xs
xsm
sm
md
lg

สมเด็จพระเทพฯ ทรงแนะส่งเสริมวิทย์ทุกระดับ ไม่เฉพาะเด็กเก่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมเด็จพระเทพฯ ทอดพระเนตรนิทรรศการภายในงานประชุม สวทช. (ภาพสวทช.)
สมเด็จพระเทพฯ มีพระราชดำรัสจะขับเคลื่อนประเทศไม่ใช่เพียงส่งเสริมเฉพาะเด็กเก่ง แต่ให้สนับสนุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่เยาวชนทุกระดับ พร้อมทรงแนะนักวิจัยผู้ศึกษาวิธีจำกัดแคดเมียมในนาข้าว หาวิธีกำจัดโลหะมีพิษอื่นๆ ด้วย

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรนิทรรศการงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภายในประชุมวิชาการประจำปี 2552 สวทช.เมื่อวันที่ 13 มี.ค.52 โดยมี ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน ผู้อำนวยการ สวทช. ศ.ดร.มรกต ตันติเจริญ ที่ปรึกษา สวทช. พร้อมด้วยคณะเฝ้ารับเสด็จฯ

สำหรับนิทรรศการผลงาน สวทช.ประจำปี 2552 มีผลงานกว่า 100 ผลงานจัดแสดง อาทิ ความก้าวหน้าเทคโนโลยีชีวภาพที่นำไปสู่การปรับปรุงพันธุกรรมเพื่องานด้านสาธารณสุขและเกษตรกรรม ชุดตรวจเชื้อก่อโรคในอาหาร เทคโนโลยีการใช้เซลล์เป็นแหล่งผลิต เทคโนโลยีเคมีและพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

พร้อมกันนี้ทรงเปิดอาคาร “บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร” และเสด็จทอดพระเนตรนิทรรศการ “รำลึกชาร์ล ดาร์วิน: 150 ปีทฤษฎีวิวัฒนาการ” นิทรรศการซึ่งจัดขึ้นตลอดทั้งปีภายในบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ที่จัดขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 200 ปีชาตกาลของชาร์ล ดาร์วิน (Chales Darwin)

สำหรับบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรนี้ เป็นสถานที่สำหรับส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่เยาวชน ให้ได้รับการพัฒนาตามความสนใจและความถนัด โดยเปิดรับเยาวชน 3 กลุ่ม คือ เยาวชนที่มีแววอัจฉริยะทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีปีละ 100 คน เยาวชนที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีปีละ 2,600 คน และเยาวชนที่มีความสนใจทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีปีละ 10,000 คน

ทั้งนี้ หลังเฝ้ารับเสด็จ ดร.มรกต ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า สมเด็จพระเทพฯ สมมีพระราชดำรัสในส่วนของบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรว่า การจะขับเคลื่อนประเทศไม่ใช่แค่การสนับสนุนสนแค่เด็กเก่งและเด็กที่มีแววเท่านั้น แต่อยากให้เด็กทุกระดับได้รับโอกาสสนับสนุนและส่งเสริมทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

อีกทั้งทรงสังเกตว่าโครงงานวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ เป็นโครงงานทางด้านชีววิทยา และมีทางด้านเคมีบ้าง แต่อยากเห็นโครงงานทางด้านฟิสิกส์ด้วย รวมถึงการประยุกต์ใช้ความรู้เพื่อการทำมาหากินและด้านสาธารณสุข

ดร.มรกตยังกล่าวถึงบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรว่า เป็นโครงการส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่เยาวชน โดยไม่จำกัดอยู่แค่สถานที่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงโครงการส่งเสริมอื่นๆ ที่อาจจัดนอกสถานที่ ไม่จำกัดแค่บ้านวิทยาศาสตร์ฯ

“ทั้งนี้โครงสร้างพื้นฐานที่พร้อม และ สวทช.ที่ตั้งอยู่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยเช่นเดียวกันซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยอยู่พอควรนั้น จะทำให้เยาวชนได้เห็นว่าเมื่อเรียนวิทยาศาสตร์แล้วสามารถทำอาชีพอะไรได้บ้าง”

นอกจากนี้ ดร.มรกตยังระบุด้วยว่า สมเด็จพระเทพทรงสนพระทัยนิทรรศการวิทยาศาสตร์ฯ ภายในงานประชุมประจำปีของ สวทช.อย่างยิ่ง พร้อมยกตัวอย่างว่า สมเด็จพระเทพฯ ทรงฝากให้นักวิจัยที่ศึกษาเรื่องการกำจัดแคดเมียมในนาข้าว ศึกษาว่าสามารถนำงานวิจัยไปใช้กำจัดโลหะที่เป็นพิษอื่นๆ ได้อีกหรือไม่

สำหรับงานประชุมวิชาการประจำปี 2552 ของ สวทช.จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-14 มี.ค.52 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย โดยแบ่งสถานที่จัดงานเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแสดงนิทรรศการซึ่งจัดขึ้น ณ อาคารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร และส่วนประชุมวิชาการซึ่งจัดขึ้น ณ อาคารศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย
สมเด็จพระเทพฯ ทอดพระเนตรเทคโนโลยีเพื่อชุมชน (ภาพสวทช.)
เยาวชนผู้พิการถวายการสาธิตใช้ไอที  (ภาพจาก สวทช.)
ศ.ดร.มรกต ตันติเจริญ
กำลังโหลดความคิดเห็น