xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นว่าที่เจ้ากระทรวงวิทย์คนใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สบายดีเจ้าค่าแฟนๆ "ซ้อกระซิบ" เอ๊ย! "ไซน์กระซิบ" ทั้งหลาย สัปดาห์นี้ขอเอ่ยคำทักทายแบบชาวลาวกันบ้างเจ้าค่า...ขอเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนๆ ไปบ้าง ให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มย่างเข้าสู่เดือนใหม่ เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ และเตรียมตัวต้อนรับ รมว.วิทย์ คนใหม่ด้วยเจ้าค่า...∞

∞นักข่าวประจำกระทรวงและชาวกระทรวงวิทย์ต่างลุ้นกันตัวโก่งว่า "ทั่นใด" จะได้นั่งเก้าอี้ "รมว.วิทย์" คนใหม่แทน "ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์" ที่ขนข้าวขนของกลับเข้าห้องแล็บไปแล้วอย่างเงียบเชียบ แต่ได้ข่าวมาว่าท่านว่าที่รัฐมนตรีทั้งหลายต่างแย่งเก้าอี้นี้กันเหลือเกิน...ที่แย่งกันนี่ไม่ใช่อะไรหรอกเจ้าค่ะ แค่แย่งกันไม่นั่งเท่านั้นเอง...

ส่วนโผว่าที่ "เจ้ากระทรวงวิทย์คนใหม่" ก็ยังไม่นิ่ง และแม้จะพลิกไปมาระหว่าง "วุฒิพงศ์ ฉายแสง" และ "อนุสรณ์ วงศ์วรรณ" ก็ยังคงวนเวียนอยู่ใน "พลังประชาชน" เหมือนเดิม แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่เข้ามานั่งเก้าอี้นี้ อดีตรัฐมนตรีนักวิทยาศาสตร์ "ดร.ยงยุทธ" ก็ฝากฝังให้สะสาง เอ๊ย! ผลักดันงานต่างๆ ที่ยังค้างคาอยู่ต่อทีเจ้าค่า∞

∞กินอาหารกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแต่หลายคนอาจจะไม่ทราบนิยามของอาหาร ทั้งนี้ในงานสัมมนาว่าด้วยเรื่องมาตรฐานๆ ที่ตึกกรมวิทย์บริการ ดร.ทิพย์วรรณ ปริญญาศิริ ผอ.กองควบคุมอาหาร จาก อย.ได้แถลงไขว่า อาหารก็คือ "สิ่งที่ กิน ดื่ม อม เพื่อค้ำจุนชีวิต" แหม...ช่างเป็นคำนิยามที่ลายคนฟังแล้วจั๊กจี้เสียจริง

ไม่เพียงเท่านั้นในงานสัมมนาซึ่งนอกจากเต็มไปด้วยข้าราชการจากหลายหน่วยเข้ามาร่วมฟังการสัมมนาแล้ว ผู้ประกอบการทั้งหลายเขาก็ให้ความสนใจ งานนี้ ดร.ทิพย์วรรณเลยได้โอกาสกึ่งขู่กึ่งแซวว่าหากใครที่กระโดดข้ามมาตรฐานๆ ที่เป็นอุปสรรคไม่ได้ก็ลงไปอยู่ในคุกได้เลย และได้ผลคำขู่นี้หวาดเสียวกว่านิยามอาหารเสียอีก

พร้อมกันนี้ท่าน ผอ.จากกองควบคุมอาหารยังได้ให้นิยามขำๆ ของสำนักงานตัวเองว่า "เอายาก" ที่ผู้ประกอบการต้องใช้ความพยายามอย่างสูงที่จะขอมาตรฐาน อย.ไปแปะข้างฉลากสินค้า พร้อมเปรียบเปรยการขอใบอนุญาตเหมือนมาขอลูกสาวที่นอกจากคุณสมบัติที่เปรียบเป็นสินสอดทองหมั้นที่ต้องเพียบพร้อมแล้ว ยังต้องติดตามตรวจสอบอีกว่าได้ลูกสาวไปแล้วดูแลดีหรือเปล่า หากดูแลไม่ดีก็ริบคืน...แหม...ได้ข่าวว่างานสัมมนานี้มีฮากันไปยกใหญ่∞

