2 ไวรัสร้าย HPV และ HIV พา 3 ผู้ค้นพบคว้าโนเบลแพทย์ นักวิจัยรามาบอกทั้ง 3 คนสร้างประโยชน์ให้มวลมนุษย์อย่างยิ่ง พร้อมแจงเหตุที่วัคซีนเอดส์ยังไม่สำเร็จ เพราะเชื้อร้ายเป็นไวรัสชนิดที่แฝงตัวอยู่ในคนไข้ได้ตลอดไป ด้าน รอง ผอ.สวทช. บอกนึกแล้วว่า ศ.นพ.ฮารัลด์ ซัวร์ เฮาเซ่น ต้องได้โนเบล
โนเบลแพทย์ปีนี้ให้กับ 3 นักวิทยาศาสตร์ ที่ค้นพบไวรัสอันเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก และโรคเอดส์ ที่พบในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ได้แก่ ศ.นพ.ฮารัลด์ ซัวร์ เฮาเซ่น (Harald Zur Hausen) ชาวเยอรมัน, ฟรังซัวส์ แบร์เร-ซินอยซี (Francoise Barre-Sinoussi) และลุค มองตากนีแยร์ (Luc Montagnier) ชาวฝรั่งเศส ซึ่งโรคหนึ่งพัฒนาไปถึงขั้นมีวัคซีนป้องกันแล้ว ส่วนอีกโรคหนึ่งก็ก้าวหน้าในเรื่องยารักษา หากแต่ยังไร้วี่แววของการป้องกันโดยวัคซีน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นไปได้
รศ.ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าหน่วยไวรัสวิทยาและจุลชีววิทยาโมเลกุล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ทางโทรศัพท์ว่า ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ในปีนี้ ได้ค้นพบสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์เป็นอย่างมาก เพราะทั้งไวรัสแพ็บพิลโลม่า หรือ เอชพีวี (human papilloma viruses : HPV) ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก และไวรัสเอชไอวี (human immunodeficiency virus: HIV) สาเหตุของโรคเอดส์ ทำให้มีผู้ป่วยด้วยโรคดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
เฉพาะในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีแล้วกว่า 1 ล้านคน ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว 5 แสนราย ส่วนที่ยังมีชีวิตอยู่และได้รับการรักษามีเพียง 1 แสนรายเท่านั้น โดยที่ปัจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันได้เลย ขณะที่มะเร็งปากมดลูกนั้นสามารถผลิตวัคซีนป้องกันได้แล้วในปัจจุบัน
"จากการค้นพบของพวกเขาทั้ง 3 คน นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ต่อมวลมนุษยชาติ ซึ่งทำให้ในเวลาต่อมา สามารถผลิตวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ ในส่วนของโรคเอดส์ ก็ทำให้เรารู้ชัดเจนว่าอะไรเป็นสาเหตุ แม้จะยังผลิตวัคซีนไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราพ่ายแพ้ แต่จากการศึกษาสารพันธุกรรมของไวรัส HIV ก็ทำให้เราสามารถพัฒนายาต้านไวรัสได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อคนไข้อย่างมาก ทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น" ดร.วสันต์ กล่าว
เหตุที่นักวิจัยพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัส HPV ได้สำเร็จ ขณะที่วัคซีนป้องกัน HIV ยังมองไม่เห็นทาง ทั้งที่มีการค้นพบไวรัส 2 ชนิดนี้ ว่าเป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงดังกล่าวในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ดร.วสันต์ บอกว่า เนื่องจาก HPV มีดีเอ็นเอ (DNA) เป็นสารพันธุกรรม ซึ่งไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง
ขณะที่ HIV มีสารพันธุกรรมเป็นอาร์เอ็นเอ (RNA) ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือกลายพันธุ์ได้ง่าย และเร็วมาก ทำให้ภูมิคุ้มกันจำไม่ได้ เช่นเดียวกับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่, ไข้หวัดนก และซาร์สโดยเฉพาะไข้หวัดใหญ่ที่เห็นได้ชัดเจนว่าคนเรามักจะเป็นโรคนี้กันบ่อยครั้ง
"อย่างไรก็ตาม HIV จัดเป็น รีโทรไวรัส (retrovirus) คือ อาร์เอ็นเอไวรัสที่สามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นดีเอ็นเอ เพื่อให้สามารถแฝงตัวเป็นกาฝากอยู่ในโครโมโซมของเซลล์เจ้าบ้าน ที่มีสารพันธุกรรมเป็นดีเอ็นเอได้ และเมื่อต้องการสร้างลูกหลาน มันก็จะสังเคราะห์กลับไปเป็นอาร์เอ็นเอ โดยใช้ส่วนประกอบที่มีอยู่ในเซลล์เจ้าบ้าน และเพิ่มจำนวนแพร่กระจายไปสู่เซลล์อื่นต่อไป" ดร.วสันต์ อธิบาย
ขณะที่ไวรัสไข้หวัดใหญ่, ไข้หวัดนก และซาร์ส ไม่ใช่รีโทรไวรัส เพราะไข้หวัดใหญ่ คนไข้จะเป็นแล้วหาย แต่จะป่วยอีกครั้งเมื่อได้รับเชื้อเข้าไปใหม่ แต่เชื้อ HIV จะแฝงอยู่ในร่างกายตลอดไป ทำให้ป่วยเรื้อรังและไม่มีโอกาสหาย เพราะเหตุนี้ เชื้อ HIV จึงกำจัดได้ยากมาก
ดร.วสันต์ บอกว่า วัคซีนป้องกัน HIV นั้น ก็ทำให้สำเร็จได้ยากมาก ซึ่งวิธีการทำวัคซีนนั้นไม่ยาก แต่เมื่อฉีดเข้าไปแล้วไม่สามารถคุ้มครองได้ เพราะ HIV เปลี่ยนแปลงพันธุกรรม ให้ต้านวัคซีนได้รวดเร็วมาก ทำได้แต่เพียงให้ยาต้านไวรัสแก่ผู้ป่วย เพื่อกดไวรัสไม่ให้กลายพันธุ์ และเพิ่มจำนวนมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยอายุยืนขึ้นได้เป็นสิบปี
ด้าน รศ.นพ.ประสิทธิ์ ผลิตผลการพิมพ์ รอง ผอ.สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) บอกกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ทางโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดีว่า ได้มีการคาดการณ์กันไว้ก่อนบ้างแล้วว่า ศ.เฮาเซ่น อาจได้รับรางวัลโนเบลในเร็วๆ นี้ เพราะเรื่องวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก กำลังดัง ซึ่ง สวทช. ยังเคยเชิญ ศ.เฮาเซ่น มาบรรยายพิเศษเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ และปัจจุบันเขาก็เป็นที่ปรึกษาของ สวทช. ด้วย
แม้ว่านักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบไวรัสที่เป็นต้นตอของมะเร็งปากมดลูกและโรคเอดส์มาตั้งแต่เมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว แต่เพิ่งมอบรางวัลโนเบลให้ในปีนี้ นพ.ประสิทธิ์ ชี้ว่าเพราะรางวัลโนเบลเข้มงวดมาก จะมอบให้ก็ต่อเมื่อเห็นผลชัดเจนแล้ว ไม่ได้ให้ตั้งแต่ค้นพบ
แต่สำหรับเรื่องมะเร็งปากมดลูกก็นับว่าเร็วพอสมควร เพราะตั้งแต่ค้นพบและเห็นผลกระทบชัดเจน ก็สามารถพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคนี้ขึ้นมาได้
"แต่วัคซีนป้องกัน HIV นั้นทำได้ยากมาก เพราะไวรัสเข้าไปทำลายที่ระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง เสมือนกับว่าเราสูญเสียการควบคุมไปแล้วตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นก็ยากที่เราจะเป็นฝ่ายกลับมาควบคุมไวรัส ถ้าเราจะกำจัดไวรัสได้ ระบบภูมิคุ้มกันของเราต้องยังดีอยู่" นพ.ประเสริฐกล่าว
"สำหรับการค้นพบ HIV นั้น เคยจะมีการมอบรางวัลโนเบลมาแล้ว เพราะเรื่องนี้เห็นผลกระทบชัดเจนมานานแล้ว แต่เนื่องจากเคยเกิดคดีความฟ้องร้องกันในเรื่องว่าใครเป็นผู้คนพบคนแรกกันแน่ ระหว่างฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา ในตอนนั้นอาจยังไม่แน่ใจ จึงยังไม่มีการมอบรางวัล" นพ.ประสิทธิเผย
อย่างไรก็ตาม ดร.วสันต์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เคยมีการฟ้องร้องในเรื่องดังกล่าวจริง แต่ระยะหลังเรื่องราวเงียบไป ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ติดตามต่อว่า ผลสรุปเป็นอย่างไร แต่ที่หลายคนมักเข้าใจว่านักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ เป็นผู้ค้น HIV เป็นคนแรก อาจเป็นเพราะเรามักจะได้รับรู้ข้อมูลส่วนใหญ่จากสหรัฐฯ แต่เมื่อรางวัลโนเบลประกาศผลออกมา เรื่องนี้ก็น่าจะชัดเจนแล้ว.
การประกาศผลรางวัลโนเบลประจำปี 2008