อียูตั้งทุนวิจัยเชื้อเพลิงชีวภาพ 2.3 พันล้านยูโร ลุ้นไทยได้ส่วนแบ่งทุนวิจัย หวัง สวทช.เป็นศูนย์ประสานงานระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "ดร.ปริทรรศน์” ระบุไทยมีจุดเด่นด้านทรัพยากร ขณะที่อียูมีเทคโนโลยีที่ดีกว่า คาดหวัง "ได้เงิน” จากความร่วมมือ
ดร.ปริทรรศน์ พันธุบรรยงก์ ประธานกลุ่มคลัสเตอร์พลังงานทางเลือก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า ขณะนี้กำลังเสนอขอทุนอุดหนุนการวิจัยจากโปรแกรมกรอบการทำงานเพื่อการวิจัยและพัฒนาของสหภาพยุโรป (European Framework Programme for Research) สำหรับงานวิจัยทางด้านพลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งที่ผ่านมาไทยรับทุนนี้ในงานวิจัยทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ
ทั้งนี้สหภาพยุโรปหรืออียู ตั้งงบสำหรับให้ทุนวิจัยด้านเชื้อเพลิงชีวภาพ 2.3 พันล้านยูโร หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท เพื่อให้เกิดงานวิจัยร่วมระหว่างอีโยกับประเทศต่างๆ ซึ่ง ดร.ปริทรรศน์ระบุว่ามีหลายประเทศที่มีการให้ทุนลักษณะนี้ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เป็นต้น เพื่อให้เกิดการความร่วมมือระหว่างประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศในโลกที่ 3 โดยมีรูปแบบและเงื่อนไขการให้ทุนที่แตกต่างกัน
สำหรับจุดแข็งของไทยในการพัฒนาพลังงานทางเลือกหรือเชื้อเพลิงชีวภาพ คือทรัพยากร ขณะที่อียูมีเทคโนโลยี ซึ่ง ดร.ปริทรรศน์ระบุว่าหากมีความร่วมมือกันก็จะเกิดการแลกเปลี่ยนจุดแข็งระหว่างไทยและอียู และสำหรับไทยแล้ว เขายอมรับอย่างตรงๆ ว่าสิ่งที่จะได้รับคือ "เงิน” ส่วนหลังจากวิจัยแล้วเทคโนโลยีที่ได้จะเป็่นของใครนั้นขึ้นอยู่กับข้อตกลง โดยเบื้องต้นสิทธิในงานวิจัยจะเป็นไปตามสัดส่วนการร่วมลงทุนวิจัย
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 2-4 พ.ย.51 ที่ผ่านมา ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ได้ร่วมกับคณะกรรมกมารยุโรปประจำประเทศไทย และสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมสหภาพยุโรป-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรื่องโอกาสในการสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ ณ โรงแรมสยามซิตี ซึ่ง ดร.ปริทรรศน์กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้นักวิจัยไทยและยุโรปได้พบปะกัน และได้เห็นแนวทางงานวิจัยที่ทางอียูสนใจ.
