อุดรธานี - กรมการแพทย์เตือนคนภาคอีสานเลี่ยงบริโภคอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ หลังพบตัวเลขผู้ป่วยมะเร็งตับและท่อน้ำดีสูงขึ้น ขณะเดียวกันผู้ป่วยที่มีโรคตับเรื้อรังหรือมีประวัติเป็นโรคตับอักเสบ ควรได้รับการตรวจหามะเร็งอย่างสม่ำเสมอ
วันนี้ (29 ก.ย.) ณ โรงแรมเจริญศรีแกรนด์ รอยัล นายวันชัย สัตยาวุฒิพงษ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการประชุมวิชาการ ศูนย์มะเร็ง อุดรธานี ประจำปี 2551 เรื่องก้าวไปให้ทันมะเร็งตับและท่อน้ำดีว่า ปัจจุบันแนวโน้มของผู้เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเพิ่มสูงขั้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคเบาหวาน ซึ่งจากสถิติสาธารณสุข พ.ศ.2547 พบว่า โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 คือ 83.1 ต่อประชากร 1แสนคน โรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในประเทศไทยคือ มะเร็งตับ รองลงมาคือมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ตามลำดับ
ทั้งนี้ จากรายงานอุบัติการณ์มะเร็งของประเทศ ปี 2544-2546 พบว่า โรคมะเร็งในเพศชายที่สูงเป็นอันดับ 1 คือ มะเร็งตับ โดยมีอุบัติการณ์ของโรคประมาณ 33.4 ต่อประชากร 1 แสนคน รองลงมาคือมะเร็งปอด 20.6 ต่อประชากร 1 แสนคน มะเร็งลำไส้ใหญ่ 5.2 ต่อประชากร 1 แสนคน สำหรับในเพศหญิงพบโรคมะเร็งมากเป็นอันดับ 1 คือ มะเร็งปากมดลูก 24.7 ต่อประชากร 1 แสนคน
จากการรายงานอุบัติการณ์โรคมะเร็งประชากรจังหวัดอุดรธานี พบว่าอุบัติการณ์ของการเกิดโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดีในเพศชาย ประมาณ 113.4 ต่อประชากร 1 แสนคน และในเพศหญิง 49.8 ต่อประชากร 1 แสนคน ดังนั้นจะเห็นได้ว่า โรคมะเร็งตับ และท่อน้ำดีเป็นโรคร้ายที่คุกคามชีวิตของประชากรไทย พบมากในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ จึงมีความจำเป็นที่กรมการแพทย์โดยศูนย์มะเร็ง อุดรธานี ซึ่งมีภารกิจในบริการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้มาตรฐาน และเป็นเครือข่ายร่วมรักษาโรคมะเร็งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้จัดการประชุมดังกล่าวขึ้น
เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้วิทยาการเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านโรคมะเร็งตับ และท่อน้ำดีให้แก่บุคลากรทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขจำนวน 300 คน ให้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานด้านการวางแผนป้องกันและควบคุม พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายในการศึกษาวิจัย พัฒนา และถ่ายทอดการรักษาโรคมะเร็งให้มีประสิทธิภาพและมาตรฐาน
รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดีได้แก่ โรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี พยาธิใบไม้ในตับ สารเคมีต่างๆ สารพิษที่เกิดจากเชื้อรา อาหารหมักดอง การดื่มสุรา จะทำให้เกิดอาการเบื่ออาหาร แน่นท้อง ท้องผูก อ่อนเพลีย น้ำหนักลด มีไข้ต่ำ ปวดหรือเสียชายโครงด้านขวา อาจคลำก้อนได้ ตัวเหลือง ตากเหลืองท้องโตและบวมบริเวณขาทั้งสองข้าง โดยมีวิธีการรักษาหลายวิธี คือ การผ่าตัด การใช้ยาเคมี และการฉายแสง
สำหรับวิธีการที่ดีที่สุดการป้องกันการเกิดโรคโดยการให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบีในเด็กแรกเกิดทุกคน ไม่รับประทานอาหารสุกๆดิบๆ โดยเฉพาะปลาน้ำจืดดิบ เพื่อป้องกันการติดพยาธิใบไม้ตับ เลี่ยงอาหารที่มีสารก่อมะเร็งได้แก่ อาหารที่มีราขึ้นหรือใส่ดินประสิว อาหารหมักดอง งดสูบบุหรี่ งดดื่มสุรา
รวมถึงลดความเครียด และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีโรคตับเรื้อรังหรือมีประวัติเป็นโรคตับอักเสบ ควรได้รับการตรวจหามะเร็งอย่างสม่ำเสมอ