หลังจากไทยพบความมหัศจรรย์กับน้ำยางพาราที่สามารถนำมาทำครีมหน้าขาวครั้งแรกในโลก พร้อมจดเป็นสิทธิบัตรไป 6 ประเทศ พอจะทำให้ผู้ผลิตยางพาราบ้านเรายิ้มได้ เพราะวิทยาการใหม่ทำให้เกษตรกรสามารถขายน้ำยางได้ดี และผู้ผลิตเครื่องสำอางก็มีโอกาสลดต้นทุนการซื้อสารไวท์เทนิ่งจากต่างประเทศได้ทางหนึ่งด้วย
สำหรับเรื่องนี้ นพ.ธงชัย ทวิชาชาติ ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย(TCELS) หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนการทำงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสงขลานครินท์ ทดสอบโดยมหาวิทยาลัยหัวเฉียว และส่งผลวิจัยโดยมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า นวัตกรรมใหม่ชิ้นนี้จะเผยแพร่ให้ประชาชนรับรู้อย่างกว้างขวางในงาน TCELS Day “ชีววิทยาศาสตร์ ชีวิตคุณภาพ” ปลายเดือนพฤษภาคมนี้
“ได้บรรจุโครงการครีมหน้าขาวจากน้ำยางพาราไว้เป็นโครงการที่สำคัญ จุดเด่นของโครงการนี้คือ เป็นการสกัดจากน้ำยางพาราที่หาได้ง่ายและมีราคาถูก ซึ่งแก้ปัญหาที่ต้นทางคือยับยั้งการขนถ่ายเม็ดสีขึ้นสู่ผิวหนัง เราจะแจกที่ทีเซลส์เดย์นี้ 5,000 ตลับ ทั้งหมดทำให้ฟรี ให้รู้ว่ามีทีเซลล์แล้วประชาชนได้อะไร” นพ.ธงชัยกล่าว
** พันธุกรรม ห่วงโซ่ที่ควรรู้
แต่หัวข้อสำคัญของงาน TCELS Day ที่จะเป็นไฮไลท์คือระบบการรักษาในระดับพันธุกรรม ที่จะเน้นที่ห่วงโซ่คุณค่าของพันธุกรรมมาแสดงให้เห็นว่ามีความสำคัญอย่างไร การค้นพบระบบพันธุกรรมของคนไทย ไปจนกระทั่งการใช้ระบบยีนรักษาเฉพาะบุคคลซึ่งเป็นการรักษาแนวใหม่เพื่อการตรวจวินิจฉัยโรคอย่างแม่นยำนำไปสู่การรักษาที่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งแพทย์จะต้องรับรู้และศึกษาระบบนี้อย่างจริงจัง เพื่อที่จะนำระบบนี้เข้าไปอยู่ในระบบการดูแลรักษาพยาบาลอย่างกว้างขวาง
“อยากให้คนทั่วไปตื่นตัวและรับรู้ว่ามีการรักษาระดับยีนซึ่งมีอยู่แล้วแต่ไม่มาก และไม่ได้รับการกระตุ้นเท่าที่ควร แต่ถ้าได้รับการแพร่หลายก็จะประหยัดเงิน เพราะการรักษาด้วยยาตัวเดียวกันในแต่ละคนจะได้ผลต่างกันเนื่องจากรายละเอียดยีนต่างกันทำให้การสนองตอบต่อยาไม่เหมือนกัน แต่การตรวจเจาะทางยีนจะให้ผลแม่นยำถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และการรักษาที่ทันท่วงทีก็จะทำให้อาการป่วยหายขาดได้”
