธานอลเข้าไปที่น่องขา ปลายปีก และปาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเน่า (ขวาล่าง)
ผู้เข้าอบรมนำเยื่อไผ่มาปั้นหุ่นนก (ซ้ายบน) พรมเยื่อไผ่ให้ชื้นด้วยน้ำ (ซ้ายกลาง) นำมาขยำให้เป็นก้อนให้ได้ขนาดของลำตัวตามที่วาดไว้ (ซ้ายล่าง) จากนั้นมัดด้วยเชือกป่านให้แน่นจนได้เป็นรูปทรงตามตัวนก (ขวา)
เมื่อได้ลำตัวนกแล้ว ใช้ลวดมาทำเป็นแกนคอของนก (ซ้ายบน) จากนั้นจึงนำลวดขนาดเล็กสุดมาพันรอบลวด (ซ้ายกลาง) และพันด้วยกระดาษชำระเพื่อใช้แทนเป็นเนื้อส่วนคอ จากนั้นใช้เชือกพันให้แน่น (ขวา) และใช้มือดัดคอให้เป็นตัวเอส (S) ตามลักษณะของคอนก (ซ้ายล่าง)
ดร.พิชัย สนแจ้ง ผอ.อพวช.
บรรยากาศการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การจัดการตัวอย่างสิ่งมีชีวิตเพื่อการศึกษา ตอน การสตัฟฟ์นกและสัตว์ปีก”
ขั้นตอนสุดท้ายคือการยึดส่วนต่างๆ เข้ากับลำตัวและจัดระเบียบเย็บหนังจากด้านก้นไปด้านหัว
การยึดส่วนต่างๆ เข้ากับลำตัวและจัดระเบียบ (บนซ้าย) เย็บหนังจากด้านก้นไปด้านหัว (ล่างซ้ายและล่างขวา) ตัวอย่างนกที่ได้หลังจากเย็บหุ่นเข้ากับหนังแล้ว
นกสตัฟฟ์ที่ได้หลังจากขั้นตอนสุดท้าย








กำลังโหลดความคิดเห็น