xs
xsm
sm
md
lg

แนะปล่อยน้ำจากนาก่อนข้าวออกดอกช่วยลด "ก๊าซเรือนกระจก"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


JGSEE- นักศึกษา JGSEE ศึกษาแนวทางลดก๊าซมีเทนจากนาข้าว ตัวการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันดับหนึ่งในภาคเกษตร เผยการปล่อยน้ำออกจากนาก่อนข้าวออกดอกช่วงลดก๊าซมีเทนได้เกือบ 50% แนะปลูกข้าวนาปรัง ไม่เผาตอซังฟางข้าว แยกฟางข้าวออกจากนา ไถกลบเฉพาะตอซัง ช่วยเพิ่มปุ๋ยให้ดิน และลดโลกร้อนได้พร้อมๆ กัน

ประเทศไทยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคเกษตรเป็นสัดส่วน 10% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด แม้อาจมองว่าเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนัก แต่ก๊าซเรือนกระจกส่วนใหญ่ที่ปล่อยออกจากภาคเกษตรคือ ก๊าซมีเทน ซึ่งมีความร้อนแรงมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หลายเท่า น.ส.ทัศนีย์ เจียรพสุอนันท์ นักศึกษาปริญญาเอกด้านสิ่งแวดล้อม บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) จึงได้ศึกษาแนวทางที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกจากนาข้าว

น.ส.ทัศนีย์ กล่าวว่าการจัดการนาข้าวหลังการเก็บเกี่ยว โดยวิธีเผาฟางข้าวที่เหลือในที่โล่ง ทำให้เกิดมลภาวะฝุ่นควัน เกิดปัญหาต่อสุขภาพของผู้ที่อยู่ใกล้เคียง แล้วยังปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนมอนนอกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีความสำคัญ ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงได้มีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรลดการเผาตอซังฟางข้าว และเปลี่ยนมาสนับสนุนการไถกลบตอซังฟางข้าวลงไปในดิน เพื่อลดมลภาวะทางอากาศและเป็นการเพิ่มธาตุอาหารให้กับดิน

อย่างไรก็ตามจากรายงานทางวิชาการได้ระบุว่าการเพิ่มธาตุอาหารให้กับดิน หรือการไถกลบตอซังฟางข้าวลงไปจะยิ่งเป็นการเพิ่มปริมาณการปลดปล่อยก๊าซมีเทนขึ้นสู่บรรยากาศ เนื่องจากจุลินทรีย์ที่อยู่ในดินจะย่อยสลายของธาตุอาหารและผลิตก๊าซมีเทนเพิ่มมากขึ้นตามปริมาณธาตุอาหาร ซึ่งการจัดการน้ำในนาข้าว โดยการปล่อยน้ำออกจากนาในบางช่วงของการปลูกข้าวจะช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซมีเทนในนาข้าวได้ ทั้งนี้จากการทำวิจัยการเปรียบเทียบวัฏจักรคาร์บอนในนาข้าวของเธอทำให้ทราบว่าควรปล่อยน้ำออกจากนาในช่วงเวลาใด

"จากการเฝ้าติดตามและเก็บตัวอย่างก๊าซที่ปล่อยออกมาจากนาข้าว พบว่าช่วงที่ข้าวปล่อยก๊าซมีเทนมากที่สุด คือ ช่วงเวลาที่ข้าวออกดอก การจัดการเพิ่มลดการปล่อยก๊าซมีเทนทำได้โดยการปรับสภาพดินในนาให้แห้ง ไม่มีน้ำท่วมหน้าดิน หรือทำให้เกิดสภาพมีออกซิเจน ด้วยการปล่อยน้ำออกเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ในช่วง 3-5 วันก่อนข้าวออกดอก เนื่องจากกลไกการสร้างก๊าซมีเทน จะเกิดเมื่อจุลินทรีย์ย่อยสลายธาตุอาหารในสภาพไร้ออกซิเจน ดังนั้นการเพิ่มออกซิเจนให้กับดินนาจึงทำให้จุลินทรีย์ลดการสร้างก๊าซมีเทนลงได้ การจัดการด้วยวิธีนี้จะลดการปล่อยก๊าซมีเทนได้มากเกือบ 50% และส่งผลกระทบต่อผลผลิตไม่ถึง 1%" น.ส.ทัศนีย์เผย

นอกจากนี้ ยังได้มีการศึกษาเปรียบเทียบปริมาณก๊าซมีเทนที่ลดลงเมื่อมีการจัดการน้ำระหว่างการไถกลบทั้งตอซังและฟางข้าว และการไถกลบเฉพาะตอซัง พบว่าการจัดการน้ำช่วยการปล่อยก๊าซมีเทนในแปลงที่ไถกลบทั้งตอซังและฟางข้าว 49% เนื่องจากปริมาณของอินทรียสารที่ไถกลบลงไปมีมาก จึงสามารถลดการปล่อยก๊าซได้มากเมื่อเปรียบเทียบการเมื่อไม่มีการจัดการน้ำ ในขณะที่แปลงที่ไถกลบเฉพาะตอซังลดลง 32% จะเห็นว่าการจัดการน้ำในแปลงที่ไถกลบเฉพาะตอซังช่วยลดก๊าซมีเทนได้ไม่มากนัก เพราะอินทรียสารที่ไถกลบไม่มากเท่ากับกรณีแรกนั่นเอง

อย่างไรก็ดี จากการเปรียบเทียบดังกล่าว น.ส.ทัศนีย์ ให้ข้อคิดเห็นว่า ชาวนาไม่ควรไถกลบทั้งตอซังและฟางข้าว แม้ว่าจะมีวิธีการจัดการให้สามารถลดก๊าซมีเทนได้มากก็ตาม เพราะในทางปฏิบัติการนำฟางข้าวออกจากนาก่อน แล้วจึงไถกลบเฉพาะตอซัง ชาวนาสามารถนำฟางข้าวมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่นๆ ได้อีกหลายทาง เช่น นำไปใช้เป็นวัสดุปลูกพืช ปลูกเห็ด ใช้ทำปุ๋ยหมักชีวภาพ หรือแม้แต่นำไปใช้เป็นพลังงานทดแทนในรูปแบบชีวมวล ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งของการลดโลกร้อน ทั้งนี้ วิธีการดังกล่าวได้มีหน่วยงาน และแปลงนาบางแห่งนำไปทดลองใช้แล้ว หากเห็นผลสัมฤทธิ์ที่ดีน่าจะมีการเผยแพร่การจัดการน้ำและดินนาในรูปแบบนี้ให้กว้างขวางออกไป
ช่วงข้าวออกดอก ปล่อยน้ำออกจากนาช่วยลดการสร้างก๊าซมีเทน
น.ส.ทัศนีย์ เจียรพสุอนันท์
กำลังโหลดความคิดเห็น