ผอ.ทีเซลส์ กล่าวยกตัวอย่างโรคบางโรคที่มีการตรวจระดับยีนและเป็นที่รู้จักบ้างแล้ว เช่น มะเร็งเต้านม ซึ่งคนต่างชาตินิยมตรวจยีนและเป็นกันมาก แต่สำหรับเมืองไทยอาจจะไม่ต้องตรวจกันทุกคน แต่หากคนที่มีประวัติแม่ ป้า หรือญาติๆเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อนขอแนะนำว่าจะต้องตรวจ เพราะการตรวจยีนหรือพันธุกรรมจะระบุได้ว่าคุณมีโอกาสเป็นมะเร็งกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผลที่ออกมารับรองว่าแม่นยำแน่นอน ไม่ต่างอะไรกับการไปหาหมอดู แต่ที่ต่างก็คือการทำนายฟันธงได้ว่า คุณมีโอกาสเป็นโรคอะไร กี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษา
“ถ้าเป็นผมผมจะตรวจ เพราะเราจะได้หาวิธีอื่นให้ปลอดภัย มันเป็นความรู้สมัยใหม่ แหม! ทีไปหาหมอดูเขาทักก็ยังเชื่อ ย้ายบ้านก็ยอม การตรวจยืนก็ตรวจครั้งเดียวรู้ผลเลย ตรวจเฉพาะจุดถ้าเราสงสัยว่าจะเป็นโรคอะไรก็ไปตรวจหา แต่ที่สำคัญของคนทุกวันนี้คือไม่รู้แหล่ง หน่วยงานที่จะตรวจก็มีพอสมควร โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย และหน่วยงานเอกชน ถ้าใครสนใจโทรหาเราเดี๋ยวเราจะติดต่อให้ ซึ่งในงานก็มีแหล่งมาให้ติดต่อ” นพ.ธงชัย กล่าว
** ความงาม ยา อาหาร ที่แท้ก็พี่น้อง
อีกเรื่องที่เห็นจะเป็นที่นิยมในทุกวันนี้ก็คงหนีไม่พ้น “สปา” ที่สงครามราคาและกระแสโฆษณาทำให้หลายแห่งบอบช้ำ ซึ่งทีเซลล์มองว่าต่อไปกระแสสปาจะซาลงเพราะดูเหมือนไม่มีอะไรใหม่ ดังนั้นสิ่งที่จะปลุกให้อุตสาหกรรมนี้กระเตื้องขึ้น และสร้างประโยชน์ได้มากกว่าการเป็นสถานความงามทั่วไปก็ทำให้เป็น Medical Spa โดยใช้แสงแดดซึ่งเป็นข้อเด่นของไทยให้เป็นประโยชน์ สปาที่ไม่ได้เป็นแค่สปา แต่จะถูกเรียกว่าการรักษาแบบ ไคลเมโทเทอราปี ซึ่งทีเซลล์มองว่าหากมีการวัดค่าแสงแดด ทำการวิจัยยูวีอินเดกซ์ออกมา รวมถึงคิดระบบการรักษาใหม่จะทำให้ลูกค้าต่างประเทศแห่เข้ามารักษาโรคผิวหนังอย่างโรคสะเก็ดเงินที่คนยุโรปเป็นกันมากถึง 3 เปอร์เซ็นต์ที่บ้านเราได้อีกโข
นอกจากนี้สิ่งจำเป็นจะต้องทำเพิ่มเติมคือการนำแอนติเอจจิ้งมาใส่ในสปานอกเหนือจากนวด อบเซาน่า ซึ่งต่างประเทศมีโปรแกรมที่คล้ายกันเพียงแต่มีแบบสอบถาม เพศ อายุ ระดับคลอเลสเตอรอล ตรวจเลือด จากนั้นตรวจยีน สอบถามอุปนิสัย อาชีพ และไลฟ์สไตล์ จากนั้นก็จะมีผลทำนายแม่นๆ ออกมาว่าคุณเสี่ยงต่อการเป็นโรคอะไร และมันจะเกิดขึ้นแน่นอนภายในระยะเวลาเท่าใด หากไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จากนั้นก็จะมีแนวทางการปฏิบัติตัวเพื่อให้คำแนะนำ เป็นการเอาความงามเข้ามาผสมกับการแพทย์ และในรายละเอียดก็จะมีอาหาร และยาเข้าไปด้วย เรียกได้ว่าเป็นการชะลอความชราได้ดีทีเดียว
