ประชาชนสนใจร่วมงาน "ทีเซลส์เดย์" เนืองแน่น แห่รับแจกครีมหน้าขาวยางพารา 2 ชั่วโมงเกลี้ยง 2,000 กระปุก ที่เหลือต้องลงทะเบียนจองอีกนับพัน ทีเซลส์หวังดันครีมยางพาราโกอินเตอร์ โกยส่วนแบ่งตลาดกับครีมหน้าขาวจากต่างชาติ ด้านชีววิทยาศาสตร์การแพทย์ประชาชนก็ให้ความสนใจไม่น้อย ทั้งตรวจยีน ตรวจความชรา และตรวจประสิทธิภาพสมอง
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย (ทีเซลส์) จัดงาน "ทีเซลส์เดย์" (TCELS Day) รวมสุดยอดนวัตกรรมด้านชีววิทยาศาสตร์เพื่อเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน ระหว่างวันที่ 28-30 พ.ค.51 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมจัดแสดงกว่า 10 องค์กร และการบรรยายพิเศษจากนักวิชาการหลายท่าน
ผู้จัดการวิทยาศาสตร์สำรวจบรรยากาศในวันแรกของงาน (28 พ.ค.) ก็มีประชาชนสนใจมาร่วมงานกันอย่างเนืองแน่น หวังรับตัวอย่างครีมหน้าขาวจากยางพาราทดลองใช้ฟรี เพียงแค่ 2 ชั่วโมงแรก หมดไปกว่า 2,000 กระปุก
นายกำจร พลางกูร รอง ผอ.ทีเซลส์ เปิดเผยว่า การจัดงานทีเซลส์เดย์ในครั้งนี้ ก็เพื่อเผยแพร่ความรู้และความก้าวหน้าทางด้านชีววิทยาศาสตร์ ให้ประชาชนได้ระวัง และตระหนักถึงเรื่องสุขภาพของตนเอง
ตลอดจนรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นที่สามารถช่วยให้เราใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขภาพดีได้ เช่น เรื่องของพันธุศาสตร์ที่ปัจจุบันสามารถตรวจพันธุกรรมเพื่อประเมินความเสี่ยงต่อโรค หาวิธีรักษา หรือการแพ้ยาที่เป็นผลมาจากยีน การบริหารสมอง การตรวจอายุรวัฒน์ เป็นต้น
"บทบาทของทีเซลส์คือสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาธุรกิจ และอุตสาหกรรมทางด้านชีววิทยาศาสตร์ในประเทศไทย ทำอย่างไรให้ผลงานวิจัยในประเทศสามารถแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศได้ และช่วยลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศได้ด้วย โดยเน้นทางด้านการแพทย์และสุขภาพเป็นหลัก" นายกำจรให้สัมภาษณ์ต่อผู้จัดการวิทยาศาสตร์ และบอกต่อว่าในงานทีเซลส์เดย์นี้ มีหน่วยงานและองค์กรจากภาครัฐและเอกชนมาร่วมกว่า 30 องค์กร
ครีมหน้าขาวจากยางพารา ดูเหมือนเป็นไฮไลต์ของทีเซลส์เดย์เลยก็ว่าได้ เพราะยกมาประชาสัมพันธ์ ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์การจัดงานนี้ ว่าภายในงานจะมีการแจกตัวอย่างครีมให้ทดลองนำไปใช้ฟรี ซึ่งแค่วันแรกประชาชนต่างให้ความสนใจมาร่วมงานและพุ่งเป้ามาที่ครีมหน้าขาวยางพารากันเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ก็ได้สอบถามไปยัง รอง ผอ.คนเดิมได้ความว่า ทางทีเซลส์กำหนดไว้ว่า จะแจกครีมหน้าขาวจากยางพาราวันละ 1,000 กระปุก แต่แค่วันแรกก็หมดไปแล้วกว่า 2,000 กระปุก ภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ตั้งแต่เปิดงาน จึงต้องระงับการแจกชั่วคราว และเปิดให้ผู้ที่พลาดโอกาสได้ลงทะเบียนไว้ก่อนแล้วจะจัดส่งตามไปให้ทีหลัง
อีกทั้งผู้จัดการวิทยาศาสตร์สังเกตเห็นว่า ประชาชนต่างคาดหวังว่า จะได้ทดลองใช้ครีมหน้าขาวดังกล่าวเป็นจำนวนมาก คาดว่ามีผู้ที่ลงทะเบียนไว้ไม่ต่ำกว่าจำนวนผู้ที่ได้รับแจกไปแล้วอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่มีการผลิตครีมหน้าขาวจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยนายกำจรเผยว่า ทางทีเซลส์และนักวิจัย พร้อมที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยี ให้กับเอกชนที่สนใจ ซึ่งก็มีติดต่อเข้ามาหลายรายแล้ว
ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ถามต่อไปว่า ครีมหน้าขาวจากยางพาราคือจุดขายของการจัดงานทีเซลส์เดย์ในครั้งนี้หรือไม่ และจะยิ่งเป็นการสร้างค่านิยมความขาวให้กับสังคมเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งนายกำจรบอกว่าเป็นความบังเอิญมากกว่า ที่การวิจัยและพัฒนาเรื่องดังกล่าวประสบผลสำเร็จในช่วงนี้พอดี และถึงจะไม่มีผลิตภัณฑ์นี้ออกมา ค่านิยมดังกล่าวก็มีอยู่แล้ว และส่วนใหญ่ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศแทบทั้งสิ้น
"ตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ให้ขาวเนียนยังเปิดกว้าง และมีช่องว่างให้เราเข้าไปได้ ถ้าคนใช้แล้วได้ผลดีจริง ก็สามารถทำตลาดได้ โดยเรามองว่าจะทำอย่างไรให้เกิดอุตสาหกรรมและใช้วัตถุดิบที่มีในประเทศได้ เพราะครีมหน้าขาวส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ แต่ถ้าเราสามารถผลิตเองได้ ไทยก็จะได้ส่วนแบ่งจากตลาดนี้บ้าง และอาจส่งออกต่างประเทศก็ได้" นายกำจรเผย
นอกจากครีมหน้าขาวจากยางพาราแล้ว ภายในงานก็ยังมีเทคโนโลยีทางชีววิทยาศาสตร์ทางด้านการแพทย์ และสุขภาพที่น่าสนใจอีกมาก เช่น สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ที่นำทีมโดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันฯ ที่มาให้บริการตรวจความชราด้วยตนเองในเบื้องต้น
ส่วนขั้นตอนการตรวจคือ ให้ผู้เข้ารับการตรวจทำแบบสอบถามด้วยตนเอง จากนั้นคุณหมอก็จะประเมินสัญญาณความชราจากแบบสอบถามนั้นพร้อมให้คำแนะนำต่างๆ เพื่อชะลอความชรา ซึ่งอาจทำให้เรารู้ว่าแท้จริงแล้วร่างกายของเรานั้นแก่กว่าอายุจริงเสียอีก
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยเภสัชพันธุศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลราชานุกูล ก็มาร่วมจัดแสดงเพื่อเผยแพร่ความรู้ทางด้านเภสัชพันธุศาสตร์ ที่มีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจวิเคราะห์ดีเอ็นเอ เพื่อบ่งบอกว่าบุคคลผู้นี้แพ้ยาอะไรบ้างหรือไม่ เมื่อป่วยเป็นโรคแล้วจะสามารถใช้ยาอะไรได้บ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ยาบางชนิด ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ และการรักษาเป็นผลมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยโรคเอดส์ที่ต้องใช้ยาเป็นจำนวนมาก และมีปัญหาการแพ้ยาเป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งการตรวจดีเอ็นเอนี้ก็สามารถประเมินความเสี่ยงต่อโรคบางชนิดได้ด้วย ซึ่งจะช่วยให้เราเตรียมตัวป้องกันได้ล่วงหน้า
มูลนิธิโรคอัลไซเมอร์แห่งประเทศไทยและภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็มาร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับสมองและความจำ พร้อมกับมีแบบทดสอบประสิทธิภาพสมองและความจำอย่างง่ายให้ทดลองทำกันด้วย โดยเฉพาะผู้ที่มีความบกพร่องของสมองในด้านต่างๆ เช่น ภาษา ความจำ การคิดและจินตนาการ เป็นต้น เพื่อหาวิธีบำบัดและฟื้นฟู
ด้านสภากาชาดไทยก็มาร่วมให้บริการรับสมัครอาสาสมัครขึ้นทะเบียนเป็นผู้บริจาคสเต็มเซลล์จากเลือด โดยเจ้าหน้าที่ของสภากาชาด จะเจาะเลือดของผู้ที่ต้องการขึ้นทะเบียนเป็นอาสาสมัครปริมาณ 20 มิลลิลิตร เพื่อนำไปตรวจหาลักษณะของเนื้อเยื่อเม็ดโลหิตขาว (HLA) และบันทึกเก็บไว้เป็นข้อมูล จนกระทั่งมีผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวกับเลือดที่มีเนื่อเยื่อดังกล่าวตรงกับของอาสาสมัครจึงรับบริจาคในตอนนั้น ซึ่งใครสนใจจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยวิธีนี้ก็สามารถมาบริจาคได้ทีบูธของสภากาชาดไทยในงานนี้ หรือติดต่อที่สภากาชาดไทยก็ได้ ซึ่งขณะนี้มีผู้ขึ้นทะเบียนเป็นอาสาสมัครแล้วราว 20,000 คน แต่มีเพียง 20 คนเท่านั้นที่มีเอชแอลเอตรงกับของผู้ป่วย
ส่วนที่บูธขององค์การเภสัชกรรม ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้ครีมหน้าขาวจากยางพารา เนื่องจากทางองค์การเภสัชกรรมนำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่คิดค้นและพัฒนาขึ้นเองมาจัดแสดงพร้อมกับมีตัวอย่างแจกฟรีไปให้ทดลองใช้กัน พร้อมมีผลิตภัณฑ์มาจำหน่ายในราคาพิเศษอีกด้วย
นอกจากนี้ก็ยังมีหน่วยงานอื่นๆ รวมทั้งบริษัทเอกชนอีกมากมายมาร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมของตนเอง เช่น อุปกรณ์การแพทย์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บริการตรวจสุขภาพประเภทต่างๆ เป็นต้น.
