อียูเตรียมเปิดทางให้กรีซและฝรั่งเศส ปลูกพืชจีเอ็มโอเป็นรายต่อไป แต่ยังตกลงกันไม่ได้ เพราะความเห็นแตกออกเป็น 2 ฝ่าย ด้านฝรั่งเศสระบุข้าวโพดจีเอ็มปลอดภัยกับผู้บริโภค ส่วนสภายุโรปจ้องจับตาดูอียูกับพืชจีเอ็มอย่างใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 16 ก.พ.52 ที่ผ่านมา นักวิชาการด้านอาหารของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป หรืออียู (European Union: EU) ประชุมร่วมกันในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เพื่อหารือเกี่ยวกับการปลูกข้าวโพดจีเอ็มโอในฝรั่งเศสและกรีซว่า จะสนับสนุนให้ปลูกหรือจะคัดค้าน ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจน เพราะมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยตามรายงานข่าวของเอเอฟพี
ในจำนวนประเทศสมาชิกของอียูทั้งหมด 27 ประเทศ มี 9 ประเทศ ที่สนับสนุนให้อียูยกเลิกการแบนพืชจีเอ็มโอ ในขณะที่อีก 16 ประเทศที่เหลือ มีทั้งที่ไม่เห็นด้วย และที่ยังไม่แสดงท่าที โดยที่เยอรมนีและมอลตาไม่ได้เข้าร่วมในการประชุมดังกล่าว
ทั้งนี้ ข้าวโพดพันธุ์มอน810 (MON810) ซึ่งเป็นข้าวโพดดัดแปรพันธุกรรมหรือข้าวโพดจีเอ็มโอ ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทมอนซานโต สหรัฐฯ ซึ่งเป็นพืชจีเอ็มเพียงชนิดเดียว ที่อียูอนุญาตให้ปลูกได้ในประเทศสมาชิก เช่น สเปน เยอรมนี และขณะนี้กำลังพิจารณาผลักดันให้ฝรั่งเศสและกรีซเข้ามาร่วมด้วย โดยเมื่อปลายปีที่แล้ว ฝรั่งเศสต้องชะลอการปลูกพืชดังกล่าวเอาไว้ก่อน เพื่อเร่งกำหนดมาตรการความปลอดภัย ส่วนกรีซนั้นใช้กฎหมายเดิมของปี 2549 โดยมีการขยายความเพิ่มเติมเกี่ยวกับพืชจีเอ็มโอ
อย่างไรก็ดี สำนักงานความปลอดภัยของอาหารแห่งยุโรป (European Food Safety Authority: EFSA) ระบุว่า ข้าวโพดจีเอ็มดังกล่าว ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และก็ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดเป็นเหตุผลให้ต้องสั่งห้ามปลูกพืชดังกล่าว และสำนักบริหารงานของอียูเตรียมจะยื่นเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีของอียู เพื่อให้พิจารณาและตัดสินว่าจะอนุญาตให้ฝรั่งเศสและกรีซดำเนินการปลูกพืชจีเอ็มหรือไม่ โดยที่ไม่ได้มีคำสั่งของคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) แต่อย่างใด
ด้านโมนิกา ฟราสโซนี (Monica Frassoni) ประธานร่วมของกรีนกรุ๊ป (Green group) สภายุโรป (European parliament) เรียกร้องให้มีการเฝ้าระวังกรณีที่คณะกรรมาธิการ มีความพยายามจะทำให้ประเทศสมาชิกเห็นชอบกับการปลูกพืชจีเอ็มโอ ซึ่งแม้จะมีรายงานว่าข้าวโพดจีเอ็มโอดังกล่าวปลอดภัยกับผู้บริโภค แต่การตัดสินใจอนุญาตให้ปลูกได้นั้นจะต้องพิจารณมถึงผลต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพอย่างเดียวเท่านั้น
"เรายังต้องจับตาดูกันต่อไป เพราะนี่ไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่คณะกรรมาธิการอียูพยายามผลักดันประเทศเหล่านี้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีการต่อต้านการปลูกข้าวโพดจีเอ็มโอมากที่สุด ซึ่งความท้าทายในตอนนี้คือเราจะต้องรักษาเสียงข้างมากให้เข้มแข็งพอที่จะต่อรองให้คณะกรรมการปฏิเสธการดำเนินการดังกล่าว" ฟราซโซนี ระบุ
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หน่วยเฝ้าระวังด้านอาหารของฝรั่งเศส ให้ข้อสรุปออกมาว่า ข้าวโพดจีเอ็มโอของมอนซานโตปลอดภัยต่อผู้บริโภค ซึ่งขัดแย้งกับรายงานที่เคยมีมาก่อนหน้านั้นอันนำไปสู่การสั่งแบนข้าวโพดดังกล่าว โดยรายงานวิจัยก่อนหน้านี้พบว่าข้าวโพดจีเอ็มโอพันธุ์มอน810 มีผลกระทบกับแมลง ไส้เดือนดิน และจุลชีพอีกหลายชนิด และยังกังวลกันว่าละอองเกสรของข้าวโพดมอน810 อาจจะปลิวไปได้ไกลกว่าที่คาดคิดเอาไว้ ซึ่งอาจไกลถึงหลายร้อยกิโลเมตรก็เป็นได้ ทว่าพวกเขากับบอกว่ารายงานดังกล่าวให้ข้อมูลผิดเพี้ยนจากที่เป็นจริง
นอกจากกรณีของฝรั่งเศสและกรีซแล้ว ในวันที่ 2 มี.ค. นี้ รัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศในอียูจะประชุมร่วมกันอีก เพื่อลงมติว่าจะเรียกร้องให้ออสเตรียและฮังการียกเลิกการแบนพืชจีเอ็มโอด้วยหรือไม่