คงเรียกได้ว่างาน TCELS Day เป็นเหมือนประตูที่เปิดกว้างความรู้ ทั้งวัฒนาการรักษาใหม่ๆ และการขยายช่องทางการลงทุนทางธุรกิจสำหรับผู้สนใจ เพราะนี่คือการเปิดกล่องของดีๆ ที่กระจัดกระจายในเมืองไทยมีให้มาร่วมทุน ซึ่งขีดความสามารถการวิจัยขั้นสุดท้ายก่อนทำมาขายของไทยทำได้แล้วระดับโลก และสามารถสู้นานาชาติได้ไม่ยากเพียงแต่ต้องมีหน่วยงานที่ช่วยผลักดัน ซึ่งทีเซลล์ก็ทำหน้าที่นั้นอยู่อย่างเต็มสามารถ
“ผมไม่ต้องการแสดงว่าเราเก่ง แต่อยากให้ประชาชนได้รับรู้ว่ามีองค์กรแบบเราอยู่ การจัดงานครั้งนี้เป็นการตั้งโจทย์ว่าประชาชนได้อะไร ไม่ได้ตั้งเพื่อแสดงผลงานทีเซลส์ แต่เพื่อให้รู้ว่าเราตั้งมา 3 ปีกว่าประชาชนได้อะไรก็นำเสนอประชาชน ทั้งของ นวัตกรรม อยากให้ประชาชนได้สัมผัส มอบสิ่งที่ทีเซลล์ทำมาทั้งหมดให้ประชาชน ทั้งองค์ความรู้ ทั้งผลิตภัณฑ์ บริการ” นพ.ธงชัยกล่าวทิ้งท้าย
** งาน TCELS Day “ชีววิทยาศาสตร์ ชีวิตคุณภาพ” จะจัดในวันที่ 28-30 พ.ค. 51 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สนใจร่วมฟังบรรยายติดต่อสอบถามและลงทะเบียนได้ที่ 0-2644-5499, www.tcels.or.th
สำหรับเรื่องนี้ นพ.ธงชัย ทวิชาชาติ ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย(TCELS) หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนการทำงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสงขลานครินท์ ทดสอบโดยมหาวิทยาลัยหัวเฉียว และส่งผลวิจัยโดยมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า นวัตกรรมใหม่ชิ้นนี้จะเผยแพร่ให้ประชาชนรับรู้อย่างกว้างขวางในงาน TCELS Day “ชีววิทยาศาสตร์ ชีวิตคุณภาพ” ปลายเดือนพฤษภาคมนี้
“ได้บรรจุโครงการครีมหน้าขาวจากน้ำยางพาราไว้เป็นโครงการที่สำคัญ จุดเด่นของโครงการนี้คือ เป็นการสกัดจากน้ำยางพาราที่หาได้ง่ายและมีราคาถูก ซึ่งแก้ปัญหาที่ต้นทางคือยับยั้งการขนถ่ายเม็ดสีขึ้นสู่ผิวหนัง เราจะแจกที่ทีเซลส์เดย์นี้ 5,000 ตลับ ทั้งหมดทำให้ฟรี ให้รู้ว่ามีทีเซลล์แล้วประชาชนได้อะไร” นพ.ธงชัยกล่าว
