xs
xsm
sm
md
lg

John Everett Millais

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน

The Deluge
J. E. Millais เกิดที่เมือง Southampton ในอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2372 บรรพบุรุษของตระกูลนี้ได้อพยพมาจากฝรั่งเศสเพราะเด็กชาย Millais แสดงความสามารถด้านศิลปะตั้งแต่อายุยังน้อย จึงได้เข้าเรียนที่ Royal Academy School ตั้งแต่อายุได้ 11 ปี ซึ่งนับเป็นสถิตินิสิตที่มีอายุน้อยที่สุด แม้กระทั่งทุกวันนี้ และขณะเรียนที่นั่น Millais ได้รู้จักกับ William Holman Hunt และ Dante Gabriel Rosette เป็นอย่างดี

ในปี 2391 เมื่อ Hunt ได้วาดภาพๆ หนึ่ง ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับบทประพันธ์ของกวี Keats เรื่อง The Eve of St. Agnes และได้ตั้งชื่อภาพว่า The Flight of Madeleine and Porphyro เพราะเขารู้สึกชื่นชมและซาบซึ้งในผลงานของ Keats มาก ภาพนี้ได้ชักนำให้ Rosetti และ Millais ผู้มีอุดมการณ์คล้าย Hunt คิดตั้งสมาคมกลุ่มนิยมแบบก่อนราฟาเอล (Pre-Raphaelite Brotherhood) เพื่อปฏิรูปศิลปะโดยมีจุดมุ่งหมายจะทำให้ภาพวาดของจิตรกรอังกฤษดูบริสุทธิ์ และจริงใจเหมือนศิลปะยุคกลางก่อนสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา โดยงานศิลปะจะมีลักษณะเหมือนจริงที่ผสมผสานความละเอียด และมีเนื้อหาที่แสดงความเชื่อทางศาสนา หรือให้สัญญาณที่ชวนคิดต่อสังคมยุคนั้น เหมือนกับที่ Coubert วาดรูป Burial at Ornans ทั้งนี้ ก็เพื่อยกระดับจิตใจสังคม ภาพที่วาดจะเน้นรายละเอียด สีสันที่สดใส และความคมชัดเป็นเรื่องสำคัญ ด้วยเหตุนี้ภาพวาดโดยสมาชิกของสมาคมนี้จึงถูกนำไปใช้ตกแต่ง ม่าน กระจกสี ลวดลายผ้า หรือกระดาษปิดผนัง ฯลฯ
เช่นในปี 2393 Millais ได้วาดภาพ Christ in the House of His Parents ที่แสดงสภาพจริงในบ้านของ Joseph และ Mary (realism) ซึ่งภาพศาสนานี้ถูก Charles Dickens นักประพันธ์ชื่อดัง ประณามว่าใช้สีจืด ไม่เด่น และไม่มีสาระสำคัญใด ๆ แต่ภาพ Isabella and Lorenzo ที่ Millais วาดในปีต่อมาได้รับความนิยมสูง เมื่อมีอายุเพียง 24 ปี Millais ก็ได้รับเลือกเป็นภาคีสมาชิกของ Royal Academy จากนั้นก็เริ่มยุติการเคลื่อนไหวการปฏิรูปศิลปะของสมาคม จนในที่สุด เมื่อถึงปี 2396 สมาชิกทุกคนของสมาคมนอกจาก Hunt ก็ได้แยกย้ายกันไปสร้างงานตามอุดมการณ์ของตัวเอง

เมื่ออายุมากขึ้น ภาพวาดของ Millais เริ่มเสื่อมในด้านคุณภาพ เพราะภาพไม่เน้นรายละเอียดอีกต่อไป และแสดงอารมณ์มากจนเกินไป เมื่ออายุ 35 ปี Millais ได้รับเลือกเป็นราชสมาชิกของ Royal Academy และได้รับเลือกเป็นนายกของ Royal Academy ก่อนเสียชีวิตเพียง 2 เดือน ในปี 2439 เมื่อมีอายุ 67 ปี

Ophelia คือ ภาพที่ Millais วาดในปี 2394 (ซึ่งเป็นสมัยสมเด็จพระราชินี Victoria) ภาพนี้ไม่ใช่ภาพที่ใครๆ ก็ชอบ แต่เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกหลอนคนดูได้อย่างตราตรึงมากที่สุดภาพหนึ่งของโลก เพราะแสดงศพของ Ophelia ผู้เป็นสุดที่รักของ Hamlet ที่ได้โศกเศร้าจนต้องฆ่าตัวตายในลักษณะลอยในน้ำ โดยสวมเสื้อผ้าที่มีลายปักละเอียดเต็มยศ ในอุ้งมือขวาของนางมีช่อดอกไม้สีแดง เหลือง และน้ำเงิน ท่าลอยน้ำของนางและชุดที่นางสวมใส่ Millais ได้วาดให้ดูเหมือนนางกำลังนอนอยู่ในโลง ภาพนี้ไม่มีรายละเอียดของความบ้าคลั่ง และความตายที่ได้จบชีวิตนาง

