วว. ลงนามวิจัยพัฒนาเชื้อจุลินทรีย์กำจัด “ขยะสด” เพื่อทดลองใช้กับ “เครื่องกำจัดขยะเศษอาหารด้วยจุลินทรีย์” ของ "อีโค-วิซ" ย่อยสลายภายใน 24 ชม. คาดต้นปี 56 สำเร็จ ย้ำ ช่วยลดปริมาณขยะ เหมาะกับแหล่งท่องเที่ยว อุตสาหกรรม และชุมชนเมือง
ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากขยะสดกลายเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ เมืองพัทยา หรือภูเก็ตก็ตามที นอกจากจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคแล้ว ยังส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง และทำให้เสียบรรยากาศทางสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ร่วมมือกับบริษัท อีโค-วิซ ประเทศไทย จำกัด ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านการวิจัยและพัฒนาเชื้อจุลินทรีย์ที่สามารถย่อยสลายขยะเศษอาหารได้อย่างรวดเร็วภายใน 24 ชม. เมื่อวันที่ 12 พ.ค.54 ณ ห้องโถงชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า วท.
นายวรพล ลียะวณิช ผู้ประสานงานบริษัท อีโค-วิซ เปิดเผยว่า ปัจจุบันต่างประเทศประสบผลสำเร็จในการกำจัดขยะด้วยการใช้จุลินทรีย์ ไม่ว่าจะเป็น จีน สหรัฐอเมริกา หรือเกาหลี ขณะที่ไทยต้องใช้จุลินทรีย์ต่างชนิดออกไป เพราะขยะเศษอาหารของต่างประเทศนั้น เป็นจำพวกแป้งเสียส่วนใหญ่ ส่วนของไทยมีทั้งเครื่องเทศ น้ำพริก หรือสารพัดอาหาร จึงจำเป็นต้องคัดเลือกจุลินทรีย์ที่เหมาะสมที่สุด
นางเกษมศรี หอมชื่น ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า ทางบริษัท อีโค-วิซ มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในการผลิต "เครื่องกำจัดขยะเศษอาหารด้วยจุลินทรีย์" ส่วน วว. มีศักยภาพในการวิจัยด้านจุลินทรีย์ ดังนั้นจึงได้ร่วมมือกัน โดย วว.จะวิจัยและพัฒนาเพื่อหาจุลินทรีย์ที่เหมาะสมในการย่อยสลายขยะเศษอาหาร
“วว.จะวิจัยและพัฒนาเพื่อตรวจแยก และทดสอบคุณสมบัติของเชื้อจุลินทรีย์ในการย่อยสลายขยะเศษอาหาร เพื่อศึกษาสภาวะที่เหมาะสม ในการผลิตเชื้อจุลินทรีย์ ตลอดจนการทดสอบประสิทธิภาพ ความปลอดภัยจากน้ำหรือของเสีย ที่เป็นผลมาจากการย่อยสลายขยะอาหารจากจุลินทรีย์ด้วย” นางเกษมศรีกล่าว โดยจะใช้เวลาวิจัยประมาณ 1 ปีครึ่ง ก่อนนำไปใช้กับ “เครื่องกำจัดขยะเศษอาหารด้วยจุลินทรีย์” ของบริษัท อีโค-วิซ ต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของเครื่องกำจัดขยะเศษอาหารด้วยจุลินทรีย์นั้น นายวรพลอธิบายว่า เมื่อนำเศษอาหารมาผสมกับจุลินทรีย์สามารถย่อยสลายภายใน 24 ชั่วโมง มีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ 1.ย่อยสลายออกมาในรูปแบบน้ำ 2.ย่อยเศษอาหารออกมาในรูปแบบผง ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ระดับครัวเรือนจนถึงภาคอุตสาหกรรมใหญ่
อย่างไรก็ดี นายวรพล เปิดเผยว่า หากมีการนำ "เครื่องกำจัดขยะเศษอาหารด้วยจุลินทรีย์” มาใช้จริงในประเทศไทย ระยะแรกอาจต้องนำเข้าจากบริษัท อีโค-วิซ ที่ประเทศสิงคโปร์ก่อน ซึ่งหากขยายตลาดได้มากขึ้น ทางบริษัทอาจนำมาผลิตในประเทศต่อไป
ขณะที่ นายชวลิต ลีลาศิวพร รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์และพัฒนาธุรกิจ วว. ให้ความเห็นว่า วิธีการย่อยสลายขยะด้วยจุลินทรีย์นั้น เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดปริมาณขยะที่เกิดจากครัวเรือน ทั้งเปลือกผลไม้นานาชนิด เศษอาหาร หรือว่าจะเป็นของเน่าเสีย ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยในขณะนี้
สำหรับการกำจัดขยะสดในปัจจุบันนั้น มีทั้ง “การฝังกลบ” ที่ได้รับความนิยม แต่ต้องใช้พื้นที่มหาศาล ซ้ำยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวอีกด้วย และอีกวิธีคือ “การใช้เตาเผา” แต่จะทำให้เกิดการปล่อยก๊าซมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ส่งผลต่อภาวะโลกร้อนอีกด้วย
นายชวลิต บอกว่า หากกำจัดโดยใช้จุลินทรีย์ย่อยสลาย นอกจากจะไม่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ขั้นต่อไปอาจมีการพัฒนาต่อยอดมาทำเป็นปุ๋ยเพื่อใช้ในเกษตรกรรมได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ผู้ว่าการ วว. ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หากวิจัยและพัฒนาได้เชื้อจุลินทรีย์ตามต้องการได้สำเร็จ จะสามารถช่วยลดปริมาณขยะในอนาคตได้อย่างมหาศาล ยิ่งหากเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ชุมชนเมือง โรงแรม หรือภาคอุตสาหกรรม ได้นำเครื่องกำจัดขยะเศษอาหารด้วยจุลินทรีย์มาใช้ นอกจากทำให้สังคมน่าอยู่แล้ว ก็จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้อีกทางหนึ่งด้วย.