** พันธุกรรม ห่วงโซ่ที่ควรรู้
แต่หัวข้อสำคัญของงาน TCELS Day ที่จะเป็นไฮไลท์คือระบบการรักษาในระดับพันธุกรรม ที่จะเน้นที่ห่วงโซ่คุณค่าของพันธุกรรมมาแสดงให้เห็นว่ามีความสำคัญอย่างไร การค้นพบระบบพันธุกรรมของคนไทย ไปจนกระทั่งการใช้ระบบยีนรักษาเฉพาะบุคคลซึ่งเป็นการรักษาแนวใหม่เพื่อการตรวจวินิจฉัยโรคอย่างแม่นยำนำไปสู่การรักษาที่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งแพทย์จะต้องรับรู้และศึกษาระบบนี้อย่างจริงจัง เพื่อที่จะนำระบบนี้เข้าไปอยู่ในระบบการดูแลรักษาพยาบาลอย่างกว้างขวาง
“อยากให้คนทั่วไปตื่นตัวและรับรู้ว่ามีการรักษาระดับยีนซึ่งมีอยู่แล้วแต่ไม่มาก และไม่ได้รับการกระตุ้นเท่าที่ควร แต่ถ้าได้รับการแพร่หลายก็จะประหยัดเงิน เพราะการรักษาด้วยยาตัวเดียวกันในแต่ละคนจะได้ผลต่างกันเนื่องจากรายละเอียดยีนต่างกันทำให้การสนองตอบต่อยาไม่เหมือนกัน แต่การตรวจเจาะทางยีนจะให้ผลแม่นยำถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และการรักษาที่ทันท่วงทีก็จะทำให้อาการป่วยหายขาดได้”
ผอ.ทีเซลส์ กล่าวยกตัวอย่างโรคบางโรคที่มีการตรวจระดับยีนและเป็นที่รู้จักบ้างแล้ว เช่น มะเร็งเต้านม ซึ่งคนต่างชาตินิยมตรวจยีนและเป็นกันมาก แต่สำหรับเมืองไทยอาจจะไม่ต้องตรวจกันทุกคน แต่หากคนที่มีประวัติแม่ ป้า หรือญาติๆเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อนขอแนะนำว่าจะต้องตรวจ เพราะการตรวจยีนหรือพันธุกรรมจะระบุได้ว่าคุณมีโอกาสเป็นมะเร็งกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผลที่ออกมารับรองว่าแม่นยำแน่นอน ไม่ต่างอะไรกับการไปหาหมอดู แต่ที่ต่างก็คือการทำนายฟันธงได้ว่า คุณมีโอกาสเป็นโรคอะไร กี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษา
“ถ้าเป็นผมผมจะตรวจ เพราะเราจะได้หาวิธีอื่นให้ปลอดภัย มันเป็นความรู้สมัยใหม่ แหม! ทีไปหาหมอดูเขาทักก็ยังเชื่อ ย้ายบ้านก็ยอม การตรวจยืนก็ตรวจครั้งเดียวรู้ผลเลย ตรวจเฉพาะจุดถ้าเราสงสัยว่าจะเป็นโรคอะไรก็ไปตรวจหา แต่ที่สำคัญของคนทุกวันนี้คือไม่รู้แหล่ง หน่วยงานที่จะตรวจก็มีพอสมควร โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย และหน่วยงานเอกชน ถ้าใครสนใจโทรหาเราเดี๋ยวเราจะติดต่อให้ ซึ่งในงานก็มีแหล่งมาให้ติดต่อ” นพ.ธงชัย กล่าว