∞ถ้าคุณแน่อย่าแพ้ ป.4! เก็บตกบรรยากาศงาน "ถนนสายวิทยาศาสตร์" ผลงานโบแดงของ "ดร.ยงยุทธ" ที่กลายเป็นอดีต รมว.วิทย์ ไปซะแล้ว ด้วยกระแสโลกร้อนที่ "ฮอตฮิต" อย่างร้อนเหลือ จึงได้เห็นนิทรรศการสอดไส้ความรู้ว่าด้วย "โกลบอลวอร์มมิง" จากหลายหน่วยงาน โดยนิทรรรศการจาก "ตึกลูกเต๋า" ที่เอากระบะพลาสติก 2 ใบมาใส่ต้นไม้ต้นเล็กต้นน้อยลงไป พร้อมใส่ "เทอร์โมมิเตอร์" เปรียบเทียบอุณหภูมิให้เห็นกันจะจะว่ากระบะที่มีฝาปิดซึ่งเปรียบเป็นภาวะเรือนกระจกนั้นร้อนกว่ากระบะที่ไม่มีฝาปิดแค่ไหน

จังหวะที่วิทยากรประจำนิทรรศการจะอธิบายภาวะเรือนกระจกให้เยาวชนตัวน้อยได้เข้าใจในปรากฏการณ์เรือนกระจกนั้น เจ้าหนู ป.4 จากโรงเรียนสวนมิสกวันก็สวนกลับอธิบายได้เป็นฉากๆ เล่นเอาเจ้าหน้าที่อึ้งไปเลย อย่างนี้ไม่เสียที่อยู่ใกล้กระทรวงวิทย์ซึ่งอยู่ห่างไปแค่ไม่กี่ช่วงตึกนะนี่

เรื่องของเด็กยังมีให้ได้ทึ่งอีกในการแข่งขัน "รูบิก" ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในงานถนนสายวิทย์ ซึ่งงานนี้แชมป์ระดับประถมทำเวลาไปแค่ 30 กว่าวินาทีเท่านั้น เล่นเอาผู้ใหญ่หลายคนอึ้งและทึ่งไปตามๆกัน ส่วนแชมป์ระดับมัธยมทำได้เหนือกว่าที่เวลา "13.38" วินาที ซึ่งหลังแก้เกมได้เห็น เสียงลุ้น "หูย..." ดังก้องเวทีแข่งขัน∞

∞ส่วนหน่วยงานนี้ก็ขยันจัดกิจกรรมดาราศาสตร์กับเด็กๆ ไม่ขาดสาย แถมยังพยายามกระจายความรู้สู่เยาวชนทั่วทุกภูมิภาค เมื่อสัปดาห์ก่อน "ลีซา" ยกพลขึ้นบก เอ๊ย! พากลุ่มเยาวชนจากเกาะหลีเป๊ะ 10 ชีวิต ขึ้นมาเหยียบแผ่นดินใหญ่ครั้งแรก และมุ่งหน้าทำกิจกรรม "ดาราศาสตร์ชาวเล" ไกลถึงเกาะสีชัง งานนี้หนูๆ ดีใจยกใหญ่ที่ได้เปิดโลกกว้างและรู้จักเพื่อนใหม่ที่อยู่ไกลกันคนละภูมิภาคอีกเกือบ 30 ชีวิต

ผอ.ลีซา "น.อ.ฐากูร เกิดแก้ว" ก็กลายเป็นขวัญใจเด็กๆ ที่หลงใหลดาราศาสตร์ไปแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่านายทหารอากาศที่มีใจรักดวงดาวผู้นี้มีมนต์ขลังอันใด แต่เรื่องที่อาจารย์นำมาสอนหนูๆ ก็น่าสนใจไม่น้อย เห็นนั่งฟังกันตาแป๋ว ทว่าพอพักเบรกเท่านั้นแหละ ทุกคนเหมือนถูกปิดสวิตซ์ พร้อมใจกันฟุบหน้าลงงีบกับโต๊ะทันทีราวกับอดหลับอดนอนมาทั้งคืน...

แต่ตลอดการเดินทางตั้งแต่ขึ้นฝั่งที่ท่าเรือ จ.สตูล ผ่านกรุงเทพฯ ไปชลบุรี เยาวชนจากหลีเป๊ะ พากันบ่นอุบว่า อากาศก็ร้อน มลพิษก็แยะ แถมยังไม่ค่อยจะมีสีเขียวของต้นไม้ให้เห็นเป็นที่เจริญตา...

เท่านั้นยังไม่พอ หนูๆ ผู้ไม่รู้ประสายังถามหาปะการังระหว่างเดินเล่นริมชายฝั่งอ่าวไทย "อ.ฐากูร" เลยอธิบายให้ชัดเป็นเพราะเหตุใดสิ่งที่ "หลีเป๊ะ" มีแต่ที่อื่นไม่มี...จบงานนี้แล้วเด็กๆ ได้ตระหนักถึงผลร้ายที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ และมุ่งมั่นว่าจะร่วมใจกันพิทักษ์ธรรมชาติของเกาะหลีเป๊ะให้คงอยู่นานเท่านาน...หวังว่าคนแผ่นดินใหญ่อีกกว่า 60 ล้านชีวิตได้ยินอย่างนี้แล้วก็คงได้คิดและคิดได้กันบ้างนะเจ้าคะ∞

∞กว่าจะชัดเจนสำหรับกรณี "ธีออส" ที่ยืดเยื้อไม่ได้ส่งสักที งานนี้ "ดร.วิชิต สาทรานนท์" ประธานกรรมการบริหารชี้แจงแถลงไขได้ชัดเจนว่าเหตุผลเป็นเรื่องการเมืองระหว่างรัสเซียและอุซเบกิสถาน โดยสองประเทศมีข้อตกลงร่วมกันมานานแล้ว แต่มีการเปลี่ยนแปลงและเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลพอดี แหม...ก็ถ้าอธิบายให้ชัดเจนอย่างนี้ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง ที่ผ่านมาไม่ว่าผู้บริหารคนไหนก็ให้ได้แค่เหตุผลแบบอ้ำๆ อึ้งๆ เป็นใครก็ต้องสงสัยในทางร้ายไว้ก่อน...จริงมั้ยเจ้าคะ∞

วัคซีนไข้เลือดออกสำเร็จแล้ว ที่เหลือก็รอจัดตั้งโรงงานผลิตให้ได้มาตรฐาน GMP ที่ "ศ.ดร.สุธี ยกส้าน" พยายามผลักดันให้ "รัฐบาล" เล็งเห็นความสำคัญมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผลสักที

อาจารย์ทุ่มกับงานวิจัยอย่างเดียวแม้จะด้วยใจรักก็คงเหนื่อยไม่น้อย แล้วยังต้องวิ่งเต้นหาทางต่อยอดวัคซีนจากห้องแล็บไปสู่ประชาชนให้ได้ แถมต้องควบบทบาท "สถาปนิก" จำเป็นออกแบบโรงงานเองอีก ทุ่มจนสุดตัวแบบนี้ หาก "รัฐบาล" มองไม่เห็นก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว...

นี่ยังโชคดีที่มหิดลมีอาคารพร้อมรองรับอยู่ก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นเห็นที "อ.สุธี" คงต้องเหนื่อยหนักกว่าเก่า เพราะอาจต้องตอกเสาเข็มโรงงานให้รัฐบาลดูก่อนที่จะให้งบประมาณ ส่วนแฟนผู้จัดการวิทยาศาสตร์บางท่านหวั่นว่าอาจารย์จะเสียแรงเปล่า เลยเสนอให้ขายเทคโนโลยีให้ต่างชาติไปซะเลยให้รู้แล้วรู้รอดเจ้าค่า

แต่ว่าความหวังของนักวิจัยคนเก่งและคนไทยอีกกว่า 60 ล้านชีวิต เริ่มสว่างไสวขึ้นมาทันที เมื่อ "นพ.ธงชัย ทวิชาชาติ" ผอ.ทีเซลส์ แย้มออกมาเมื่อวันก่อนว่าได้งบจัดตั้งโรงงานวัคซีนไข้เลือดออกมาแล้ว 70 ล้าน คาดว่าภายใน 2 เดือนนี้ก็เริ่มดำเนินการได้แล้ว...ได้ฟังอย่างนี้ อ.สุธี หายห่วงรึยังเจ้าคะ∞

∞เมาท์มากปากเริ่มเมื่อยซะแล้ว หรือใครมีเรื่องอะไรอยากเม้าท์เพิ่มเติมก็ฝากฝังมาได้เช่นเคยที่ scigossip@gmail.com เจ้าค่า ส่วนสัปดาห์นี้ "คุณซ้อ" อุ๊ย! "หนูไซน์" ต้องขออำลาไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อนเจ้าค่ะ แล้วพบกันสัปดาห์หน้าเหมือนเดิม...สบายดีเจ้าค่า
กำลังโหลดความคิดเห็น