เอเอฟพี - ฝ่ายทหารสหรัฐฯประกาศในวันอังคาร (23) ถึงการจัดตั้ง "กองบัญชาการในโลกไซเบอร์" ขึ้นมา เพื่อรับมือกับสงครามในโลกดิจิตอลและเพื่อสนับสนุนการป้องกันภัยคุกคามในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เพิ่มมากขึ้น
รอเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้จัดตั้งกองบัญชาการดังกล่าวอย่างเป็นทางการแล้ว โดยถือเป็นครั้งแรกในสหรัฐฯ ทั้งนี้ตามคำแถลงของโฆษกกระทรวง ทั้งนี้กองบัญชาการแห่งนี้จะปฏิบัติการภายใต้กองบัญชาการทางยุทธศาสตร์สหรัฐฯ และจะเริ่มปฏิบัติการได้ในเดือนตุลาคม แต่จะดำเนินงานอย่างเต็มรูปได้ในเดือนตุลาคม 2010
ความเคลื่อนไหวคราวนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์ทางการทหารของอเมริกัน ซึ่งบัดนี้ยอมรับว่า "อำนาจครอบงำในโลกไซเบอร์" เป็นส่วนหนึ่งของหลักการด้านการสงครามของสหรัฐฯไปแล้ว อีกทั้งยังบังเกิดขึ้นท่ามกลางความหวั่นวิตกเกี่ยวกับภัยคุกคามจากพวกสายลับไซเบอร์ของจีน รัสเซีย และประเทศอื่นๆ
พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯบอกว่า จีนได้จัดทำแผนการทำสงครามไซเบอร์ที่ทันสมัยขึ้นมาแล้ว และการแทรกแซงทางไซเบอร์จำนวนมากที่กระทำต่อสหรัฐฯตลอดจนที่อื่นๆ สามารถสืบสาวกลับไปยังต้นแหล่งในจีน
คาดกันว่าผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการใหม่แห่งนี้ คือพลโทคีธ อเล็กซานเดอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติคนปัจจุบัน
อเล็กซานเดอร์เป็นผู้ที่พยายามเสนอว่า ไซเบอร์สเปซจะเป็นแนวรบทางการทหารแห่งใหม่ที่อาจปรับรูปโฉมของเรื่องความมั่นคงแห่งชาติในอนาคต พร้อมทั้งเปรียบเทียบเรื่องไซเบอร์สเปซ กับการมีอำนาจทางทะเลและอำนาจเหนือน่านฟ้า
แต่นักวิเคราะห์บางส่วนวิตกว่า หากใช้แนวทางด้านความมั่นคงในโลกไซเบอร์อย่างเข้มข้นแล้ว ก็จะเป็นภัยคุกคามต่อความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพของพลเมือง อีกทั้งยังอาจสร้างปัญหาในเชิงการทูตด้วย
เจ้าหน้าที่หลายรายบอกว่า กองบัญชาการแห่งใหม่นี้น่าจะตั้งอยู่ในเมืองฟอร์ต มีด มลรัฐแมรีแลนด์ และเพนตากอนจะไม่เข้าไปควบคุมงานด้านความมั่นคงสำหรับเครือข่ายพลเรือนจากหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐบาล
ปัจจุบันกองทัพสหรัฐฯ ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งหมด 15,000 เครือข่าย และมีเครื่องคอมพิวเตอร์ราว 7 ล้านเครื่อง ในขณะที่หน่วยข่าวกรองต่างประเทศหลายร้อยหน่วยกำลังพยายามหาทางเจาะข้อมูลเข้าไปในเครือข่ายของสหรัฐฯ
นอกจากนั้น กองทัพยังตรวจพบว่ามีคนพยายามเจาะข้อมูลเข้ามาในระบบถึงวันละหลายพันครั้ง พวกแฮคเกกอร์มีทั้งที่เป็นเด็กวัยรุ่นและแก๊งอาชญากรที่รับจ้างทำงานให้กับรัฐบาลต่างประเทศ