** ความงาม ยา อาหาร ที่แท้ก็พี่น้อง
อีกเรื่องที่เห็นจะเป็นที่นิยมในทุกวันนี้ก็คงหนีไม่พ้น “สปา” ที่สงครามราคาและกระแสโฆษณาทำให้หลายแห่งบอบช้ำ ซึ่งทีเซลล์มองว่าต่อไปกระแสสปาจะซาลงเพราะดูเหมือนไม่มีอะไรใหม่ ดังนั้นสิ่งที่จะปลุกให้อุตสาหกรรมนี้กระเตื้องขึ้น และสร้างประโยชน์ได้มากกว่าการเป็นสถานความงามทั่วไปก็ทำให้เป็น Medical Spa โดยใช้แสงแดดซึ่งเป็นข้อเด่นของไทยให้เป็นประโยชน์ สปาที่ไม่ได้เป็นแค่สปา แต่จะถูกเรียกว่าการรักษาแบบ ไคลเมโทเทอราปี ซึ่งทีเซลล์มองว่าหากมีการวัดค่าแสงแดด ทำการวิจัยยูวีอินเดกซ์ออกมา รวมถึงคิดระบบการรักษาใหม่จะทำให้ลูกค้าต่างประเทศแห่เข้ามารักษาโรคผิวหนังอย่างโรคสะเก็ดเงินที่คนยุโรปเป็นกันมากถึง 3 เปอร์เซ็นต์ที่บ้านเราได้อีกโข
นอกจากนี้สิ่งจำเป็นจะต้องทำเพิ่มเติมคือการนำแอนติเอจจิ้งมาใส่ในสปานอกเหนือจากนวด อบเซาน่า ซึ่งต่างประเทศมีโปรแกรมที่คล้ายกันเพียงแต่มีแบบสอบถาม เพศ อายุ ระดับคลอเลสเตอรอล ตรวจเลือด จากนั้นตรวจยีน สอบถามอุปนิสัย อาชีพ และไลฟ์สไตล์ จากนั้นก็จะมีผลทำนายแม่นๆ ออกมาว่าคุณเสี่ยงต่อการเป็นโรคอะไร และมันจะเกิดขึ้นแน่นอนภายในระยะเวลาเท่าใด หากไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จากนั้นก็จะมีแนวทางการปฏิบัติตัวเพื่อให้คำแนะนำ เป็นการเอาความงามเข้ามาผสมกับการแพทย์ และในรายละเอียดก็จะมีอาหาร และยาเข้าไปด้วย เรียกได้ว่าเป็นการชะลอความชราได้ดีทีเดียว
คงเรียกได้ว่างาน TCELS Day เป็นเหมือนประตูที่เปิดกว้างความรู้ ทั้งวัฒนาการรักษาใหม่ๆ และการขยายช่องทางการลงทุนทางธุรกิจสำหรับผู้สนใจ เพราะนี่คือการเปิดกล่องของดีๆ ที่กระจัดกระจายในเมืองไทยมีให้มาร่วมทุน ซึ่งขีดความสามารถการวิจัยขั้นสุดท้ายก่อนทำมาขายของไทยทำได้แล้วระดับโลก และสามารถสู้นานาชาติได้ไม่ยากเพียงแต่ต้องมีหน่วยงานที่ช่วยผลักดัน ซึ่งทีเซลล์ก็ทำหน้าที่นั้นอยู่อย่างเต็มสามารถ
“ผมไม่ต้องการแสดงว่าเราเก่ง แต่อยากให้ประชาชนได้รับรู้ว่ามีองค์กรแบบเราอยู่ การจัดงานครั้งนี้เป็นการตั้งโจทย์ว่าประชาชนได้อะไร ไม่ได้ตั้งเพื่อแสดงผลงานทีเซลส์ แต่เพื่อให้รู้ว่าเราตั้งมา 3 ปีกว่าประชาชนได้อะไรก็นำเสนอประชาชน ทั้งของ นวัตกรรม อยากให้ประชาชนได้สัมผัส มอบสิ่งที่ทีเซลล์ทำมาทั้งหมดให้ประชาชน ทั้งองค์ความรู้ ทั้งผลิตภัณฑ์ บริการ” นพ.ธงชัยกล่าวทิ้งท้าย
** งาน TCELS Day “ชีววิทยาศาสตร์ ชีวิตคุณภาพ” จะจัดในวันที่ 28-30 พ.ค. 51 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สนใจร่วมฟังบรรยายติดต่อสอบถามและลงทะเบียนได้ที่ 0-2644-5499, www.tcels.or.th