ต้อนรับเด็กโอลิมปิกวิชาการอบอุ่น ปีนี้คว้าทองมากสุดในประวัติศาสตร์

ต้อนรับขุนพล "โอลิมปิกวิชาการ" กลับบ้านอบอุ่น หลังสู้ศึกจนคว้าเหรียญรางวัลกลับมากันทุกคน และยังเป็นปีที่คว้าเหรียญทองได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ไทยร่วมแข่ง วิชา "คณิต-คอม" สำเร็จเกินคาด ได้คะแนนสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก นักเรียนโอลิมปิกเผยจะมุ่งมั่นทำหน้าที่ของเยาวชนอย่างดีที่สุด พร้อมนำความรู้ กลับมาพัฒนาประเทศในอนาคต

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดงานแถลงข่าว ผลการแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี 2551 และงานเลี้ยงรับคณะผู้แทนประเทศไทยฯ ในโครงการจัดส่งผู้แทนประเทศไทย ไปแข่งขันคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์ โอลิมปิกระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 27 ส.ค.51 ที่ผ่านมา ณ ห้องอโนมาแกรนด์บอลรูม โรงแรมอโนมา โดยมีนายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช.กระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธี พร้อมมอบเข็มที่ระลึก แก่นักเรียนทุกคนที่ไปร่วมแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ

บรรยากาศภายในงาน ซึ่งผู้จัดการวิทยาศาสตร์ได้ร่วมอยู่ด้วยนั้น เป็นไปอย่างอบอุ่น นอกจากคณะผู้บริหารของ สสวท. และ มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.)  แล้วยังมีคณาจารย์ผู้ดูแลทีมนักเรียนที่ไปแข่งขัน ตลอดจนพ่อแม่ผู้ปกครอง และคณะครูอาจารย์จากโรงเรียนต้นสังกัด มาร่วมแสดงความยินดีกับเหล่านักเรียน ที่เป็นผู้แทนของประเทศไทยไ ปแข่งขันโอลิมปิกวิชาการและได้เหรียญรางวัลกลับมากันทุกคน

รวมทั้งหมด 23 คน โดยมีทั้งสิ้น 5 สาขาวิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ 6 คน, คอมพิวเตอร์ 4 คน, เคมี 4 คน, ชีววิทยา 4 คน และฟิสิกส์ 5 คน

หลังจากที่นักเรียน ผู้แทนประเทศไทย เข้ารับเข็มที่ระลึกและรับมอบรางวัลจากบริษัท ซี พี อินเตอร์ เทรด จำกัด เรียบร้อยแล้ว ผู้แทนประเทศไทยแต่ละสาขาวิชาก็ผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนกันเล่าประสบการณ์ จากการเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทุกคนก็ได้รับประสบการณ์ที่ดีและน่าจดจำ ได้ความรู้จากการแข่งขัน ได้เพื่อนรู้จักเพื่อนใหม่ที่อยู่ต่างแดน ได้ชมภูมิทัศน์ที่สวยงามแปลกตา และที่สำคัญคือทุกคนได้เรียนรู้ความสามัคคีในหมู่คณะ

นายคามิน ศิริวัฒน์เวชกุล โรงเรียนมหิดลวิทยาวิทยานุสรณ์ เยาวชนไทยที่ได้เหรียญเงิน จากการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิก ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เผยประสบการณ์ที่ได้รับ จากประเทศเวียดนามอีกอย่างหนึ่งว่า ประชาชนชาวเวียดนาม เขาคิดว่าไม่ได้เกิดมา แล้วมีทุกอย่างเพียบพร้อม เหมือนประเทศไทย ที่มีแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ ปลูกข้าวได้งอกงาม

"ชาวเวียดนามส่วนใหญ่ยากจน และต้องทำงานด้วยความอดทนอย่างมาก และเขาก็รู้สึกอิจฉาประเทศไทยที่มีแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ แต่ชาวเวียดนามก็อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมคนไทยถึงไม่สามัคคีกัน" นายคามินกล่าว

นอกจากนี้ ด.ช.พศิน มนูรังษี โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย เหรียญทองคณิตศาสตร์โอลิมปิก, นายภาณุพงศ์ ภาสุภัทร โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ซึ่งได้เหรียญทองคอมพิวเตอร์โอลิมปิก และนายธนา ทองศรีคำ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เหรียญทองชีววิทยาโอลิมปิก ได้เป็นตัวแทนของเพื่อนๆ กล่าวขอบคุณทุกๆ ท่านที่มีส่วนช่วยผลักดัน ให้ทุกคนประสบความสำเร็จในระดับนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักเรียนโอลิมปิกทุกค นรู้สึกซาบซึ้ง ในพระมหากรุณาธิคุณ ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ทรงก่อตั้ง สอวน. ขึ้นมา และยังบอกว่า พวกเขาเป็นหนี้บุญคุณประเทศไทย พร้อมกับยืนยันหนักแน่นว่าจะทำหน้าที่ของเยาวชนอย่างดีที่สุดและตั้งใจเรียนหนังสือ เพื่อว่าจะนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต

น.ส.นารี วงศ์สิโรจน์กุล รักษาการแทน ผอ.สสวท. ให้สัมภาษณ์กับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า ผู้แทนของประเทศไทย ที่เข้าแข่งขันโอลิมปิกวิชาการในปีนี้ นับว่าประสบความสำเร็จกันอย่างมาก ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นักเรียนจากประเทศไทยสามารถคว้าเหรียญรางวัลกับมาได้กันทุกคน และปีนี้ยังคว้าเหรียญทองได้มากที่สุดอีกด้วย โดยได้เหรียญทอง 11 เหรียญ, เหรียญเงิน 10 เหรียญ และเหรียญทองแดง 2 เหรียญ

อีกทั้ง ที่ประสบความสำเร็จเกินคาดหมาย คือ คณิตศาสตร์โอลิมปิกและคอมพิวเตอร์โอลิมปิก ซึ่งผู้แทนจากประเทศไทยในสาขาคณิตศาสตร์ สามารถทำคะแนนรวมกันได้ สูงที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับหลายประเทศ

เพราะส่วนใหญ่ประเทศที่ได้คะแนนสูงติดอันดับต้นๆ มักได้แก่ สหรัฐฯ รัสเซีย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และยุโรป แต่มีประเทศไทย ที่เป็นม้ามืด ติดอันดับเข้ามาด้วย

ส่วนคอมพิวเตอร์โอลิมปิก ตัวแทนของประเทศไทย ก็สามารถคว้าเหรียญทองได้ ด้วยคะแนนมากเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยนายภาณุพงศ์ ภาสุภัทร จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก กว่าปีที่ผ่านๆ มา

รักษาการแทน ผอ.สสวท. ยังบอกอีกว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้ประสบผลสำเร็จขนาดนี้  เนื่องจากว่าเด็กนักเรียนที่เป็นผู้แทนของไทย มีความสามารถ มีความรับผิดชอบสูง และไม่เครียดระหว่างการแข่งขันเหมือนเด็กที่มาจากบางประเทศ ซึ่งถ้าเด็กของเราไม่เครียด ก็มีแนวโน้มว่าจะได้เหรียญทองแดงแล้วอย่างแน่นอน และหวังว่าในปีต่อๆ ไป เด็กไทยจะสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา.