วช. เตรียมจัด Thailand Research Expo 2008 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ 12-16 ก.ย.นี้ รวบรวมผลงานวิจัยหลากหลายประเภท จากทั่วทุกภูมิภาคกว่า 600 ผลงาน มาเผยแพร่ความรู้ สู่ประชาชนและให้ผู้ประกอบการมองเห็นช่องทางการลงทุนใหม่ๆ พร้อมโชว์รถยนต์ต้นแบบ ใช้พลังงานไฮโดรเจนคันแรกของไทย ที่เตรียมต่อยอดผลิตใช้จริงในอนาคต
เมื่อวันที่ 2 ก.ย.51 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) แถลงข่าวการจัดงานการนำเสนอผลงานวิจัยแห่งชาติ 2551 (Thailand Research Expo 2008) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 12-16 ก.ย.51 ณ ห้องบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ (ชั้น 22) ศูนย์ประชุมบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ เพื่อเผยแพร่งานวิจัยอันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติสู่ประชาชนทั่วไป และเปิดโอกาสให้นักวิจัยได้ประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อพัฒนางานวิจัยต่อไปในอนาคต ซึ่งมีสื่อมวลชนหลายแขนงให้ความสนใจมาร่วมงาน รวมทั้งผู้จัดการวิทยาศาสตร์ด้วย
ศ.ดร.อานนท์ บุณยะรัตเวช เลขาธิการ วช. กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นการเปิดกว้าง ให้นักวิจัยจากหลากหลายหน่วยงานของประเทศได้เข้าร่วมงาน พร้อมทั้งนำเสนอผลงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ โดยการจัดงานดังกล่าวมีขึ้นครั้งแรกในปี 2549 อันเป็นปีมหามงคล เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองศิริราชสมบัติครบ 60 ปี
ส่วนในปีนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ของการจัดงานดังกล่าว ซึ่งเน้นประเด็นในเรื่องการบริหารจัดการผลงานวิจัย ผ่านกระบวนการสร้างความเชื่อมโยง การรวมกลุ่มระหว่างองค์กรในระบบวิจัย เพื่อให้มีทิศทางของการวิจัยที่สอดคล้องต่อนโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัยของประเทศ ที่จะนำไปสู่กระบวนการบริหารจัดการผลงานวิจัย ด้วยการผลักดันให้นำผลงานวิจัยไปต่อยอดขยายผลต่อไปในวงกว้าง
"การนำเสนอผลงานวิจัย ไม่ได้มีการแยกประเภท ว่างานวิจัยเรื่องไหนสำคัญมาก เรื่องไหนสำคัญน้อย แต่เปิดโอกาสให้กับงานวิจัยหลากหลายประเภท อาจเรียกได้ว่า มีตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ เพราะการพัฒนาประเทศ ต้องใช้องค์ความรู้หลากหลาย แม้เป็นงานวิจัยเรื่องเล็กๆ ก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน" ศ.ดร.อานนท์กล่าว
"ซึ่งในงานนี้นอกจากจะเป็นการเผยแพร่ความรู้ด้านวิชาการแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการมองเห็นช่องทางการลงทุนใหม่ๆ ด้วย" ศ.ดร.อานนท์ กล่าว และยกตัวอย่างผลงานวิจัยที่น่าสนใจและเตรียมนำเสนอภายในงาน จากทั้งหมดกว่า 600 ผลงาน ของทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจากทุกภูมิภาค
ผลงานที่จะนำมาแสดงในครั้งนี้ อาทิ ข้าวกล้องหอมมะลิหุงสุกเร็ว, พันธุ์ข้าว เทคโนโลยีการผลิต และการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์, การเลี้ยงผึ้งจิ๋ว (ญี่ปุ่น), การพัฒนาผู้ประกอบการตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง, รถยนต์ต้นแบบพลังงานไฮโดรเจน และต้นแบบเซลล์เชื้อเพลิงชนิด PEMFC, ระบบติดตามเด็กพลัดหลงโดยใช้ RFID และผลงานของหน่วยปฏิบัติการวิจัยอุปกรณ์รับรู้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น ตลอดจนการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับงานวิจัย และประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจ หรือประเด็นสำคัญของประเทศที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนอีกกว่า 90 หัวเรื่อง
"ข้าวกล้องหุงสุกเร็ว เป็นงานวิจัยที่จะช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพดีขึ้นได้ เพราะปัจจุบันข้าวกล้องไม่ค่อยเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เนื่องจากสีอาจไม่น่ารับประทาน และต้องใช้เวลาหุงนานกว่าข้าวขัดสี แต่ข้าวที่ขัดสีแล้วจะสูญเสียวิตามินและไฟเบอร์ไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้บริโภคขาดวิตามิน รวมถึงการได้รับแป้งจากข้าวขัดสีในปริมาณ จนเป็นสาเหตุของเบาหวานได้ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันคนไทยเป็นเบาหวานกันมากอย่างน่าเป็นห่วง" ศ.ดร.อานนท์ อธิบาย
"ส่วนรถยนต์ต้นแบบ ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน ก็เป็นอีกผลงานหนึ่งที่น่าภาคภูมิใจมาก เพราะเป็นฝีมือของคนไทยเอง และมีความเป็นไปได้ที่จะนำมาใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ ในอนาคต ซึ่งขณะนี้ วช. เตรียมสนับสนุนวิจัยต่อยอดเกี่ยวกับการใช้พลังงานไฮโดรเจนและเซลล์เชื้อเพลิงในรถยนต์ 4 ที่นั่ง และรถบัสโดยสารขนาด 20 ที่นั่ง รวมถึงงานวิจัยการแยกไฮโดรเจนออกจากน้ำโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งไม่แน่ว่าต่อไปในอนาคต ทั้งรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน และสถานีเติมไฮโดรเจนอาจมีอยู่ในทุกครัวเรือนก็เป็นได้" ศ.ดร.อานนท์ กล่าวพร้อมกับคาดการณ์อนาคต
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ด้วยรูปแบบการฉายภาพม่านน้ำ และเทคนิคพิเศษ 3 มิติ ผสมผสานกับเทคโนโลยีมัลติมีเดีย โดยกิจกรรมไฮไลต์ของงานในปีนี้คือ หอแห่งภูมิปัญญา ซึ่งเป็นนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ และนำเสนอเทคนิคการวิจัยด้วยแบบจำลองที่ช่วยให้ประชาชนเข้าใจและเข้าถึงได้ง่ายโดยไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัว
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมนิทรรศการและผลงานวิจัย สามารถเข้าชมงานได้ในวันที่ 12-16 ก.ย. 2551 ตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. ณ ห้องบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ (ชั้น 22) ศูนย์ประชุมบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ โทร. 0-2561-2445, 0-2579-1370-9 .