ในการวาดภาพนี้ Millais ได้ให้นางแบบชื่อ Elizabeth Siddal สวมชุดราชินีลงนอนแช่ในอ่างน้ำเป็นเวลาหลายวัน วันละหลายชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่น้ำก็เย็นแต่ Siddal ก็ไม่บ่นแม้แต่น้อย ขณะเธอกำลังเป็นหวัด และภาพก็ยังวาดไม่เสร็จ Millais ได้จุดไฟให้ความร้อนแก่น้ำในอ่าง เพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้น และเป็นเวลาหลายปีหลังจากที่ Millais วาดภาพนี้แล้ว Siddal ผู้ไม่มีความสุขในชีวิตสมรสของเธอก็ได้ฆ่าตัวตาย โดยการดื่มแอลกอฮอล์ผสมฝิ่น แล้วลงนอนตายในอ่างเหมือน Ophelia ตายในสระ

ภาพ Ophelia จึงแตกต่างจากภาพที่ Raphael วาด เพราะ Millais คิดว่า ภาพที่วาดตามสไตล์ Raphael ไร้อารมณ์ ไม่มีสีสดใส และไม่มีรายละเอียดมาก

หรือแม้แต่ภาพ Christ in the House of His Parents ที่ Millais วาดขณะอายุ 20 ปี ซึ่งแสดงหนุ่มเยซูในบ้านช่างไม้ของ Joseph และ Mary นั้นก็มีรายละเอียดของรอยแผลที่มือของหนุ่มเยซู ซึ่งมีเลือดไหล

ภาพของพระเยซูในลักษณะบาดเจ็บนี้ ทำให้คริสต์ศาสนิกชนที่ศรัทธามากรู้สึกไม่พอใจอย่างรุนแรง และเมื่อภาพถูกนำออกแสดงในงาน Royal Academy Exhibition ผู้คนได้ประท้วงมากมาย คณะกรรมการจัดงานจึงนำภาพไปถวายสมเด็จพระราชินี Victoria เพื่อทอดพระเนตร และในขณะเดียวกัน Charles Dickens ก็ได้เขียนบทวิจารณ์โจมตี Millais ในวารสาร Household Words ว่า ภาพของ Mary ที่ Millais วาดดูน่าเกลียดเหมือนหญิงที่เมาสุราในบาร์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เสียงวิจารณ์เริ่มลดน้อยลง และการยอมรับก็มากขึ้นๆ

ในการวาดภาพที่เน้นรายละเอียดมากนี้ ได้ทำให้สายตาของ Millais เสื่อมในที่สุด จนเขาวาดภาพได้เพียง 2-3 ภาพต่อปี เมื่อครอบครัว Millais มีลูก 8 คน และไม่มีเงิน Millais จึงหันไปวาดภาพเหมือนเพื่อหารายได้ และทิ้งอุดมการณ์ Pre-Raphaelite การกระทำนี้ให้มีรายได้มากขึ้น

ภาพที่วาดในช่วงนี้ ได้แก่ภาพ Bright Eyes (ปี 2420) ที่แสดงผู้หญิงที่นั่งสง่า สงบ และรู้สึกมั่นใจ ภาพ Benjamin Disraeli: The Earl of Beaconfield (ปี 2424) ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีที่สมเด็จพระราชินี Victoria ทรงโปรด โดยขณะ Disraeli นั่งให้ Millais วาดภาพ เขากำลังป่วยหนัก

ในช่วง 20 ปีสุดท้ายของชีวิต Millais ได้แรงบันดาลใจในการวาดภาพจากการไปเที่ยวสกอตแลนด์ โดยได้ไปที่ Highlands และได้วาดภาพทิวทัศน์ Glen Birnham กับภาพอื่นๆ รวม 21 ภาพ

ถึง Millais จะวาดภาพได้หลากหลายรูปแบบ แต่ภาพ Ophelia คือ ภาพเดียวที่คนทุกคนนึกถึง เมื่อมีการเอ่ยถึงผลงานของ Millais

สุทัศน์ ยกส้าน เมธีวิจัยอาวุโส สกว.
The Blind Girl
Sister Anna’s Probation
Ophelia
กำลังโหลดความคิดเห็น