xs
xsm
sm
md
lg

ลูกไฟตกที่สหรัฐฯ คาดเป็นเศษซากดาวเทียมชนกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจำลองทางคอมพิวเตอร์ แสดงให้เห็นการโคจรที่คับคั่งรอบโลก โดยเป็นภาพที่องค์การอวกาศยุโรป (อีซา) แสดงให้เห็นถึงวัตถุในวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit: LOE) ที่สามารถติดตามได้ (ภาพจากอีซา/เอเอฟพี)
เป็นไปได้ว่าเศษซากจากการชนกันของดาวเทียมสหรัฐฯ - รัสเซีย เมื่อสัปดาห์ก่อนจะตกลงที่สหรัฐฯ เพราะมีผู้สังเกตเห็นลูกไฟจากท้องฟ้าเหนือเท็กซัสและเคนตักกีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยรายการโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในเท็กซัสรายงาน ผู้คนจำนวนมากพบเห็นลูกไฟสว่างจ้า

สถานีเคบีทีเอกซ์นิวส์ 10 (KBTX News 10) ในรัฐเท็กซัส สหรัฐฯ ได้รายงานว่าประชาชนในท้องถิ่นจำนวนมาก ได้เห็นลูกไฟหรือได้ยินเสียงคำรามในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น

ส่วนหนังสือพิมพ์วาโค ทรีบูน-เฮอรัลด์ (Waco Tribune-Herald) อ้างรายงานจากประชาชนว่า ได้ยินเสียงคล้ายระเบิดที่ทำให้หน้าต่างและประตูบ้านสั่นสะเทือน

ทั้งสองกรณี สเปซด็อทคอมรายงานว่า สหพันธ์การบินหสหรัฐฯ (The Federal Aviation Authorities: FAA) คาดว่าอาจจะเป็นเศษซากจากการชนกันของดาวเทียมสหรัฐฯ และรัสเซียเมื่อสัปดาห์ก่อน แม้ว่าจะไม่มีเศษซาก เป็นหลักฐานยืนยันให้เห็นก็ตาม และทางสหพันธ์ก็ยังได้แจ้งเตือนแก่นักบิน ถึงอันตรายจากเศษซากดาวเทียมที่อาจผ่านชั้นบรรยากาศเข้ามา

สำหรับดาวเทียมที่ชนกัน คือดาวเทียมทางทหารของรัสเซียชื่อว่า "คอสมอส 2251" (Cosmos 2251) ซึ่งหมดอายุการใช้งานแล้ว และดาวเทียมสื่อสารของสหรัฐฯ "อิริเดียม 33" (Iridium 33) โดยชนกันขณะโคจรอยู่ที่ระดับความสูง 790 กิโลเมตรเหนือไซบีเรีย

ตามที่ตัวแทนผู้เชี่ยวชาญจากรัสเซียระบุการชนกันดังกล่าว ได้ทำลายดาวเทียมทั้งสองและทำให้เกิดเศษซากขนาดใหญ่คละคลุ้งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ และน่าจะมีเศษชิ้นส่วนเกิดชึ้นนับร้อยๆ ชิ้น ซึ่งบางส่วนน่าจะค้างอยู่ในวงโคจรได้นานถึง 10,000 ปี

เจ้าหน้าที่ศูนย์บัญชาการยุทธศาสตร์สหรัฐฯ (U.S. Strategic Command) ซึ่งกำกับดูแลการทำงานของเครือข่ายตรวจตราอวกาศแห่งสหรัฐฯ (U.S. Space Surveillance Network) ที่ยังคงติดตามเศษซากอวกาศกว่า 18,000 ในวงโคจร ระบุว่าเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานการพบเห็นลูกไฟแล้ว

พันโทเทอร์รี พลัมบ์ (Lt. Col. Terry Plumb) จากกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นโฆษกของศูนย์บัญชาการยุทธศาสตร์สหรัฐฯ กล่าวกับทางสเปซด็อทคอมว่า ทางศูนย์ได้รับโทรศัพท์ทางหมายเลข 911 จากเมืองฮุสตันในรัฐเท็กซัสถึงการพบเห็นลูกไฟ แต่กำลังรอการยืนยันว่าสาเหตุเกิดจากเศษซากของดาวเทียมอิริเดียม 33 และคอสมอส 2251 ที่ชนกัน

"เรายังไม่ได้รับรายงานยืนยันอย่างเป็นทางการเลย" พันโทพลัมบ์ระบุ

นอกจากที่เท็กซัสแล้ว เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาศูนย์รายงานสภาพอากาศแห่งสหรัฐฯ (National Weather Service: NWS) ในเมืองแจ็คสัน รัฐเคนตักกี ระบุว่ามีผู้ก็ได้พบเห็นเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้ โดยเห็นท้องฟ้าสว่างจ้าและแสงคำรามเหมือนแผ่นดินไหว ซึ่งคาดว่าจะเกิดจากการเศษซากดาวเทียมชนกันหล่นเข้ามาในชั้นบรรยากาศ

"หน่วยตรวจตราอวกาศ ได้รายงานไปยังฝ่ายบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นว่า เหตุการณ์ครั้งนี้มีสาเหตุจากเศษซากดาวเทียมที่ตกลงมา และเศษซากเหล่านี้เป็นสาเหตุของโซนิคบูม (sonic boom) ซึ่งส่งผลให้ประชาชนบางส่วนรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือน รวมทั้งแสงสว่างวาบเหนือท้องฟ้า" แถลงการณ์ของศูนย์รายงานสภาพอากาศสหรัฐฯ ระบุ

ตอนนี้ทางนักวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) กำลังติดตามเศษซากจากการชนกันของดาวเทียมเมื่อสัปดาห์ก่อน เพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นต่อดาวเทียมเพื่อการสื่อสารและดาวเทียมสำหรับศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งรวมถึงกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope) ที่โคจรรอบโลกด้วย

เศษซากจากอุบัติเหตุบนอวกาศนั้น ยังเพิ่มโอกาสที่จะทำให้สถานีอวกาศนานาชาติได้รับความเสียหายจากเศษซากในอวกาศเพิ่มขึ้น แต่เจ้าหน้าที่นาซาระบุว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนี้สถานีอวกาศโคจรอยู่ต่ำกว่าที่เกิดเหตุประมาณ 354 กิโลเมตร.
อีกภาพจากอีซาที่จำลองผ่านคอมพิวเตอร์เผยให้เห็นวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นโคจรอยู่รอบโลก (ภาพอีซา/เอเอฟพี)
กราฟแสดงถึงอันตรายจากเศษซากอวกาศซึ่งเพิ่มขึ้นทุกปี (ภาพเอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น