เมื่อเร็วๆ นี้ทำเนียบขาวระบุว่าความเสี่ยงด้านความมั่นคงในโลกไซเบอร์จะเป็นปัญหาท้าทายสำคัญทั้งต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติในศตวรรษที่ 21
รอเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้จัดตั้งกองบัญชาการดังกล่าวอย่างเป็นทางการแล้ว โดยถือเป็นครั้งแรกในสหรัฐฯ ทั้งนี้ตามคำแถลงของโฆษกกระทรวง ทั้งนี้กองบัญชาการแห่งนี้จะปฏิบัติการภายใต้กองบัญชาการทางยุทธศาสตร์สหรัฐฯ และจะเริ่มปฏิบัติการได้ในเดือนตุลาคม แต่จะดำเนินงานอย่างเต็มรูปได้ในเดือนตุลาคม 2010
ความเคลื่อนไหวคราวนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์ทางการทหารของอเมริกัน ซึ่งบัดนี้ยอมรับว่า "อำนาจครอบงำในโลกไซเบอร์" เป็นส่วนหนึ่งของหลักการด้านการสงครามของสหรัฐฯไปแล้ว อีกทั้งยังบังเกิดขึ้นท่ามกลางความหวั่นวิตกเกี่ยวกับภัยคุกคามจากพวกสายลับไซเบอร์ของจีน รัสเซีย และประเทศอื่นๆ
พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯบอกว่า จีนได้จัดทำแผนการทำสงครามไซเบอร์ที่ทันสมัยขึ้นมาแล้ว และการแทรกแซงทางไซเบอร์จำนวนมากที่กระทำต่อสหรัฐฯตลอดจนที่อื่นๆ สามารถสืบสาวกลับไปยังต้นแหล่งในจีน
คาดกันว่าผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการใหม่แห่งนี้ คือพลโทคีธ อเล็กซานเดอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติคนปัจจุบัน
อเล็กซานเดอร์เป็นผู้ที่พยายามเสนอว่า ไซเบอร์สเปซจะเป็นแนวรบทางการทหารแห่งใหม่ที่อาจปรับรูปโฉมของเรื่องความมั่นคงแห่งชาติในอนาคต พร้อมทั้งเปรียบเทียบเรื่องไซเบอร์สเปซ กับการมีอำนาจทางทะเลและอำนาจเหนือน่านฟ้า
แต่นักวิเคราะห์บางส่วนวิตกว่า หากใช้แนวทางด้านความมั่นคงในโลกไซเบอร์อย่างเข้มข้นแล้ว ก็จะเป็นภัยคุกคามต่อความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพของพลเมือง อีกทั้งยังอาจสร้างปัญหาในเชิงการทูตด้วย
เจ้าหน้าที่หลายรายบอกว่า กองบัญชาการแห่งใหม่นี้น่าจะตั้งอยู่ในเมืองฟอร์ต มีด มลรัฐแมรีแลนด์ และเพนตากอนจะไม่เข้าไปควบคุมงานด้านความมั่นคงสำหรับเครือข่ายพลเรือนจากหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐบาล
ปัจจุบันกองทัพสหรัฐฯ ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งหมด 15,000 เครือข่าย และมีเครื่องคอมพิวเตอร์ราว 7 ล้านเครื่อง ในขณะที่หน่วยข่าวกรองต่างประเทศหลายร้อยหน่วยกำลังพยายามหาทางเจาะข้อมูลเข้าไปในเครือข่ายของสหรัฐฯ
นอกจากนั้น กองทัพยังตรวจพบว่ามีคนพยายามเจาะข้อมูลเข้ามาในระบบถึงวันละหลายพันครั้ง พวกแฮคเกกอร์มีทั้งที่เป็นเด็กวัยรุ่นและแก๊งอาชญากรที่รับจ้างทำงานให้กับรัฐบาลต่างประเทศ
เมื่อเร็วๆ นี้ทำเนียบขาวระบุว่าความเสี่ยงด้านความมั่นคงในโลกไซเบอร์จะเป็นปัญหาท้าทายสำคัญทั้งต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติในศตวรรษที่ 21
