ผลแรกออกมาแล้ว! สถานีตรวจวัดอนุภาค “ซีเอ็มเอส” เผยข้อมูลจากการเดินเครื่อง “แอลเอชซี” หลังเร่งอนุภาคชนกันเมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่ผ่านมา ระบุได้อนุภาคมากกว่าทฤษฎีทำนายไว้ แต่เชื่อไม่ส่งผลกระทบหากเดินเครื่องเร่งอนุภาคเต็มกำลัง
เผยผลครั้งแรกหลังจากเซิร์น (CERN) เดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (Large Hadron Collider: LHC) เมื่อเดือน ธ.ค.52 ที่ผ่านมา โดยบีบีซีนิวส์ระบุว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์จากสถานีตรวจวัดอนุภาคซีเอ็มเอส (Compact Muon Solenoid: CMS) ได้ประเมินข้อมูลการทำอันตรกริยาของอนุภาคทั้งหมดที่ตรวจวัดได้ และได้รายงานลงวารสารเจอร์นัลออฟไฮเอเนอร์จีฟิสิกส์ (Journal of High Energy Physics) ว่า การเดินเครื่องดังกล่าวได้ผลิตอนุภาคออกมากกว่าที่ทฤษฎีทำนายไว้ แต่อนุภาคปริมาณมหาศาลนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อการทดลองเดินเครื่องที่พลังงานสูงขึ้นในปีนี้
ทั้งนี้ เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี ได้รับการออกแบบมาให้เร่งอนุภาคและอะตอมให้ชนกันภายในท่อที่ขดเป็นวงกลมยาว 27 กิโลเมตร เพื่อความพยายามในการค้นหาร่องรอยของอนุภาคใหม่ๆ ที่น่าจะมีอยู่ในทฤษฎีฟิสิกส์ปัจจุบัน
อีกทั้ง การออกมาประกาศเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า พลังงานของลำอนุภาคที่ถูกเร่งนั้นเกินกว่า 1 ล้านล้านอิเล็กตรอนโวลต์ (TeV) ทำให้เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีกลายเป็นเครื่องเร่งอนุภาค ที่เดินเครื่องด้วยพลังงานสูงสุด เท่าที่มีการเดินเครื่องเร่งอนุภาคใดๆ บนโลกนี้ และยังทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นมีลักษณะเฉพาะสำหรับสาขาฟิสิกส์พลังงานสูง
การทดลองเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีโดยเร่งอนุภาคโปรตอนชนกันนั้น ทำให้เกิดอนุภาคที่เล็กกว่าคือ “ไพออน” (pion) และ “คาออน” (kaon) มากกว่าที่ทีมนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้
“ระดับอนุภาคที่ออกมาค่อนข้างสูงกว่าที่แบบจำลองทำนายไว้ และดูเหมือนอนุภาคที่ได้นั้น จะเพิ่มขึ้นไปตามพลังงานที่ให้มากกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ ผมคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่นั่นก็เป็นหนึ่งในหลายๆ เรื่องที่เราจำเป็นต้องรู้ เมื่อเราต้องเดินหน้าค้นหาอนุภาคที่พบได้ยากสุดๆ และตามหาฟิสิกส์ใหม่” โรแลนด์ กันเทอร์ (Roland Gunter) นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแมสซาชูเสตต์ส (Massachusetts Institute of Technology) หรือเอ็มไอที สหรัฐฯ ที่ร่วมวิจัยกับสถานีตรวจวัดซีเอ็มเอสให้ความเห็น
นักวิจัยจากเอ็มไอทียังเสริมด้วยว่า “อนุภาคพิเศษ” จะเป็นประเด็นมากกว่านี้ในช่วงหลังปี ค.ศ. 2010 เมื่อเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีต้องเดินเครื่องเร่งไอออนตะกั่วด้วย ซึ่งหนักกว่าอนุภาคโปรตอนอย่างชัดเจน และให้ผลที่กว้างกว่าจับอนุภาคชนกัน
“เราจะรู้มากกว่านี้ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เมื่อเราได้เห็นผลการเดินเครื่องที่พลังงานสูงขึ้นถึงระดับ 7 เทราอิเล็กตรอนโวลต์ (ประมาณ 7 ล้านล้านอิเล็กตรอนโวลต์)” กันเทอร์กล่าว.
