นาซาปล่อยภาพแรกในมุมหน้าหลังของดวงอาทิตย์ ที่รวมเป็นภาพวงกลมเดียว บันทึกโดยยานแฝด “สเตอริโอ” ที่ส่งขึ้นไปเมื่อเกือบ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งเผยให้เห็นทรงกลมของพลาสมาร้อน และสนามแม่เหล็กที่ราวกับถักทออย่างประณีต
แองเจลอส วอร์ลิดัส (Angelos Vourlidas) สมาชิกทีมวิทยาศาสตร์ของหอดูดาวอวกาศสเตอริโอ (Solar Terrestrial Relations Observatory: STEREO) กล่าวกับเอเอฟพี ว่าเป็นครั้งแรก ที่เราสามารถเฝ้าดูกิจกรรมของดวงอาทิตย์ได้ในรูปแบบ 3 มิติ ซึ่งกล้องของยานสเตอริโอได้เผยให้เห็นดวงอาทิตย์ในอย่างที่ดวงอาทิตย์เป็น นั่นคือ ทรงกลมของพลาสมาร้อน และสนามแม่เหล็กที่ราวกับถูกถักทออย่างดี
ทั้งนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ระบุว่า ยานแฝดสเตอริโอแต่ละตัว ได้บันทึกภาพดวงอาทิตย์ครึ่งดวง เมื่อโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกันในแต่ละด้านของดวงอาทิตย์ แล้วส่งสัญญาณภาพกลับมายังโลก จากนั้นนักวิจัยได้รวมภาพทั้งสองให้กลายเป็นภาพวงกลม ดังนั้น ภาพที่เผยออกมาจึงไม่ใช่ภาพปกติ
กล้องโทรทรรศน์ของสเตอริโอ ถูกปรับเพื่อบันทึกความยาวคลื่นของการแผ่รังสีอัลตราไวโอเลตรุนแรง 4 ย่าน ซึ่งถูกเลือกเพื่อติดตามลักษณะสำคัญของกิจกรรมบนดวงอาทิตย์ เช่น การลุกจ้า (flare) สึนามิสนามแม่เหล็กและเส้นแรงสนามแม่เหล็ก เป็นต้น และไม่มีสิ่งใดเล็ดลอดการจับจาของหอดูดาวอวกาศทั้งสองไปได้
“นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญของฟิสิกส์สุริยะ” วอร์ลิดัสให้ความเห็น
ด้าน ลิกา กุฮาธาคัวร์ตา (Lika Guhathakurta) นักวิทยาศาสตร์ของโครงการสเตอริโอ จากสำนักงานใหญ่นาซา กล่าวว่า ด้วยข้อมูลลักษณะที่ได้มานี้ ทำให้เราส่งยานไปบินรอบๆ ดวงอาทิตย์เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่ขอบฟ้าดวงอาทิตย์ โดยที่เราไม่ต้องละจากแผนก ซึ่งสิ่งที่เขาคาดหวังคือความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ฟิสิกส์สุริยะเชิงทฤษฎี และการพยากรณ์สภาพอวกาศ (space weather)
ทั้งนี้ ในอดีตจุดมืดที่ทรงพลัง อาจอุบัติขึ้นทางด้านที่ไม่มองจากโลกไม่เห็น ดังนั้น เมื่อดวงอาทิตย์หมุน จะทำให้บริเวณดังกล่าวหันตรงมายังโลกของเรา แล้วปลดปล่อยการปะทุ พร้อมเมฆพลาสมา โดยที่เรามีเวลาเตือนภัยเพียงเล็กน้อย
“จะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว” บิลล์ มัวร์ทาฟ (Bill Murtagh) นักพยากรณ์อาวุโสจากศูนย์คาดการณ์สภาพอวกาศ ขององค์การบริหารสมุทศาสตร์และบรรยากาศสหรัฐฯ (National Oceanic and Atmospheric Administration) หรือโนอา (NOAA) กล่าว และบอกด้วยกิจกรรมซึ่งอยู่ในด้านที่มองไม่เห็นนั้นไม่อาจสร้างความประหลาดใจได้แก่เราได้อีกแล้ว เรารู้จะแน่ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ โนอาเองได้ใช้แบบจำลอง 3 มิติจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศสเตอริโอ เพื่อปรับปรุงการพยากรณ์สภาพอวกาศ สำหรับเตือนสายการบิน บริษัทผลิตกระแสไฟฟ้า ผู้ดูแลดาวเทียมและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ
นาซาระบุว่า ยานสเตอริโอถูกส่งขึ้นไปเมื่อเดือน ต.ค.2006 และได้ศึกษาการไหลของพลังงานและสสารจากดวงอาทิตย์มายังโลก เมื่อถึงปี 2007 ยานอวกาศแฝดได้บนทึกภาพ 3 มิติของดวงอาทิตย์ และในปี 2009 ได้สังเกตการณ์ระเบิดที่รุนแรงที่เรียกว่า “การพ่นมวลของชั้นโคโรนา” (coronal mass ejections) หรือ “ซีเอ็มอี” (CME) ซึ่งสามารถรบกวนระบบสื่อสาร การทำงานของดาวเทียม ระบบนำร่องและสายส่งไฟฟ้าของโลกได้