วิทยาการด้านเทคโนโลยีชีวภาพก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีธุรกิจชีวภาพทั่วโลกผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ส่งผลให้นักวิทย์เริ่มหวาดหวั่นว่า จะเป็นช่องทางให้อาชญากรและผู้ก่อการร้ายใช้เป็นช่องทางโจมตีฝ่ายตรงข้าม จึงรวมกลุ่มกันเรียกร้องให้ประชาคมโลกเร่งกำหนดมาตรการปิดทางผู้ไม่หวังดีโดยด่วน
สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานถึงการประชุมของนักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศ ที่จัดขึ้นในประเทศโมรอคโคเมื่อปลายสัปดาห์แรกของเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาว่า ได้มีการแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ อาจเป็นเปิดโอกาสให้ผู้ก่อการร้ายหรืออาชญากรข้ามชาติใช้เป็นช่องทางทำลายล้างกลุ่มเป้าหมายได้ พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งหามาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วนก่อนที่จะมีเหตุร้ายดังกล่าวเกิดขึ้น
ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีห้องปฏิบัติการวิจัยด้านเทคโนโลยีชีวภาพเกิดขึ้นหลายร้อยแห่งทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและนวัตกรรมด้านการแพทย์เป็นหลัก โดยในปี 2545 นักวิทยาศาสตร์ทีมหนึ่งต้องใช้เวลาพัฒนาการถอดรหัสจีโนมของไวรัสโปลิโอ (polio virus) นานถึง 5 ปี และหลังจากนั้นเพียง 3 ปี นักวิทยาศาสตร์อีกทีมหนึ่งที่มีจำนวนใกล้เคียงกันได้ถอดรหัสจีโนมไวรัสที่มีความยาวพอๆกันกับไวรัสโปลิโอ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้น
ทิม เทรแวน (Tim Trevan) จากสภาชีววิทยาศาสตร์สากล หรือไอซีแอลเอส (International Council for the Life Sciences: ICLS) กล่าวว่า ความรู้ในด้านแบคทีเรียวิทยาและการถอดรหัสดีเอ็นเอเจริญรุดหน้าไปมาก ทำให้การออกแบบยีนมีแนวโน้มเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลมากขึ้นตามไปด้วย
เพราะเพียงแค่ปรับเปลี่ยนพันธุกรรม หรือทำให้จุลชีพกลายพันธุ์เพียงเล็กน้อยก็สามารถเอาชนะวัคซีนได้ เชื้อโรคที่ไม่มีพิษภัยมากนักก็อาจสร้างให้มันกลายเป็นเชื้อมรณะได้ หรือทำให้มันทนทายาดได้ โดยใช้เครื่องมือทันสมัยต่างๆ ที่เมื่อ 10 ปีก่อนยังหาไม่ได้ เช่น ถังปฏิกรณ์ชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไมโครรีแอคเตอร์ (micro-reactor), โฟล รีแอคเตอร์ (flow reactor) และดิสพอซิเบิล รีแอคเตอร์ (disposable reactor)
"หากคุณต้องการโจมตีสังคมวงกว้างในคราวเดียว คุณอาจต้องการบางสิ่งบางอย่างที่ช่วยให้เกิดการแพร่ระบาดในบริเวณกว้างได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าผู้คนหรือทำให้พวกเขาสูญเสียสมรรถภาพ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นทั้งสิ้น" เทรแวน กล่าว
"คุณกำลังพูดถึงเรื่องของประชาชนและองค์ความรู้ แต่คุณจะต้องไม่กระโจนเข้าสู่ห้องแล็บเพื่อคิดค้นวัตถุอันตรายเหล่านั้นขึ้นมาอย่างเด็ดขาด" เทอเรนซ์ เทย์เลอร์ ประธานไอซีแอลเอส กล่าว โดยเขาได้ชี้ประเด็นไปที่เอกสารสำคัญของกลุ่มผู้ก่อการร้ายอัลกอดิดะห์ (Al Qaeda) ที่ระบุไว้ว่าพวกเขาต้องการพัฒนาอาวุธชีวภาพเพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือโจมตีฝ่ายตรงข้าม
"นี่ถือเป็นเรื่องร้ายแรงมาก หายนะที่จะเกิดขึ้นนั้นมันเกี่ยวพันกับการใช้เทคโนโลยีชีวภาพ มันจะทำให้ศาสตร์สาขานี้กลายเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงเหมือนกรณีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดในเมืองเชอร์โนบิล (Chernobyl) เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงกังวลกับเรื่องนี้กันอย่างมาก" เทย์เลอร์กล่าว
ทั้งนี้ เทคโนโลยีนิวเคลียร์เกือบทั้งหมดนั้นอยู่ในการควบคุมดูแลของรัฐบาล และมีมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะที่เทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงนั้นได้ค่อยๆแพร่กระจายไปสู่ภาคเอกชนแล้ว
เทย์เลอร์กล่าวว่า แม้ว่าในส่วนของรัฐบาลจะมีสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับผู้นำประเทศ หรือในส่วนของสมาพันธ์ชีววิทยาสังเคราะห์สากล (Association for Synthetic Biology) ที่ได้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับให้องค์กรที่เป็นสมาชิกใช้คัดกรองลูกค้าหรือผู้มาติดต่อ แต่ต้องการเรียกร้องให้ทั่วโลกร่วมมือกันเฝ้าระวังและป้องกันการก่อการร้าย และการถูกคุกคามจากอาวุธชีวภาพ โดยมีการแบ่งปันยุทธวิธีที่ดีที่สุดแก่กันด้วย
ทั้งนี้ รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่าในปี 2546 ในกรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐฯ ถูกโจมตีด้วยจดหมายเชื้อโรคแอนแทรกซ์ (anthrax) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวม 5 ราย และผู้ป่วยอีก 13 ราย และต้องรีบให้ยาปฏิชีวนะป้องกันการติดเชื้อแอนแทรกซ์แก่ประชาชนในบริเวณใกล้เคียงจำนวนหลายพันคนเป็นการเร่งด่วน ส่วนในปี 2538 ลัทธิโอมชินริเคียว (Aum Shinrikyo) ก่อเหตุวินาศกรรมในประเทศญี่ปุ่นโดยการปล่อยแก๊สซาริน (Sarin gas) เข้าไปในสถานีรถไฟใต้ดิน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย.