วุฒิพงศ์ มอบนโยบายเนื่องในโอกาสครบรอบ 29 ปีของการสถาปนากระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เผยจะเดินหน้าของบปี 52 เพิ่ม ถึงได้ 20,000 ล้านบาทก็ยังไม่พอ แย้มจะจัดตั้งสถาบันพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ส่งต่อ ก.พลังงานนำผลวิจัยไปใช้ประโยชน์ ระบุกลางปีนี้จะมีนิทรรศการขนาดใหญ่โชว์เครื่องมือผลิตพลังงานทดแทนจากนานาชาติ
นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เป็นประธานนำทีมผู้บริหารกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ตลอดจนข้าราชการในสังกัดจัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ครบรอบปีที่ 29 ในวันที่ 24 มี.ค.51 ที่จะถึงนี้ขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 มี.ค.51 ณ ห้องประชุมอาคารเคมีปฏิบัติ กรมวิทยาศาสตร์บริการ ซ.โยธี กรุงเทพฯ
พร้อมกันนี้ เขากล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2552 เขาจะผลักดันงบประมาณในส่วนของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ให้เพิ่มขึ้น จากเบื้องต้นที่คาดว่าจะได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2552 ราว 20,000 ล้านบาท หรือราว 0.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
แต่ยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว อย่างญี่ปุ่นที่ตัวเลขดังกล่าวสูงถึง 3% ของจีดีพี หรือราว 1 ล้านล้านบาท ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านที่คู่คี่กับไทยอย่างมาเลเซียมีงบประมาณดังกล่าวมากถึง 3 เท่าหรือ 0.6% ของจีดีพี
ทั้งนี้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่ากระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นกระทรวงที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณน้อยกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปีมาตลอด โดยปี 2551 ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 8,425 ล้านบาท ปี 2550 ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 9,803 ล้านบาท และในปี 2549 ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 9,995 ล้านบาท
นายวุฒิพงศ์ ให้เหตุผลด้วยว่า งบประมาณที่เพิ่มขึ้นนี้จะใช้เพื่อรองรับยุทธศาสตร์ต่างๆ ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จะคิดริเริ่มให้มีมากขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะการนำผลงานวิจัยนับพันๆ ชิ้นลงไปขยายผลการใช้ประโยชน์ในระดับชุมชน และการส่งเสริมให้คนไทยเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์มากขึ้น
นายวุฒิพงศ์ เผยด้วยว่า เร็วๆ นี้เขายังมีแนวคิดจัดตั้งสถาบันพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทนขึ้นด้วย เพื่อให้ทำวิจัยและส่งต่อผลวิจัยไปขยายผลการใช้งานโดยกระทรวงพลังงาน โดยในเดือนมิถุนายนนี้จะจัดให้มีนิทรรศการแสดงเครื่องมือผลิตพลังงานทดแทนระดับนานาชาติขึ้นด้วย
นอกจากนั้น รมว.วิทยาศาสตร์ฯ เผยอีกว่า นโยบายดังกล่าวจะครอบคลุมไปถึงการจัดตั้งโครงการศูนย์ต้นแบบระบบผลิตเชื้อเพลิงเหลวจากชีวมวลที่ได้ไปดูงาน ณ ประเทศญี่ปุ่นเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีแปรรูปผลิตผลเกษตรและผลิตภัณฑ์จากไม้ขั้นสูง และการวิจัยการปลูกป่าเพื่ออนุรักษ์ระบบนิเวศน์ ซึ่งทั้งหมดยังอยู่ในระยะเริ่มต้นและจะต้องมีการหารือกับคณะที่ปรึกษาในเชิงลึกต่อไป.
